×

TASTE: Coda ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งที่เปลี่ยนรสชาติอันคุ้นเคยให้สนุกและน่าค้นหา

26.10.2022
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • Restaurant Coda ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งบนถนนวิทยุที่นำรสชาติอันแสนคุ้นเคยในอาหารไทยมาทำใหม่ให้น่าสนุก นำโดย ‘เชฟแท็ป-ศุภสิทธิ์ ก๊กผล’ เชฟรุ่นใหม่ไฟแรงที่นำบ้านเกิด มหาชัย มาเป็นแรงบันดาลใจในการทำร้านอาหารแห่งนี้
  • เมนคอร์สของ Coda จะเสิร์ฟ 2 อย่าง เริ่มจาก ‘Duck’ เป็ดระยองที่นำมาดรายเอจ และเชฟกำลังพยายามค้นหาวิธีเสิร์ฟให้มีเนื้อสัมผัสเหมือนหมูกรอบมากที่สุด หนังเป็ดจานนี้จึงมีเนื้อสัมผัสแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดกว่าที่อื่นๆ

ปีนี้เราว่าร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งมาแรงมากๆ ทั้งเชฟหน้าเก่าและหน้าใหม่ต่างทำอะไรน่าสนใจออกมาให้เห็นอยู่ตลอด ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดี เพราะเราไม่ได้เห็นวงการอาหารไทยถูกยกระดับให้น่าตื่นเต้นมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว

 

และหนึ่งในร้านที่ทำให้เรารู้สึกสนใจได้ก็คือ ‘Restaurant Coda’ ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งบนถนนวิทยุที่นำรสชาติอันแสนคุ้นเคยในอาหารไทยมาทำใหม่ให้น่าสนุก นำโดย ‘เชฟแท็ป-ศุภสิทธิ์ ก๊กผล’ เชฟรุ่นใหม่ไฟแรงที่นำบ้านเกิด มหาชัย มาเป็นแรงบันดาลใจในการทำร้านอาหารแห่งนี้

 

 

Coda เป็นร้านอาหารสไตล์เอเชียนทวิสต์ที่เชฟแท็ปบอกว่า อาหารและวัตถุดิบส่วนใหญ่ได้แรงบันดาลใจมาจากคุณแม่ เจ้าของร้านอาหารเกียง้วน หรือมหาชัยซีฟู้ด ที่เขาเติบโตและอยู่กับมันมาตั้งแต่เด็กจนโต จนกระทั่งปัจจุบันส่งต่อให้คนนอกเป็นเจ้าของ

 

เมื่อมาทำร้านอาหารของตัวเอง เชฟแท็ปจึงอยากใส่ความชอบ รสชาติที่กินตอนเด็ก และประสบการณ์บนเส้นทางอาหารของตัวเองลงไปในทุกๆ จาน ทำให้เมนูส่วนใหญ่ของ Coda มักเต็มไปด้วยวัตถุดิบอาหารทะเล และอาหารไทยที่ถูกนำมาเปลี่ยนหน้าตาใหม่จนแทบเดาไม่ออก

 

 

คอร์สเมนูใหม่ที่ร้านเสิร์ฟอยู่ตอนนี้มีทั้งหมด 6 คอร์ส เชฟยังคงนำเมนูโปรดและความทรงจำของเขามาเป็นวัตถุดิบในการรังสรรค์เมนูเช่นเดิม พร้อมมีเมนูพิเศษให้สั่งเพิ่ม และเมนูปิดท้ายมื้อที่ขอบอกเลยว่าทุกคนจะลุกออกจากร้านไปแบบอิ่มท้องแน่นอน

 

เริ่มจาก Amuse Bouche ที่เสิร์ฟมา 3 คำ ได้แก่ ‘อ่องปูนา’ เชฟได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารอีสาน ‘ยำแหนมทอด’ แต่เชฟใช้โชริโซหรือไส้กรอกสเปนสไตล์ไทยแทนแหนม และ ‘ลักซาปูอลาสก้า’ อาหารชื่อดังของสิงคโปร์ที่เชฟได้ชิมตอนไปเยี่ยมเชฟใหญ่ในสิงคโปร์แล้วติดใจ

 

 

‘Suzuki Fish’ เป็นซุปใสที่ทำจากปลาและต้มนาน 2 วัน เชฟนำปลากะพงมาทำ 2 แบบ คือนึ่งและลูกชิ้น เสิร์ฟพร้อมสมุนไพร ผักชีใบเลื่อย และวุ้นเส้นทำเองอยู่ด้านล่าง เราชิมแล้วหอมทั้งน้ำซุปและสมุนไพรที่เข้ากันดีมาก

 

‘Curry Crab Chawanmushi’ เป็นเมนู Add-on (+600 บาท) ที่ไม่อยากให้พลาดกันเท่าไร เพราะเรายกให้เป็นเมนูโปรดในครั้งนี้เลย เชฟแท็ปได้แรงบันดาลใจมาจากไข่ตุ๋นญี่ปุ่นตามชื่อ แต่เขานำไข่ไปตีกับน้ำสต๊อกปู ก่อนเสิร์ฟพร้อมเนื้อปู คาเวียร์ ควินัว ใบกะหรี่ และผงกะหรี่หอมๆ ที่ทำให้จานนี้น่าดึงดูดขึ้นมา

 

 

หลังจากเสิร์ฟขนมปังและเนยทรัฟเฟิลให้กินแล้ว ก็ตามด้วยเมนู ‘Razor Clam’ ที่แอบมีความขลุกขลิกคล้ายข้าวต้มแห้ง โดยเชฟหุงข้าวเหนียวเขี้ยวงูผสมข้าวหอมมะลิด้วยน้ำสต๊อกหอย ก่อนเสิร์ฟพร้อมเนื้อหอยเรเซอร์ คาเวียร์ ใบแก่นตะวัน และซุปหอยอีกที แน่นอนว่ารสชาติชัดเจน

 

 

อีกหนึ่งเมนู Add-on ที่เต็มไปด้วยความพิเศษ ‘Szechuan Cold Pasta (+380 บาท)’ เป็นพาสต้าเส้นคาเปลลินีที่เต็มไปด้วยความสดชื่นและรู้สึกคุ้นเคย เพราะหากใครเป็นแฟนคลับร้าน Water Library จะต้องรู้จักรสชาตินี้แน่นอน เนื่องจากเชฟได้แรงบันดาลใจมาจากเมนูพาสต้าเย็นอันโด่งดังของ Water Library ที่เขาเคยทำงานสมัยหัวหน้าเชฟคนเก่ายังอยู่

 

และไม่ต้องห่วง เชฟทั้งสองสนิทกันดี เชฟแท็ปจึงตั้งใจทำเมนูนี้ขึ้นมาเพื่อรอเฮดเชฟที่เป็นอาจารย์ของเขากลับมาชิม

 

 

‘Tiger Prawns’ เป็นหนึ่งในจานซิกเนเจอร์ประจำร้าน และเห็นแบบนี้นอกจากหน้าตาสวยงามน่าสนใจ รสชาติก็จัดจ้านถูกใจเราไม่แพ้กันด้วย 

 

โดยเชฟใช้กุ้งลายเสือจากมหาชัยบ้านเกิด นำมารมควันและย่างกระทะ เสิร์ฟผสมเนื้อปลาและหยดกะทินิดหน่อยให้กินคู่กับน้ำยำด้านบนที่มาในรูปของซอร์เบต รสชาติทั้งสดชื่นและมีเนื้อสัมผัสที่กินสนุกมาก

 

 

เมนคอร์สของ Coda จะเสิร์ฟ 2 อย่าง เริ่มจาก ‘Duck’ เป็ดระยองที่นำมาดรายเอจ และเชฟกำลังพยายามค้นหาวิธีเสิร์ฟให้มีเนื้อสัมผัสเหมือนหมูกรอบมากที่สุด หนังเป็ดจานนี้จึงมีเนื้อสัมผัสแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดกว่าที่อื่นๆ (แต่แน่นอนว่าจะให้เหมือนหมูกรอบเลยคงไม่ได้) เสิร์ฟพร้อมกุยช่ายทำจากบีตรูต หัวไชเท้าดอง และซอสจูส์จากเป็ดผสมกาแฟ

 

อีกจานทุกคนต้องเลือกระหว่าง ‘Wagyu Striploin’ เนื้อวากิวญี่ปุ่นกับหอมเจียว กระเทียมพิวเร มันฝรั่งทอดรมควัน และซอสจูส์มัสมั่น หรือ ‘Turbot’ ปลาเทอร์บอตจากฝรั่งเศสนึ่งกับห่อหมก เสิร์ฟพร้อมสแกลลอปจากฮอกไกโด ใบชะพลู กะหล่ำ กระชายกรอบ และซอสแกงเหลือง

 

ทั้งสองจานเชฟทำรสชาติออกมาได้ดี เพราะแม้หน้าตาและเทคนิคจะเป็นสไตล์ตะวันตก แต่รสชาติของเครื่องแกงทั้งสองแบบยังคงอยู่

 

 

มาถึงของหวาน ‘Green Mango’ เป็นซอร์เบตที่เชฟได้แรงบันดาลใจมาจากมะม่วงน้ำปลาหวาน จึงเสิร์ฟมะม่วงซอร์เบต มะพร้าวคลุกน้ำปลาหวาน แครกเกอร์มะพร้าว และคาราเมลน้ำปลาหวานมาให้กินพร้อมกัน 

 

กับอีกเมนู ‘Coconut’ เชฟได้แรงบันดาลใจมาจากครองแครงน้ำกะทิ แต่ทำออกมาในเวอร์ชันใหม่ดูแปลกตา เป็นไอศกรีมมะพร้าวที่มาพร้อมแป้งข้าวเหนียว ข้าวพอง แครกเกอร์ มะพร้าวขูด

 

 

และหลังจบคอร์สของหวานแล้ว Coda จะเสิร์ฟเมนูพิเศษเพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนอิ่มจริงๆ ด้วยเมนู ‘ข้าวต้มเป็ด’ ที่เราขอบอกเลยว่าหากไม่อิ่มตั้งแต่เมนคอร์สก็คงกินหมดถ้วยเหมือนกัน และตามด้วย Petit Four อีก 3 คำที่เป็นของโปรดของเชฟแท็ป

 

Coda เป็นอีกร้านที่เราอยากให้ทุกคนจับตาดูว่าต่อจากนี้จะมีอะไรใหม่ๆ มาให้พวกเราชิมอีก เพราะตอนนี้เชฟกำลังสนุกกับการนำอาหารไทย หรือเมนูที่พวกเราคุ้นเคยมาทำใหม่ให้แปลกตา ทว่าหลังจากที่เชฟนำเมนูโปรดออกมาเสิร์ฟหมดแล้ว เขาบอกว่าจะเริ่มขยับไปนำเมนูต่างประเทศมาผสมผสาน หรือทำเมนูใหม่ขึ้นมาเอง

 

You may also like: KAVEE, TAAHRA, SDC

 

Restaurant Coda

Open: เปิดทุกวัน (ปิดวันอังคาร) เวลา 18.00-22.00 น.

Address: ถนนวิทยุ หน้าอาคารสินธร

Budget: เริ่มต้น 3,300++ บาท

Website: www.facebook.com/restaurantcodabangkok

Map: https://goo.gl/maps/8N1aYRpckXd6ZcXY7

 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising