“ไม่อยากเอาอาหารไทยไปทวิสต์มาก ผมว่าอาหารไทยเจ๋งในตัวของมันแล้ว” ความตั้งใจของสองเชฟ ‘เซ้นท์-พิริยะ บุญประสาร’ และ ‘นัท-ณัฐศักดิ์ แปรงทอง’ สู่ร้าน Chef Next Door BKK ร้านอาหารไทยแบบเสิร์ฟเป็นคอร์สที่นำเสนออาหารไทย วัตถุดิบไทย จากหัวใจของคนรุ่นใหม่ทั้งสอง
เซ้นท์-พิริยะ บุญประสาร และ นัท-ณัฐศักดิ์ แปรงทอง
หลังจากต้องออกจากงานเพราะพิษเศรษฐกิจในช่วงโควิด-19 เชฟทั้งสองก็ร่วมมือกันทำร้านอาหารไทยแบบเดลิเวอรี แต่เมื่อยอดเริ่มตกก็ต้องหาทางรอดใหม่โดยการจัด Tasting Menu ให้คนเข้ามานั่งกินที่บ้าน โดยเมนูจะเปลี่ยนทุก 4 เดือนตามฤดูกาล
บรรยากาศร้าน
The Vibes:
ร้าน Chef Next Door BKK ตั้งอยู่ในทาวน์เฮาส์ย่านลาดพร้าว ใกล้กับทาวน์อินทาวน์ การเข้ามาที่นี่จึงเหมือนการแวะเวียนมาบ้านเพื่อนที่เป็นเชฟ และรอเพื่อนทำกับข้าวให้กินในบรรยากาศสบายๆ โต๊ะกินข้าวจะตั้งอยู่บริเวณหน้าบ้าน รอบบริเวณประดับตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งมือสองที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี แม้จะเป็นการนั่งกินข้าวนอกบ้าน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกร้อนแต่อย่างใด กลับรู้สึกเย็นสบายเพราะต้นไม้ที่ร่มรื่นในบริเวณบ้าน
แม่มะลิ
พ่อตาแดงฉ่ำและน้ำหมักผลไม้
The Drinks:
นอกจากอาหารไทยรสชาติดั้งเดิมแล้ว ยังมีค็อกเทลสไตล์ไทยๆ ที่เอาไว้จิบคู่กันระหว่างมื้ออาหารอีกด้วย ทั้ง แม่มะลิ ค็อกเทลชื่อน่ารักๆ ที่หยิบเอาน้ำเชื่อมมะลิ รัม นำมาหมักมะนาวและมะกรูดเพื่อเพิ่มความสดชื่น และ พ่อตาแดงฉ่ำ ที่ได้เพื่อนมาช่วยคิดค้น รสชาติของ Red Wine Reduction ผสมกับจิน ไข่ขาว ท็อปด้วยโซดา มีตะไคร้โรยด้านบน แก้วนี้เหมาะกับกะเพราลิ้นวัวมาก
The Dishes:
อาหารของที่นี่ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลและจะเป็นวัตถุดิบไทย เวลาเสิร์ฟจะเสิร์ฟพร้อมกันหมดทีเดียวเหมือนกับการนั่งกินข้าวที่บ้านแบบเป็นสำรับ ตักจานนี้ผสมกับจานนั้นได้ตามใจชอบ และก่อนจะเริ่มมื้ออาหาร ทางร้านจะมีคอมบูชา หรือชาหมักให้ดื่ม เพื่อช่วยในเรื่องของการรับรสและการย่อยด้วย
ถั่วแปบกุ้ง
แสร้งว่าปลาน้ำดอกไม้ตาตากิ
เริ่มที่ Amuse อย่าง ถั่วแปบกุ้ง ที่จะมาทำให้คุณลืมภาพถั่วแปบแบบเป็นขนมไปก่อน และแทนที่ด้วยถั่วแปบกุ้งที่เนื้อเหนียวนุ่มคล้ายโมจิ ส่วน Starter เป็น แสร้งว่าปลาน้ำดอกไม้ตาตากิ เป็นแสร้งว่าแบบไทยที่มีตัวชูโรงเป็นปลาน้ำดอกไม้ย่างกับฟางข้าวไฟแรงแบบญี่ปุ่น
อาหารไทยที่เสิร์ฟในสำรับนั้นจะมีทั้งยำ ทอด ต้ม แกง ผัด เริ่มที่จานเบาๆ อย่าง ยำไหลบัวกุ้งสะดุ้งและหมูสับแบบโบราณ ที่จับเอาวัตถุดิบโบราณที่คนรุ่นใหม่อาจจะไม่คุ้นชินอย่างไหลบัวมายำกับกุ้งและหมูสับได้เป็นรสชาติยำแบบโบราณ ต่อด้วย ปลาเค็มทอดกะทิ เมนูพื้นบ้านของชาวชุมพรที่เกิดจากวัตถุดิบท้องถิ่นที่มีอยู่มากมาย ทั้งปลาเค็มและกะทิ ชาวชุมพรจึงนำมาผัดรวมกัน สองเชฟหยิบมานำเสนอพร้อมผักเคียง พริก มะม่วง หัวหอม จะกินแบบใช้แทนเครื่องจิ้มหรือคลุกกับข้าวก็ได้ตามที่ใจชอบ
ปลาแดงทอดขมิ้น
ต้มโคล้งปลากะพงทอดน้ำซุปปลาแห้ง
แกงแดงกล้วยดิบ
กะเพราลิ้นวัว
ต่อด้วยจานทอดที่เป็น ปลาแดงทอดขมิ้น ที่กินกับอาจาดน้ำส้มสายชูดอง ตามด้วยเมนูต้มอย่าง ต้มโคล้งปลากะพงทอดน้ำซุปปลาแห้ง ที่รสชาติกลมกล่อมหอมและเผ็ดร้อนตามแบบฉบับอาหารไทย เมนูแกง แกงแดงกล้วยดิบ ที่ปกติแล้วแกงกล้วยจะเป็นแกงใต้สีเหลืองๆ แต่สองเชฟอยากให้มีความเป็นภาคกลางมากขึ้น เลยเปลี่ยนมาใช้พริกแกงแดง ส่วนไฮไลต์ของคอร์สคือ กะเพราลิ้นวัว ที่ผ่านการจี่ในกระทะและตุ๋นนานถึง 6 ชั่วโมงจนเนื้อนุ่ม แต่ถ้าคุณไม่กินเนื้อวัว ก็มีเมนู หมูผัดเคย ที่รสชาติเข้มข้นไม่แพ้กัน
กระท้อนลอยแก้ว
ปิดท้ายด้วยของหวานแบบไทยๆ กระท้อนลอยแก้ว ในน้ำเชื่อมกลิ่นมะลิและใบเตยหอมชื่นใจ สำหรับใครที่สนใจสามารถเข้ามานั่งกินอาหารไทยในบ้านของทั้งสองเชฟแห่ง Chef Next Door BKK ได้ในราคาคอร์สละ 990+ บาท สามารถรองรับได้สูงสุด 8 คน สำรองที่นั่งได้ที่เบอร์ 08 4256 8306
Chef Next Door BKK
Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10.00-20.00 น. ปิดวันจันทร์
Address: 55/46 หมู่บ้านกลางเมือง พระรามเก้า-ลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 88 กรุงเทพฯ
Budget: 1,000 บาท
Contact: 08 4256 8306
Website: https://www.facebook.com/ChefNextDoorBKK
Map:
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
