บ้านเก่าหลังงามอายุกว่า 80 ปีในซอยสุขุมวิท 33 ได้รับการรีโนเวตใหม่ ด้วยใจรักในวัฒนธรรมอาหารการกินถิ่นล้านนา อันเป็นบ้านเกิดของ ‘อรกานดา อรรถวิภัชน์’ เจ้าของร้านผู้มีพื้นเพเป็นชาวเหนือ จังหวัดลำปาง 

ด้วยความที่เล็งเห็นว่ากรุงเทพฯ นั้นมีร้านอาหารไทยหลายแห่งซึ่งยกระดับอาหารไทยทั้งภาคกลางและภาคใต้ให้เป็นไฟน์ไดนิ่งอย่างร่วมสมัยแล้ว แต่เมื่อพูดถึงอาหารไทยภาคเหนือที่เธอรักและแสนภูมิใจนั้นกลับยังไม่มีเลย ร้านอาหาร North ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Gastronomy of Lanna’ จึงเกิดขึ้น ซึ่งแม้ทางร้านจะยังไม่แกรนด์โอเพนนิงอย่างเป็นทางการ แต่ก็เปิดให้บริการ Soft Launch เบาๆ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

บรรยากาศร้านโดดเด่นด้วยโทนสีหลัก ได้แก่ เขียวใบตอง น้ำตาล และดำ โดยได้รับการเติมเต็มความอบอุ่นจาก Lighting Design เมื่อก้าวเท้าเข้าไปภายในร้าน สิ่งแรกๆ ที่สัมผัสสายตาคือภาพวาดศิลปะรูปสตรีชาวเหนือที่ดูโดดเด่นร่วมสมัยซึ่งติดอยู่ตรงมุมหนึ่งของร้าน บริเวณอื่นๆ ของร้านยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมล้านนา ไม่ว่าจะผ่านฉากกั้นพาร์ทิชันรูปทรงสามเหลี่ยมขนมจ็อกหรือขนมเทียนของทางภาคเหนือ โคมไฟด้านบน มีทั้งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากร่มบ่อสร้างและโคมไฟยี่เป็ง แทบทุกโต๊ะจะมี ‘อูบ’ ภาชนะสมัยโบราณสำหรับบรรจุข้าวเหนียวที่บ่งบอกถึงสถานะของครอบครัวชาวเหนือแต่ละบ้านวางตกแต่งอยู่

ส่วนด้านอาหารนั้นนอกจากจะมี Sous Chef ชาวเหนืออย่าง เชฟนุ-ภานุพงษ์ ส่องแสง กับทีมเชฟประจำร้านคอยทำหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารแล้ว ร้านนี้ยังได้รับการชี้แนะจากเชฟที่ปรึกษารุ่นใหญ่ชื่อดังอย่าง เชฟชุมพล แจ้งไพร อีกด้วย ซึ่งทางร้านยังเน้นใช้วัตถุดิบหลายอย่างที่ส่งตรงมาจาก 8 จังหวัดในภาคเหนือโดยเฉพาะ เพื่อเป็นการยกระดับและนำเสนอวัตถุดิบดีๆ ของท้องถิ่น โดยในตอนนี้ที่ยังอยู่ในช่วง Soft Launch อยู่นั้น ทางร้านได้รังสรรค์เทสติ้งเมนู 11 คอร์ส ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเมนูอาหารจานเด่นของล้านนาขึ้นมา เราได้ชิมมาบางส่วนแล้ว และอยากจะขอแนะนำกันดังนี้ 

Amuse Bouche 

Amuse Bouche อาหารเรียกน้ำย่อยสไตล์ล้านนาทั้ง 3 คำ ประกอบด้วย ‘โครเกตต์ยัดไส้ด้วยตำขนุนและชีสเชียงใหม่’ ขนุนอ่อนนึ่งผัดกับพริกแกงล้านนา เติมความคิดสร้างสรรค์ด้วยการใส่ชีสโฮมเมดจากเชียงใหม่เป็นไส้ใน ส่วนด้านนอกสุดห่อด้วยข้าวก่ำอบแห้งแล้วนำไปทอดกลายเป็นโครเกตต์ ท็อปด้วยสไปซีมายองเนสเผ็ดนิดๆ คำต่อมาคือ ‘แกงกระด้างเห็ดรวม’ ไอเดียมาจากแกงกระด้างหมูซึ่งมักจะวางขายตามตลาดในภาคเหนือช่วงหน้าหนาวช่วงเช้าๆ แต่พลิกแพลงมาทำด้วยเห็ดและเสิร์ฟพอดีคำพร้อมบิสกิตผักกาดฮีนตรงฐานล่าง ส่วนคำสุดท้ายคือ ‘ไส้อั่วนอร์ธหมูนุ่มคุโรบุตะน้ำพริกหนุ่มแคบหมู’ รวมมิตรสามไฮไลต์อาหารล้านนาเข้มข้นเต็มรสชาติไว้ในคำเดียว 

ยำส้มโอน้ำปู๋กุ้งลายเสือ

‘ยำส้มโอน้ำปู๋’ ส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้งจากพิจิตร รสชาติหวานเปรี้ยวกำลังดี รับประทานคู่กับคาเวียร์น้ำปู๋และกุ้งลายเสือสดเด้งย่าง และจานต่อมาคือ ‘ทอร์เทลลินีข้าวซอยเชียงรายสอดไส้ไก่บ้านออร์แกนิค’ ใช้แป้งสดนำมารีดเป็นแผ่นพาสต้าทอร์เทลลินีหรือเกี๊ยวสไตล์อิตาเลียน สอดไส้ไก่บ้านอินทรีย์ ในน้ำแกงข้าวซอยตำรับฮ่อเชียงราย ราดโฟมกะทิผสมกระวานดำ รสชาติน้ำซุปข้าวซอยออกเค็มนำและไม่หวานจนเกินไป ด้านบนยังมีแป้งพายให้กินเคียงแทนเส้นหมี่กรอบ ส่วนผักกาดดองซึ่งปกติเป็นเครื่องเคียงของข้าวซอยนั้น ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบของเจลผักกาดดองบีตรูต เวลากินจะใส่พายลงในน้ำแกงหรือบิกินเคียงก็ได้ 

ทอร์เทลลินีข้าวซอยเชียงราย

สอดไส้ไก่บ้านออร์แกนิค

‘ขันโตกนอร์ธ’ ขันโตกเป็นวิธีรับประทานแบบสำรับดั้งเดิมของภาคเหนือ ขันโตกชุดนี้เสิร์ฟให้รับประทานคู่กับข้าวสวย ประกอบด้วย ‘น้ำพริกมะแขว่นหมูคุโรบุตะ’ กับ ‘จิ้นส้มนุ่มหมกไข่ห่อใบตอง’ และมีไฮไลต์คือ ‘แกงฮังเลเนื้อวากิวน่องลาย’ ที่อร่อยมาก แต่หากไม่รับประทานเนื้อจะเลือกรับแกงฮังเลหมูก็ได้

ขันโตกนอร์ธ

มาถึงจานสุดท้าย ‘สายน้ำผึ้งแห่งล้านนา’ คือของหวานที่เราได้ลอง ส้มสายน้ำผึ้งของ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นที่เลื่องลือในเรื่องรสชาติความอร่อยอยู่แล้ว วัตถุดิบชั้นดีของภาคเหนือนี้ถูกนำเสนอในรูปแบบด้านนอกสุดเป็นไวต์ช็อกโกแลต แทรกด้านในชั้นที่สองด้วยมาสคาโปนครีม ส่วนชั้นในสุดตรงกลางนั้นมีซอสส้มสายน้ำผึ้งเคี่ยวรสเข้มข้นซ่อนอยู่ กินกับข้าวแต๋นครัมเบิลเพิ่มสัมผัสกรุบกรอบ รสชาติเปรี้ยวหวานละมุนสดชื่นดีมากๆ 

สายน้ำผึ้งแห่งล้านนา

นี่เป็นเพียงบางส่วนจากเซ็ตอาหารเทสติ้งเมนูของร้าน North ซึ่งนอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยจานเด็ดอื่นๆ อีก เช่น ส้าจิ้นเนื้อวากิว A5, แอ๊บอ่องออรับประทานร่วมกับชัทนีย์สับปะรด, ซอร์เบตมะเกี๋ยงกุหลาบเวียงพิงค์, แกงฟักทองปลากะพงแม่น้ำน่าน และเนื้อวัวไทยแองกัสย่างถ่านน้ำเงี้ยวดอกงิ้วป่า อาหารทั้งหมด 11 คอร์สนี้ให้บริการในราคา 2,488 บาท++ หากใครที่อยากเปิดประสบการณ์อาหารเหนือไฟน์ไดนิ่งร่วมสมัยในคอนเซ็ปต์ Gastronomy of Lanna ก็เชิญไปชิมไปลองกันได้