ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ หลายคนอาจต้องหาอาชีพเสริมจากงานหลัก การทำงานในยุคที่ไร้พรมแดนจึงเข้ามามีบทบาท สามารถตอบโจทย์มนุษย์เงินเดือนในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะงานในลักษณะที่เป็นทางไกล หรืองานที่สามารถทำได้ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลก กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก
ล่าสุด สำนักข่าว CNBC รายงานว่า งานเสริมระยะทางไกลที่ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานด้านเทคโนโลยีเริ่มเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานไม่น้อย เนื่องจากทุกคนสามารถทำได้จากทุกมุมโลก เพื่อเป็นรายได้เสริมจากงานหลัก และบางงานบางอาชีพสามารถเรียกค่าตัวได้มากถึง 100-300 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง หากคิดเป็นเงินบาทไทยก็ราวๆ หมื่นบาทต่อชั่วโมงเลยทีเดียว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
FlexJobs แพลตฟอร์มค้นหางานทางไกล สำรวจตามรายการของบริษัทกว่า 58,000 แห่งในช่วงปลายปี 2023 พบว่า แต่ละตำแหน่งงานในปัจจุบันมีการประกาศรับสมัครงานทางไกลมากขึ้น พร้อมเสนอโอกาสที่หลากหลาย โดยอิงฐานเงินเดือนจาก Payscale
โทนี แฟรนา ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพ ระบุว่า ความน่าสนใจคือตำแหน่งงานที่ไม่ใช่ด้านเทคนิค 7 อาชีพกำลังเป็นที่ต้องการมากที่สุด
โดย 7 อาชีพเสริมระยะทางไกลที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการมากที่สุด ได้แก่
- ผู้ช่วยเสมือน (Virtual Assistant) หรือผู้ช่วยส่วนตัวที่ช่วยงานแบบออนไลน์ เรียกสั้นๆ ว่า VA ซึ่งต้องทำหน้าที่ช่วยงานทุกเรื่อง ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ตั้งแต่งานพื้นฐานอย่างงานทำเอกสาร หาข้อมูล ทำรายงาน เปรียบเทียบ ประสานงาน จองร้านอาหาร สั่งของ จัดการเรื่องส่วนตัว ไปจนถึงจัดการอีเมล รายได้ 18 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง
- งานทำบัญชี (Bookkeeper) รายได้ 20 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง
- ตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้า (Customer Service Representative) รายได้ 16 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง
- นักบัญชี (Accountant) รายได้ 23 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง
- นักเขียนด้านเทคนิค (Technical Writer) รายได้ 26 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง
- ผู้จัดการด้านโซเชียลมีเดีย (Social Media Specialist) หน้าที่หลักจะเป็นการดูแลสื่อโซเชียลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, YouTube, Instagram, TikTok หรือเว็บไซต์ ให้มีคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องลงในเวลาที่วางแผนไว้ รายได้ 19 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง
- นักตัดต่อวิดีโอ (Video Editor) รายได้ 22 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง
Flexjobs ระบุอีกว่า แม้ว่าจำนวนชั่วโมงทั้งหมดจะแตกต่างกันไปในแต่ละบทบาท แต่งานส่วนใหญ่สามารถจ่ายค่าจ้างได้ราวๆ ไม่น้อยกว่า 10-25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
นอกจากนี้ในหลายๆ งาน เช่น การตัดต่อวิดีโอ การทำบัญชี และการบริการลูกค้า ไม่จำเป็นต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ซึ่งส่วนใหญ่ผู้จัดการฝ่ายจ้างงานมักจะประเมินผู้สมัครโดยพิจารณาจากประสบการณ์และทักษะทางอารมณ์
“ทักษะด้านอารมณ์หลักๆ ที่ผู้คนมองหาในทุกตำแหน่งงานเหล่านี้ ได้แก่ ความสามารถในการทำตามกำหนดเวลา ทักษะการสื่อสารที่แข็งแกร่งทั้งในด้านการเขียนและทางโทรศัพท์ การเริ่มต้นด้วยตนเอง การแก้ปัญหา และแน่นอนว่าต้องมีทักษะพื้นฐานด้านเทคโนโลยีพื้นฐาน” โทนีกล่าว
อย่างไรก็ตาม บางอาชีพบางงานที่เร่งด่วนก็สามารถจ่ายเงินได้มากกว่า 100 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับทักษะและเนื้องาน เช่น พนักงานทำบัญชีบน Upwork (แพลตฟอร์มออนไลน์คล้ายๆ Fastwork ของไทย) สามารถเรียกค่าจ้างได้มากถึง 175 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง หรือบางโปรเจกต์อาจเรียกได้ถึง 300 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงเลยทีเดียว
โทนีกล่าวอีกว่า ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของการทำงานลักษณะนี้ก็คือ ความยืดหยุ่น ซึ่งสามารถเลือกทำงานอย่างอิสระ อีกทั้งยังสามารถกำหนดเวลาทำงานเป็นของตัวเองได้ นอกจากนี้นายจ้างหลายรายพร้อมยอมปรับให้เหมาะสมกับตารางเวลางานของผู้สมัครได้ตามความต้องการอีกด้วย
อ้างอิง: