เข้าสู่ช่วงปลายปีแบบนี้เชื่อว่าใครหลายคนจะต้องเตรียมหาสถานที่สำหรับการเฉลิมฉลองกันอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะกับเพื่อนหรือคนพิเศษ ถ้าโจทย์ของคุณคือร้านอาหารกึ่งไฟน์ไดนิ่งในบรรยากาศสบายๆ ไม่ต้องพิธีรีตองลากชุดราตรีใส่สูทแต่อย่างใด เราอยากให้แวะมาเช็กอินกันที่ PEPÉ ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นฟิวชันย่านสุขุมวิทที่เพิ่งเปิดได้ไม่ถึงปีโดยสองหุ้นส่วน เปเป้-เชาว์กฤตย์ บรรจงนิติพัฒน์ ผู้รักการดื่มไวน์เป็นชีวิตจิตใจ และ พลอย-ณัฎฐณิชา ทัศนีย์วรวงศ์ ผู้หลงใหลในการทำอาหาร
The Vibe
พอก้าวเข้ามายังตัวร้านคุณก็จะเชื่อว่าเปเป้ชอบดื่มไวน์จริงๆ เพราะแค่เห็นขวดเปล่าที่ถูกนำมาตกแต่งรอบร้านก็พอจะเดาได้แล้วว่าร้านมีลิสต์ไวน์เยอะแค่ไหน บรรยากาศภายในร้านมีความโฮมมี่และอบอุ่น แถมยังมีพร็อพแฟนซีให้เหล่าลูกค้าที่แวะเวียนมาถ่ายรูปทำคอนเทนต์ได้อีกด้วย
ที่นี่ยังมีโซนไพรเวตเป็นโต๊ะยาวสำหรับก๊วนเพื่อนกรุ๊ปใหญ่ 20-30 คนเลยทีเดียว
นอกจากกองทัพขวดไวน์แล้ว อีกสิ่งที่ทำให้เราเซอร์ไพรส์คือเพลงภายในร้าน โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะคุ้นชินกับเพลงสไตล์ Jazz หรือ R&B ในร้านสเกลนี้ แต่ที่นี่นำเพลงไทยยุคเก่า-ใหม่มารีมิกซ์ให้ฟังกันเพลินๆ พอช่วงหัวค่ำที่ลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามาเพลงก็จะเปลี่ยนไปเป็นสไตล์ R&B สอดแทรกเพลงสากลสนุกๆ สรุปได้ว่าเพลงของที่นี่จะถูกเปิดตามสไตล์ลูกค้าที่มา รวมถึงอารมณ์ของเจ้าของร้านนั่นเอง หากใครอยากรีเควสต์เพลงทางร้านก็ยินดีอีกเช่นกัน
The Taste
พลอยตั้งใจให้อาหารสไตล์โมเดิร์นฟิวชันของ PEPÉ ไม่ถูกตีกรอบด้วยการเป็นอาหารสัญชาติใดสัญชาติหนึ่ง แต่เน้นความแปลกใหม่ และที่สำคัญคือวัตถุดิบต้องมีคุณภาพเท่านั้น ประเดิมจานแรกด้วยเมนูติดดาวของทางร้าน PEPE Focaccia (370 บาท) ขนมปังฟอกกาเซียอบสดใหม่เสิร์ฟกับสแตรกเชียเทลลา ชีสอิตาลีที่อยู่ข้างในชีสบูราตานั่นเอง ราดด้วยน้ำมันต้นหอมจีน
ดูผิวเผินอาจจะคิดว่ามีแต่ตัวชีส แต่ถ้าตักไปถึงก้นถ้วยจะเจอกับเห็ดดองแน่นๆ จิ้มกินกับขนมปังแล้วเข้ากันไปหมด รสชาติละมุนกลมกล่อมของชีสตัดกับรสชาติเค็มเปรี้ยวของเห็ด และยังได้ความหอมจากน้ำมันต้นหอมจีนไปในตัว สมแล้วที่เป็นจานซิกเนเจอร์ของทางร้าน
ต่อกันด้วยจานกินเล่น Duck Liver (290 บาท / 2 ชิ้น) ตับเป็ดอาจเป็นเมนูที่เข้าถึงยากสำหรับใครบางคน แต่เราอยากให้เปิดใจลองของที่นี่ดู ตับเป็ดบดเสิร์ฟมาบนแป้งพายกรอบๆ ท็อปด้วยเยลลี่อูเมะชูและพรุน เป็นคำที่ให้ความนัวมันปากแต่ไม่เลี่ยนแต่อย่างใด
Fish Crudo (370 บาท) ซาชิมิ 3 ชนิดเสิร์ฟกับซอสบัตเตอร์มิลก์ ซอสขิงถั่วเหลือง และสาหร่ายโนริ เนื้อปลาค่อนข้างมีความสดเลยทีเดียว กินกับซอสแล้วได้ความครีมมี่อร่อยเพลินไปอีกแบบ
เพิ่มความสดชื่นกับ Melon Prosciutto (340 บาท) เมลอนพาร์มาแฮม จานที่ดูเบสิกแต่รสชาติไม่เบสิก! บอกได้เลยว่านี่คือเมลอนพาร์มาแฮมที่อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยลองมา ตัวเมลอนมีความหวานฉ่ำสดชื่นถึงใจ ส่วนพาร์มาแฮมของที่นี่จะออกเค็มพอดี ไม่เค็มโดดจนต้องหลับตาปี๋ พอกินกับชีสสแตรกเชียเทลลาและบราวน์ชีสที่เสิร์ฟมาด้วยคือ 10/10
Roasted Pumpkin (320 บาท) ใครเป็นสายฟักทองต้องไม่พลาดจานนี้จริงๆ ฟักทองย่างของที่นี่ถูกเคลือบด้วยซอสบัตเตอร์คาราเมลฉ่ำวาว เสิร์ฟกับ Crème Fraîche ที่มีความคล้ายซาวครีมแต่เข้มข้นกว่า ตักกินด้วยกันกับซอสฟักทองและถั่วพิสตาชิโอแล้วอร่อยลงตัวไปหมด
ทันทีที่เห็น Crispy Crab Toast (360 บาท / 2 ชิ้น) ก็ได้แต่คิดในใจว่านี่มันขนมปังหน้าหมูหรือเปล่า พอชิมคำแรกก็พูดได้เลยว่านี่คือรสชาติของขนมปังหน้าหมู เพียงแต่เปลี่ยนจากหมูเป็นปูแถมยังเสิร์ฟพร้อมคาเวียร์อีกต่างหาก! เป็นจานที่ชวนให้นึกถึงรสชาติในความทรงจำที่อร่อยติดตรึง อยากให้ทุกคนได้ลอง
Salmon Baguette Crouton (290 บาท / 2 ชิ้น) เอาใจสายแซลมอนกันบ้างกับแซลมอนบาแกตต์กรูตองสุดกรอบชนิดที่ถ้าเอาไมค์จ่อตอนกัดก็จะได้ซาวด์ความครันชี่ระดับ HD พร้อมความหอมมันจากเอบิโกะวิป แตงกวาดอง และเลมอน
มาถึงเมนูที่ไม่คิดว่าจะมีในร้าน และเป็นเมนูที่ทีม LIFE ยกให้เป็นเดอะเบสต์แห่งค่ำคืน Roasted 14 Days Dry Aged Duck (920 บาท) เป็ดย่างดรายเอจ 14 วัน เสิร์ฟพร้อมกับหมั่นโถว ซอสฮอยซินที่ทางร้านทำจากฝรั่ง และซอสเครื่องเทศ 5 อย่าง เนื้อเป็ดย่างมาได้นุ่ม หนังกรอบฉ่ำ ซึ่งจริงๆ กินกับน้ำที่ราดมาด้วยก็อร่อยแล้วแต่พอลองกินกับหมั่นโถวและซอสที่เหลืออย่างละนิดละหน่อยก็ได้รสชาติที่เข้มข้นฟินไปอีกแบบ เนื้อตรงส่วนน่องก็ย่างมาได้นุ่มลงตัว ถือเป็นจานที่ทำออกมาได้ดีเกินคาดจริงๆ
ในส่วนของไวน์ที่ร้านก็จะมีทั้งแบบคลาสสิกและแบบเนเชอรัลไวน์ และมีการอัปเดตใหม่ทุกเดือน ซึ่งไวน์ Merlot (390 บาท) และ Sauvignon Blanc (350 บาท) จากชิลีทั้งสองแก้วค่อนข้างดื่มง่ายเลยทีเดียว
ส่วนใครที่ชอบแนวสปาร์กลิงติดหวานดื่มง่ายหน่อย Procescco Extra Dry (350 บาท) ของอิตาลีก็ถือเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างดี
Good for…
PEPÉ เหมาะจะเป็นที่แฮงเอาต์ เดต จัดงานฉลองสนุกๆ แน่นอนว่ารวมถึงสายไวน์ด้วย และยิ่งถ้าชอบอาหารฟิวชันที่มีความเข้าใจง่าย มีกลิ่นอายของความเอเชียนด้วยหน่อยๆ ก็คงถูกปากเหมือนเรา แนะนำให้โทรจองก่อน ส่วนที่จอดรถหน้าร้านจะจอดได้ประมาณ 10 คัน และสามารถจอดบริเวณคอนโดหลังร้านได้อีก
PEPÉ
Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป
Address: 173, 3 ซอยสุขุมวิท 16, คลองเตย, กรุงเทพฯ
Instagram: https://www.instagram.com/pepe.bangkok/
Facebook: https://www.facebook.com/PEPEBANGKOK
Tel: 08 4264 9291
Budget: อาหารเริ่มต้นที่ 190 บาท, ไวน์เริ่มต้นที่ 350 บาทต่อแก้ว