×

1919 Italian Bar & Restaurant บาร์กึ่งร้านอาหารที่สดุดีให้กับ Negroni ที่อายุครบ 100 ปีในราคาที่เข้าถึงง่าย

05.10.2019
  • LOADING...
1919 Italian Bar & Restaurant

HIGHLIGHTS

4 MINS. READ
  • อาหารอิตาเลียนและเครื่องดื่มที่อัดแน่นด้วยคุณภาพในราคาที่เอื้อมถึงได้ เช่น ลาซานญ่าหมูป่า หรือพาสต้าฟิเลจาเส้นเหนียวหนึบกินคู่กับซี่โครงหมูแสนอร่อย
  • ดริงก์ของทางร้านย่อมได้รับการดูแลจากกรุ๊ปบาร์เมเนเจอร์คนเก่ง ซึ่งเขาออกแบบเมนูที่เน้นสาแหรกของเนโกรนีซึ่งเป็นหัวใจหลักของทางร้าน แต่ถึงกระนั้นเขาก็บริหารเมนูให้มีดริงก์ที่เข้ากับนักดื่มหลากหลายรูปแบบเช่นกัน

ณ สปอตที่เคยเป็นร้านอาหารสไตล์ยุโรป-เมดิเตอร์เรเนียน Via Maris ตอนนี้ได้กลายมาเป็นบาร์กึ่งร้านอาหารนามว่า 1919 Italian Bar & Restaurant แต่ไม่ต้องตกใจไป เพราะทีมที่อยู่เบื้องหลัง 1919 ยังคงเป็นทีมเดิมจากเครือร้านอาหารและบาร์ Foodie Collection ซึ่งนำโดย ปาล์ม-ศุภวิชญ์ มุททารัตน์ กรุ๊ปบาร์เมเนเจอร์ที่มีดีกรีเป็นแชมป์ประเทศไทยในรายการแข่งขันบาร์เทนเดอร์ Diageo World Class Bartender Thailand 2012 และแชมป์ Campari Bartender Competition Asia 2019 นอกจากนี้เมื่อต้นปี 2019 ที่ผ่านมาเขาก็เพิ่งได้รับรางวัล Bartender of the Year 2019 โดย Bar Awards Bangkok 2019 ส่วนเหตุผลที่ร้านถูกตั้งชื่อว่า 1919 ก็เพราะปีนั้นเป็นปีที่เนโกรนี (Negroni) ซึ่งมีส่วนผสมสำคัญก็คือคัมปารี (Campari) ได้ถือกำเนิดขึ้น และในปี 2019 ดริงก์คลาสสิกตัวนี้ก็มีอายุครบ 100 ปีพอดิบพอดี

 

1919 Italian Bar & Restaurant

 


The Vibe
จากร้านเดิมที่เป็นโทนสีฟ้าๆ ก็กลายเป็นสีแดงฉานจากไฟนีออนดัดที่เขียนว่า ‘We own the night’ ที่อยู่ติดกับเคาน์เตอร์บาร์ ซึ่งย้อมร้านให้มีสีเหมือนเนโกรนีและคัมปารีที่เรียงรายอยู่บนเชลฟ์ การจัดพื้นที่รับรองแขกก็หลากหลาย สามารถรับลูกค้าที่มาเดี่ยว มาคู่ หรือมาเป็นกลุ่ม และเพราะการจัดสรรพื้นที่อย่างเป็นสัดเป็นส่วนนี้เองที่ทำให้การมานั่งดื่มหรือกินที่นี่รู้สึกสะอาดตา ไม่อึดอัด และผ่อนคลาย คล้ายกับมานั่งในคาเฟ่เก๋ๆ ที่มีคอนเซปต์ชัดๆ สักแห่งในโรม มิลาน หรือฟลอเรนซ์ พอกวาดสายตาไปรอบๆ ก็เกือบจะเป็นแกลเลอรีขนาดย่อมที่เก็บเอาภาพงานศิลปะและโปสเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับคัมปารีเอาไว้มากมาย แต่ด้วยการจัดวางอย่างชาญฉลาดก็ไม่ดูขืนใจจนเกินงาม

 

1919 Italian Bar & Restaurant 1919 Italian Bar & Restaurant 1919 Italian Bar & Restaurant

 


The Foods
อาหารของที่นี่เน้นอิตาเลียนคอมฟอร์ตฟู้ดซึ่งราคาไม่ได้แรงมาก แต่รับรองว่าวัตถุดิบที่ทางร้านเลือกสรรมานั้นเป็นวัตถุดิบคุณภาพแน่นอน เพราะเชฟฟรานเซสโก เดอานา (Francesco Deiana) เป็นผู้ดูแลเมนูอาหารทั้งหมดด้วยตัวของเขาเอง ประเดิมกันด้วย Smoked Grilled Squid, Black Ink, Rosemary (290 บาท) เนื้อของปลาหมึกตัวน้อยถูกย่างจนนุ่ม ไม่เหนียวเหมือนเคี้ยวยางรถยนต์ หอมกลิ่นทะเล ไม่เหม็นคาว บีบเลมอนที่นำไปย่างไฟเล็กน้อย ช่วยเพิ่มมิติให้กับชิ้นเนื้อปลาหมึก 

 

Smoked Grilled Squid, Black Ink, Rosemary (290 บาท)

 

ตามมาด้วย Braised-Till-Tender Then Baked Wild Boar Lasagna (320 บาท) ซึ่งที่นี่ไม่ได้ใช้เนื้อวัว แต่เป็นเนื้อของหมูป่าที่ทำให้เปื่อยจนได้ที่ ก่อนนำมาแทรกระหว่างแผ่นแป้งลาซานญ่าแต่ละชั้น ส่วนเบชาเมลซอสของที่นี่ก็ครีมมี่และหอมชีสเป็นที่สุด เป็นจานที่ให้ได้มากกว่าคำว่า Comfort Dish
 

 

Braised-Till-Tender Then Baked Wild Boar Lasagna (320 บาท) 

 

เท่านี้ยังไม่พอยังมี Fall-Off-Bone Pork Ribs, Hand Rolled Fileja Pasta, Spicy Nduja, Pecorina Romana (M 380 บาท / L 520 บาท) ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า Fall-Off-Bone ซึ่งเป็นเนื้อส่วนซี่โครงหมูที่สามารถลอกออกจากกระดูกอย่างง่ายได้ เส้นฟิเลจา (Fileja) ที่ทำสดๆ นั้นก็เหนียวนุ่มหนึบหนับ คลุกเคล้ากับซอสที่ทำจากดูญ่า (Nduja) กลมกล่อม ให้ความเผ็ดที่ปลายลิ้น กินแล้วไม่ผิดหวัง
 

 

Fall-Off-Bone Pork Ribs, Hand Rolled Fileja Pasta, Spicy Nduja, Pecorina Romana (M 380 บาท / L 520 บาท) 

 

ต่อด้วย New Zealand Lamb Chops, Lavender, Orange & Honey (590 บาท) เนื้อลูกแกะกึ่งดิบกึ่งสุกเป็นสีชมพูเรื่อๆ หวาน นุ่มลิ้น และชุ่มฉ่ำ เคียงมากับผักที่ช่วยให้กินต่อได้เรื่อยๆ

 

New Zealand Lamb Chops, Lavender, Orange & Honey (590 บาท)

 

ปิดท้ายมื้อนี้กันด้วย Homemade Lemon Tart, Walnuts & Pistachios (240 บาท) ที่รสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดี เพิ่มความกรุบกรอบนิดๆ จากวอลนัตและพิสตาชิโอ

 

 Homemade Lemon Tart, Walnuts & Pistachios (240 บาท) 

 

1919 Italian Bar & Restaurant

 

The Drinks
ดริงก์โปรแกรมของร้านย่อมได้รับการดูแลจากกรุ๊ปบาร์เมเนเจอร์คนเก่ง ซึ่งเขาออกแบบเมนูที่เน้นสาแหรกของเนโกรนี ซึ่งเป็นหัวใจหลักของทางร้าน แต่ถึงกระนั้นเขาก็บริหารเมนูให้มีดริงก์ที่เข้ากับนักดื่มหลากหลายรูปแบบเช่นกัน โดยขอเริ่มจากดริงก์กลุ่มเนโกรนีกันก่อนด้วย Negroni (300 บาท) สาเหตุที่เลือกดริงก์คลาสสิกมาไม่ใช่เพราะเป็นไฟลต์บังคับ แต่เพราะความอร่อยจากสัดส่วนของคัมปารี จิน และ Cinzano 1757 Rosso อีกทั้งเทคนิคที่ทำให้ดริงก์เย็นกำลังดี มีบอดี้ที่ไม่หนักจนเกินไป มอบรสขมหวานที่ดื่มแล้วสบายคอ 

 

1919 Italian Bar & Restaurant

Negroni (300 บาท) 

 

ตัวต่อมา Truffle Negroni (490 บาท) ที่มีการใช้เวอร์มุท 2 ตัวผสมกันคือ Cinzano 1757 Rosso และ Mancino Secco ส่วนทรัฟเฟิลที่ใช้เป็นทรัฟเฟิลดำ ซึ่งตอนนี้ที่ร้านใช้เป็นทรัฟเฟิลดำช่วงฤดูร้อน ซึ่งกลิ่นที่ออกมาจะไม่ใช่กลิ่นทรัฟเฟิลที่คนส่วนใหญ่คุ้นชิน เพราะคนไทยมักจะเจอแต่น้ำมันทรัฟเฟิล ซึ่งทรัฟเฟิลที่เป็นชิ้นๆ หรือลูกๆ นี้จะให้กลิ่นเอิร์ธธี 

 

1919 Italian Bar & Restaurant

Truffle Negroni (490 บาท) 

 

ถัดมาคือ Strawberry Rossini (400 บาท) ซึ่งเป็นดริงก์ที่มีความฟิซซี่ขึ้นมา ดริงก์ตัวสตรอว์เบอร์รีสดจะถูกนำไปปั่น เบสเป็นคัมปารี ตามด้วย Cinzano Bianco เลมอน น้ำตาล และท็อปด้วยโปรเซกโก (Prosecco) ทำให้ได้ค็อกเทลขมๆ หวานๆ แต่เข้าใจง่าย 

 

1919 Italian Bar & Restaurant

Strawberry Rossini (400 บาท) 

 

คราวนี้เราออกมาจากโซนดริงก์สีแดงๆ กันบ้างกับ It’s Not Just Midori Sour (390 บาท) ที่มีเบสเป็นวอดก้า ตามด้วยมิโดริ น้ำเลมอน เพิ่มมิติให้ดริงก์ด้วยวานิลลา และมีเมลอนสดชิ้นโตแต่งแก้ว เป็นดริงก์เปรี้ยวหวานใสๆ ที่มีความซับซ้อนเล็กน้อย 

 

 It’s Not Just Midori Sour (390 บาท)

 

ส่วนดริงก์สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด “Double” Whiskey Sour (400 บาท) ตัวนี้ใช้ทั้งเบอร์เบินและไรย์วิสกี้ ตามด้วยซินซาโน (Cinzano) น้ำเลมอน วานิลลา และไข่ขาว ซึ่งรสชาติกลมกล่อมและมีเท็กซ์เจอร์ฟองๆ ฟูๆ จากไข่ขาวที่นุ่มนวลจั๊กจี้ลิ้นและริมฝีปากเบาๆ นับเป็นแหล่งแฮงเอาต์ที่ตอบโจทย์ทั้งคนอยากมากินอาหารอร่อยๆ ก่อนตบท้ายด้วยดริงก์ดีๆ สักแก้วหรือหลายๆ แก้วที่ทำให้คุณสามารถนั่งที่ร้านได้นานๆ ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนไปหาดริงก์ที่อื่นดื่มต่อ  

 

1919 Italian Bar & Restaurant

“Double” Whiskey Sour (400 บาท) 

 

 

1919 Italian Bar & Restaurant 

Open: เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00 น. ถึงเที่ยงคืน

Address: 10/15 ซอยคอนแวนต์ 

Budget: 300-1,000 บาท

Contact: 0 2236 5558

Page: www.facebook.com/1919bkk/

Map: 

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

FYI
  • ดูญ่า (Nduja) ถูกปรุงแต่งขึ้นแบบเดียวกับซาลามี แต่เท็กซ์เจอร์จะออกมาคล้ายๆ กับปาเต (Pâté) เอาไปทากับขนมปังก็อร่อยดี
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X