หากจะบอกว่าร้านอาหารไทย Le Du Kaan (ฤดูกาล) เปรียบเสมือนภาคต่อของร้านอาหาร Le Du (ฤดู) ก็คงไม่ผิดสักเท่าไรนัก เพราะร้านทั้งสองแห่งมีผู้อยู่เบื้องหลังเป็นทีมเดียวกัน นำโดย เชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร เจ้าของร้านไทย Le Du และ Nusara ซึ่งมีชื่อติดอยู่บนลิสต์ร้านอาหารที่ดีที่สุดระดับเอเชีย
ทว่าเรื่องราวของ Le Du Kaan จะมีความเข้าใจง่ายขึ้น เนื่องจากไม่ใช่ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่ง และรสชาติชัดเจนกว่าแบบไม่ทิ้งความเป็นไทย แถมยังอยู่สูงกว่าบนตึกชั้น 56 ใจกลางสาทรด้วย
The Vibe
Le Du Kaan เป็นร้านอาหารไทยบนรูฟท็อปแห่งแรกของกรุงเทพฯ อยู่บนชั้น 56 ของตึก EA Rooftop at The Empire เมื่อขึ้นลิฟต์มาจะมองเห็นวิวได้แบบสุดลูกหูลูกตาไร้สิ่งบดบัง ยิ่งวันไหนอากาศดีๆ เราเชื่อว่าทุกคนต้องอยากจับจองที่นั่งด้านนอกอย่างแน่นอน ทว่าบรรยากาศด้านในก็พิเศษเหมือนกัน เพราะมีที่นั่งหลายมุมและค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว
เราชอบการออกแบบที่เต็มไปด้วยดีเทลของที่นี่ พร้อมกับโชว์ความหรูหราผสมความเป็นไทยเอาไว้หลายจุด ยกตัวอย่างเช่น ลวดลายผนังที่ทำจากเกลือ โคมไฟทรงเมล็ดข้าว หรือการใช้โทนสีแบบไทยๆ ที่มีเอกลักษณ์ เมื่อจับทุกอย่างมารวมกัน บรรยากาศของ Le Du Kaan จึงกลายเป็นร้านอาหารไทยที่ดูสวย โมเดิร์น ไม่ต่างกับเมนูอาหารที่นำเสนอในรูปแบบใหม่ ทว่าไม่ทิ้งรสชาติแบบไทยๆ
The Taste
Le Du Kaan เสิร์ฟอาหารในรูปแบบอะลาคาร์ต เน้นใช้วัตถุดิบจากเกษตรกรและชาวประมงจากแต่ละท้องถิ่นทั่วประเทศ และด้วยความที่อาหารไทยจะอร่อยที่สุดเมื่อกินแบบแชริ่ง ทุกเมนูที่นี่จึงเน้นให้สั่งมากินด้วยกันได้ โดยมีครบทั้งจานเรียกน้ำย่อย จานหลัก และขนมหวาน
เมนูแรกที่เราอยากแนะนำคือ กะเพราเนื้อ (2,200 บาท) ในเวอร์ชันของ Le Du Kaan จะเสิร์ฟมาในหม้อร้อนใบใหญ่ และมีชาบูเนื้อมาพร้อมกันในชุด โดยในหม้อเป็นข้าวผัดซอสกะเพราหอมๆ ตักกินพร้อมเนื้อตุ๋นชิ้นโตๆ นุ่มสะใจ และมี Bone Marrow ซอสกะเพรา มาให้คลุกเคล้ากับข้าวเพิ่มด้วย
ตัดรสด้วยเมนู ส้มตำปูนิ่ม (420 บาท) ความเด็ดของจานนี้อยู่ตรงเส้นมะละกอดอง พอกินพร้อมปูนิ่มทอดกรอบเคล้าน้ำส้มตำรสจัดแล้วเพลินดี จานนี้เชฟใส่มะเขือเทศจากจังหวัดเชียงใหม่ที่นำไปดองและพริกจินดาดองด้วย
อีกหนึ่งเมนูที่คนรักเนื้อต้องสั่งคือ ลิ้นย่าง (990 บาท) เชฟใช้ลิ้นวัววากิวทาจิมะจากจังหวัดสกลนครทั้งส่วนปลายลิ้นและโคนลิ้นไปซูวีด์ ก่อนนำไปย่างพร้อมเสิร์ฟ ทำให้กินแล้วมีทั้งส่วนที่นุ่มและส่วนที่ได้เคี้ยว มาพร้อมซอสเนื้อที่ได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารอีสานอย่างน้ำตกเนื้อ
แกงส้มชะอมกุ้ง (680 บาท) จานนี้เชฟนำเสนอใหม่ด้วยการเสิร์ฟแบบเย็นคล้ายเมนูการ์ปัชโช จึงนำกุ้งไปลวกให้ยังมีความเด้ง ก่อนเสิร์ฟพร้อมซอสแกงส้มแบบเย็น กินแล้วแปลกใหม่ดี แต่ยังคงมีความจัดจ้าน
เช่นเดียวกับ สลัดปลาเค็ม (390 บาท) ที่นำเสนอใหม่เช่นเดียวกัน ด้วยการใช้ปลาเค็มของไทยแทนปลาแอนโชวี ทั้งความหอมและรสชาติไม่แพ้กันเลย ใครรู้จักคนชอบเมนูปลาเค็มต้องพามาชิม
ปิดท้ายด้วยของหวานที่เชฟบอกว่าจะมีกลิ่นอายแบบไฟน์ไดนิ่งนิดหน่อย เพราะนำเมนูขนมไทยมาเปลี่ยนหน้าตาใหม่ให้ดูโมเดิร์น เช่น กล้วยบวชชี (350 บาท) ที่มีไอศกรีมกล้วยกับเค้กกล้วย หรือ ไอศกรีมไข่เค็ม (120 บาท) ที่เสิร์ฟแบบโคน
แต่เมนูที่เราติดใจที่สุดก็คือ เมี่ยงคำ (350 บาท) เชฟทำเป็นไอศกรีมใบชะพลูให้กินพร้อมมูสมะพร้าว, ถั่วกรอบแก้ว, แคนดี้ขิง, เจลมะนาว, เจลพริก, ซอสเมี่ยงคำ, บิสกิตกุ้ง และหอมแดง
นอกจากอาหารแล้วเราอยากให้ทุกคนลองสั่งเครื่องดื่มจากบาร์ค็อกเทลด้วย เพราะร้านใช้สปิริตท้องถิ่นในประเทศไทย แก้วที่เราได้ลอง เช่น ริมทะเล (380 บาท) ที่ใช้สปิริตจากอำเภอหัวหิน หรือ กนกจันทร์ (360 บาท) ที่ผสมรัมสัญชาติไทยกับชาไทย
Good for
Le Du Kaan เป็นร้านอาหารไทยที่เราเชื่อว่าหากทุกคนพาใครมาก็ต้องตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะวิวรูฟท็อปที่สวยแบบไม่ต้องเดา (หากวันไหนอากาศดีและฟ้าเป็นใจ) เพราะร้านอยู่บนตึกชั้น 56 ใจกลางย่านสาทร ทำให้มองออกไปแล้วไม่มีสิ่งบดบัง จึงชมวิวพระอาทิตย์ตกได้แบบเต็มตา
อีกทั้งที่นี่ยังเสิร์ฟอาหารไทยที่รสชาติเข้าถึงง่าย หน้าตาสวยงาม เหมาะกับโอกาสพิเศษ เพราะฉะนั้นหากวันไหนใครอยากหาร้านอาหารบรรยากาศดีมานั่งกินข้าวกับครอบครัวหรือคนพิเศษ เราว่าที่นี่เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย
Le Du Kaan
Address: ชั้น 56 บนตึก EA Rooftop at The Empire
Open: ทุกวัน เวลา 11.30-14.30 น. และ 17.00-22.30 น. (บาร์เปิดเวลา 17.00-01.00 น.)
Contact: Le Du Kaan
Budget: 1,500-3,000 บาท
Map: