×

‘ไทยประกันชีวิต’ ปักหมุดเข้าซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์ปลายเดือน ก.ค. นี้ ลุ้น Fast Track เข้าคำนวณดัชนี SET50

27.06.2022
  • LOADING...
ไทยประกันชีวิต

บมจ.ไทยประกันชีวิต หรือ TLI คาดว่าจะเข้าซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปลายเดือนกรกฎาคมนี้ หลังกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 16 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวมไม่เกิน 37,067 ล้านบาท ขึ้นแท่น IPO ธุรกิจประกันที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย และเป็น IPO ที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในอาเซียนในรอบ 22 ปีนับจากปี 2543 เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม 2565 ผ่าน 13 โบรกเกอร์พันธมิตร พร้อมลุ้น Fast Track เข้าคำนวณดัชนี SET50 

 

อนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ ประธานสายวานิชธนกิจและตลาดทุน บล.เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าของแผนการเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของ บมจ.ไทยประกันชีวิต (TLI) ว่า หุ้น TLI ได้รับกระแสการตอบรับที่ดีและความสนใจในการลงทุนเป็นจำนวนมาก แม้ในภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์การลงทุนที่มีความผันผวน และมีนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศรวม 18 ราย สนใจลงทุนเป็น Cornerstone Investors คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 18,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53.75% ของจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมดในครั้งนี้

 

ทั้งนี้ TLI ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นที่ 16 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ณ ราคา IPO ที่มูลค่า 183,200 ล้านบาท และติดอันดับ 25 อันดับแรกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ส่งผลให้ TLI มีโอกาสได้ Fast Track เข้าคำนวณดัชนี SET50 ในครึ่งปีหลังนี้ 

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

โดย TLI จะเปิดให้นักลงทุนที่เป็นลูกค้าของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์สามารถจองซื้อหุ้น TLI ได้ในระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน – 6 กรกฎาคมนี้ ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ 13 แห่ง ประกอบด้วย บล.เกียรตินาคินภัทร, บล.โนมูระ พัฒนสิน ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และ บล.กรุงศรี, บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) และ บล.ฟินันซ่า ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม 

 

ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 8 ราย ประกอบด้วย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย), บล.ทิสโก้, บล.ธนชาต, บล.บัวหลวง, บล.หยวนต้า (ประเทศไทย), บล.เอเชีย พลัส และ บล.ไทยพาณิชย์ 

 

ทั้งนี้ TLI คาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรกปลายเดือนกรกฎาคมนี้ 

 

อนึ่ง TLI จะเสนอขาย IPO มีจำนวนไม่เกิน 2,155.068 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 20.2% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดภายหลังการ IPO ในครั้งนี้ โดยแบ่งออกเป็น 

 

  1. การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนโดย TLI จำนวนไม่เกิน 850 ล้านหุ้น
  2. การเสนอขายหุ้นสามัญเดิมโดยบริษัท วี.ซี. สมบัติ จำกัด จำนวนไม่เกิน 1,166.57 ล้านหุ้น
  3. การเสนอขายหุ้นสามัญเดิมโดย Her Sing (H.K.) Limited จำนวนไม่เกิน 138.49 ล้านหุ้น 

 

และอาจมีการพิจารณาจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment Option หรือ Greenshoe) อีกจำนวนไม่เกิน 161.63 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 7.5% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้ในการรักษาระดับราคาหุ้น (Stabilization) ในช่วง 30 วันแรกหลังหุ้นของ TLI เข้าซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อช่วยลดความผันผวนของราคาหุ้นและเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุน 

 

ปัจจุบันแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. และมีผลใช้บังคับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

 

“จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการสร้างผลการดำเนินงานที่มั่นคง และศักยภาพในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องของไทยประกันชีวิต ผมเชื่อว่า TLI จะเป็นหุ้นคุณภาพอีกหนึ่งตัวสำหรับนักลงทุนและตลาดทุนไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการลงทุนในธุรกิจประกันชีวิตของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” อนุวัฒน์กล่าว 

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ยัน รักษาสัดส่วน 

วิญญู ไชยวรรณ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TLI กล่าวว่า ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO แล้ว กลุ่มไชยวรรณ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TLI ยืนยันว่า จะคงสัดส่วนการถือหุ้นเพื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TLI 

 

ขณะที่ Meiji Yasuda Life Insurance Company ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทประกันชีวิตรายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น และเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของ TLI ได้ความประสงค์ที่จะรักษาสัดส่วนการถือหุ้นใน TLI Meiji Yasuda Life Insurance Company ถืออยู่ที่ 15% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรกนี้ 

 

ดังนั้น Meiji Yasuda Life Insurance Company จะจองซื้อหุ้นสามัญที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรกนี้เป็นจำนวนหนึ่ง เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นดังกล่าวของตนไว้ 

 

นำเงินระดมทุน 1.36 หมื่นล้าน เสริมแกร่งนวัตกรรม

จากการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ TLI จะได้รับเงินระดมทุนจำนวน 13,600 ล้านบาท ซึ่งจะใช้สำหรับเสริมความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรม 

 

ไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TLI กล่าวว่า เงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้ ไทยประกันชีวิตจะนำไปใช้ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจและเพิ่มศักยภาพการเติบโตในอนาคต โดยเน้นลงทุนในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) ผ่านนวัตกรรมที่จะเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการให้บริการและดูแลลูกค้าอย่างครบวงจร การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางจัดจำหน่ายผ่านทางพันธมิตรที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับลูกค้าทั่วประเทศ ตลอดจนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินทุน ทั้งสำหรับเงินทุนหมุนเวียนและวัตถุประสงค์อื่นๆ ในอนาคต

 

โดยการเสนอขายหุ้น IPO ของไทยประกันชีวิตในครั้งนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่มิติใหม่ รองรับการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งความแข็งแกร่งของไทยประกันชีวิตในปัจจุบัน พร้อมด้วยยุทธศาสตร์ที่จะสร้างการเติบโตในอนาคตที่ชัดเจน เชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่า ไทยประกันชีวิตจะเป็นบริษัทประกันชีวิตที่สามารถสร้างผลกระทบในเชิงบวกให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทย ตลอดจนอยู่เคียงข้างดูแลลูกค้าและคนไทยอย่างยั่งยืน

 

ชูจุดเด่น ‘ตัวแทนขาย’ ครอบคลุม 

วรางค์ ไชยวรรณ กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TLI กล่าวว่า ไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทประกันชีวิตรายแรกและรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ที่เป็นของคนไทยและก่อตั้งโดยคนไทย โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 ไทยประกันชีวิตมีกรมธรรม์ที่มีผลบังคับกว่า 4.4 ล้านกรมธรรม์ มีเครือข่ายตัวแทนประกันชีวิตที่มีจำนวนกว่า 64,000 คนกระจายครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงมีการจัดจำหน่ายผ่านพันธมิตรและช่องทางอื่นๆ 

 

นอกจากนี้ TLI มีแผนขยายช่องทางแพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น เช่น ช่องทางออนไลน์มาร์เก็ตเพลส โดยเริ่มจากผลิตภัณฑ์ไม่ซับซ้อนและมีราคาไม่สูง เช่น ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่มีระยะเวลาชำระเบี้ยสั้นกว่าระยะเวลาคุ้มครอง และประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ระยะสั้น

 

อีกหนึ่งจุดแข็งของ TLI คือ การมีคณะผู้บริหารทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มากด้วยประสบการณ์ในธุรกิจประกันชีวิต อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรธุรกิจ บริษัท เมจิยาสุดะ ไลฟ์ อินชัวรันส์ จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทประกันชีวิตรายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้ไทยประกันชีวิตมีความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งและเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว

 

ในส่วนของผลการดำเนินงานในปี 2564 TLI มีส่วนแบ่งทางการตลาดเมื่อพิจารณาจากเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ประมาณ 15% เป็นอันดับที่ 2 ในอุตสาหกรรมประกันชีวิต โดยมีรายได้รวม 109,246 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 8,394 ล้านบาท ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีที่ 11.3% ระหว่างปี 2562-2564 

 

ขณะที่ในไตรมาส 1 ปี 2565 TLI มีรายได้รวม 25,955 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 3,793 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 14.7% เทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า 

 

นอกจากนี้ฐานะทางการเงินของไทยประกันชีวิตมีความแข็งแกร่ง โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 TLI มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนอยู่ที่ 360.6% ซึ่งสูงกว่าข้อกำหนดของ คปภ. ที่กำหนดไว้ที่ 140% อย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับในเดือนเมษายนที่ผ่านมา สถาบัน Fitch Ratings ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินของบริษัทฯ ไว้ที่ A- (ระดับสากล) และ AAA (tha) (ระดับภายในประเทศ)

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising