TASTE: “ถ้าขายไม่ได้ ก็คงต้องเก็บไว้กินเอง” น่องลาย ร้านเนื้อย่างที่แม้ไม่เหลือใคร ก็จะก้าวต่อไปพร้อมกันด้วยความช่วยเหลือของคนในครอบครัว

“เราได้แต่รอโอกาส ตอนนี้โต๊ะเก้าอี้ต้องเก็บหมด ลูกน้องก็กลับบ้านกันหมด เลยต้องช่วยกันทำในครอบครัว”

น่องลาย เป็นร้านเนื้อย่างในซอยนวลจันทร์ที่เคยคึกคักเต็มไปด้วยผู้คน ไม่ว่าจะครอบครัว กลุ่มเพื่อนที่มาสังสรรค์ หรือแม้แต่ปาร์ตี้ส่วนตัวที่มีบริษัทสักบริษัทหนึ่งมาเหมาร้าน ที่วันนี้กลับเงียบเหงาไม่เหลืออะไรเลย เหลือแต่เพียงฝนและสมชาย เจ้าของร้าน

อาหารของร้านน่องลาย

“บางวันขายได้แค่ร้อยสองร้อย ก็มานั่งคิดว่าแล้วพรุ่งนี้จะขายได้ไหม แต่ถ้าขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็เก็บไว้กินเองแล้วกัน”

ฝนเปิดตู้แช่โชว์วัตถุดิบที่ซื้อมาสำหรับทำอาหารขาย พร้อมบอกว่าถ้าวันนี้เธอขายไม่ได้ก็เก็บไว้กินเอง จากเดิมที่ร้านเคยมีวัตถุดิบอัดแน่นอยู่ในตู้แช่กว่า 3 ตู้ ตอนนี้เหลืออยู่เพียงตู้เดียวเท่านั้น พวกเขาบอกกับเราว่าถึงแม้จะรู้สึกท้ออยู่บ้าง แต่ในเมื่อตัดสินใจทำแล้วก็จะไม่ถอย

“ตอนนี้ทุกอย่างเราทำกันเองในครอบครัว ลูกสาวคนโตเพิ่งเรียนจบมาก็มาช่วยรับออร์เดอร์ดูแลลูกค้า ลูกชายคนเล็กระหว่างนี้เรียนออนไลน์ก็เป็นคนย่างเนื้อ เขาย่างเนื้อเก่งมาก”

บรรยากาศการทำอาหารในครอบครัว

ฝนเล่าว่าในช่วงโควิดนี้ทำให้ทุกคนในครอบครัวมาช่วยกันทำงานในร้าน ไม่ว่าจะเป็นสมชายที่ปกติแล้วเป็นทนายความ เมื่ออยู่ในช่วงโควิด ศาลก็หยุดพิจารณาคดี ทำให้สมชายมีเวลามาดูแลร้าน หรือลูกสาวที่เพิ่งเรียนจบมาใหม่ๆ และลูกชายที่อยู่ในช่วงเรียนออนไลน์ ว่าแล้วฝนก็ให้ลูกชายคนเล็กเข้าไปย่างเนื้อในครัวให้เราดู เขาบรรจงย่างทีละขั้นตอน โดยมีฝนเล่าให้ฟังว่าเนื้อที่ใช้ในร้านนั้นเป็นเนื้อโคขุนอย่างดีจากฟาร์มในจังหวัดสกลนครที่เป็นคู่ค้ากันมานาน นำมาหมักด้วยสูตรของทางร้าน ย่างบนเตาไฟ และลูกค้าสามารถเลือกระดับความสุกได้เอง

เนื้อย่าง (150 บาท)

เนื้อรัมป์กระทะเหล็ก (250 บาท)

เนื้อรัมป์กระทะเหล็ก (250 บาท) และเนื้อย่าง (150 บาท)

เนื้อรัมป์กระทะเหล็ก (250 บาท)

เนื้อย่าง (150 บาท) จานนี้เป็นจานที่ขายดีที่สุด ไม่ว่าโต๊ะไหนมาที่ร้านจะต้องสั่ง เป็นเนื้อโคขุนสันสะโพกที่นุ่มและติดมันเล็กน้อย เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มสูตรเด็ด ส่วน เนื้อรัมป์กระทะเหล็ก (250 บาท) ก็ขายดีไม่แพ้กัน ความแตกต่างคือเนื้อรัมป์กระทะเหล็ก เมื่อย่างบนเตาเสร็จแล้วจะต้องนำไปใส่กระทะเหล็กแล้วผัดด้วยเนยเพิ่มความหอมนวลอีกครั้ง ก่อนจะเสิร์ฟคู่กับผักผัดเนยและหัวไชเท้าดอง จิ้มกินคู่กับน้ำจิ้มรสออกหวานและหอมงา และแม้จะเป็นเมนูกระทะร้อน ทางร้านก็สามารถเนรมิตแบบกล่องกลับบ้านให้คุณได้

เนื้อน่องลายของทางร้าน

ชุดจิ้มจุ่มริบอาย (250 บาท)

ชุดจิ้มจุ่มริบอาย (250 บาท) และชุดจิ้มจุ่มน่องลาย (200 บาท)

“เราทำอะไรให้ได้ก็ทำหมดเลย ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่คอนโดมิเนียมกัน ถ้าไม่มีหม้อก็บอกเราได้ เราลวกให้เลย”

ฝนตอบเมื่อเราถามถึงเมนูจิ้มจุ่มที่เป็นไฮไลต์ของร้าน ว่าการไม่ได้นั่งกินในร้านแบบนี้ เมนูจิ้มจุ่มจะทำอย่างไร ก็ได้รู้ว่าไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรร้านก็จะสู้ไม่ถอย เพราะเมนูจิ้มจุ่มของที่ร้านนั้นโดดเด่นมาก ด้วยเนื้อโคขุนที่สไลซ์เป็นแผ่นกำลังดี มีให้เลือกทั้ง ชุดจิ้มจุ่มน่องลาย (200 บาท) หรือจะเป็น ชุดจิ้มจุ่มริบอาย (250 บาท) เนื้อถูกหมักมาอย่างดีด้วยไข่และซอสหมัก เมื่อลวกลงในน้ำซุปรสชาติเผ็ดหวานก็ทำให้เนื้อเหล่านี้รสชาติดียิ่งขึ้นไปอีก จะเลือกแบบเป็นชุดสำหรับจิ้มจุ่มเองที่บ้าน หรือถ้าไม่มีหม้อแต่คิดถึงรสชาติของที่ร้าน ก็บอกให้ร้านลวกให้ก็ได้เหมือนกัน

ปลาลุยสวน (250 บาท)

การซื้อกลับบ้านของที่ร้านน่องลายจะเป็นเมนูเล็กหรือเมนูใหญ่ก็ไม่ใช่ปัญหา ฝนเดินออกมาจากครัวพร้อมกับปลาทอดตัวโตและหม้อใส่น้ำราดปลา พร้อมอธิบายว่านี่คือ ปลาลุยสวน (250 บาท) มีเป็นปลาช่อนและปลาทับทิมให้เลือก ราดด้วยน้ำราดคล้ายกับปลาสามรส พร้อมด้วยผักแกล้มอีกมากมาย

น่องลายเป็นร้านที่ตัดสินใจไม่เข้าร่วมกับเดลิเวอรีเจ้าไหนเลย ฝนเล่าว่าการจะเข้าร่วมกับเดลิเวอรีนั้นมีการหักค่า GP กว่า 30% ดังนั้น การเข้าร่วมกับเดลิเวอรีนั้นมีทางเลือกให้ร้านเพียงแค่สองทางคือ จะเลือกบวกราคาเข้าไป หรือจะเลือกขายราคาเดิมแล้วลดปริมาณ ฝนบอกว่าเธอทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ เธอจึงเลือกให้ส่วนลด 20% สำหรับการซื้อกลับบ้านดีกว่า บางครั้งสมชายก็เป็นคนขับรถไปส่งเอง บางครั้งก็มีหลานที่มาช่วยขี่มอเตอร์ไซค์ส่งหลังเลิกเรียน

“เราไม่เอากำไรมากหรอก เอาแค่พออยู่ได้ ช่วงนี้ก็ถือเป็นการช่วยกันเนอะ” ฝนทิ้งท้ายไว้