Kokugura ร้านราเมนสุดคราฟต์ในกลิ่นอายญี่ปุ่น-สแกนดิเนเวียนใจกลางอารีย์

แฟนตัวยงของราเมนคงเข้าใจดีว่าความรู้สึกที่ได้ซู้ดเส้นเข้าปากตามด้วยการซดน้ำซุปร้อนๆ เป็นอะไรที่ทำเอาใจฟูสุดๆ และยิ่งถ้าได้นั่งกินในร้านไวบ์ดีๆ ด้วยคงจะฟินไม่น้อย เหมือนกับที่เราได้ไปลิ้มรสความอร่อยใหม่ที่ Kokugura ร้านราเมนสุดคราฟต์ในย่านอารีย์ที่บรรยากาศไม่ซ้ำใคร รสชาติยูนีก แถมกลางคืนยังผันตัวเป็นสาเกบาร์ให้แวะเวียนไปนั่งชิลได้อีกด้วย

The Vibe

เพียงก้าวเข้ามาในตัวร้านก็จะสัมผัสได้อีกบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกเย็นด้วยสไตล์การตกแต่งแบบญี่ปุ่น-สแกนดิเนเวียน เหมือนได้กลิ่นอายการนั่งอยู่ในสแกนดิเนเวียนคอตเทจ โดยมีแบ็กกราวด์มิวสิกเป็นเพลงสไตล์คลาสสิก ซึ่งเป็นไปตามความชอบของเชฟเจ้าของร้าน แอ๋-กุลพล สามเสน

“ถ้าเราได้กินราเมนร้อนๆ ในบรรยากาศหนาวเย็นน่าจะฟิน ช่วงกลางคืนก็จะยิ่งผ่อนคลาย” เชฟแอ๋กล่าว

The Taste

ปัจจุบันราเมนของทางร้านมีอยู่ด้วยกัน 3 เมนู 3 น้ำซุป ได้แก่ Niboshi Shio Ramen, Gyokai Tonkotsu Ramen และ Ika Sumi Tsukemen ทว่ากว่าจะได้มาซึ่ง 3 สูตรไฟนอลนี้ เชฟเล่าให้เราฟังว่าใช้เวลาพัฒนาสูตรน้ำซุปไปนานถึง 6 เดือน

“ผมก็เหมือนหลายๆ คนที่ชอบกินราเมน และใน 1 สัปดาห์ก็มีความเสี้ยนราเมนสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แต่ปัญหาของเราคือที่อารีย์มันไม่มีราเมนให้กิน ถึงมีก็เป็นราเมนที่ไม่ได้ตอบโจทย์เรา พอเราอยู่แถวนี้ก็ต้องสั่งจากสุขุมวิทมากิน แต่กว่าจะมาถึงมันก็เสียรสชาติความอร่อยไปแล้ว”

“สิ่งที่ทำก็คือผมไปญี่ปุ่น 7 วันเต็ม แล้ว 7 วันนั้นผมกินราเมนไป 23 ร้าน เป็นราเมนล้วน ไม่ได้กินอย่างอื่นเลย ผมวางแผนไปก่อนแล้วว่าต้องกินร้านอะไรบ้าง โดยเลือกกินร้านที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น เพราะเราจะได้รู้ว่ายอดเขามันอยู่ตรงไหน ผมมีความเชื่อว่าคนเราไม่มีทางทำอาหารได้อร่อยกว่าสิ่งที่ตัวเองเคยกิน…”

เชฟกลับไทยมาพร้อมความมุ่งมั่นในการพัฒนาสูตรราเมนที่ใช่ที่สุด ทว่าราเมนในแบบฉบับของเชฟแอ๋ต้องไม่ใช่แค่อร่อย แต่ตามมาด้วยคำถามที่ว่า “อร่อยแล้วเราสามารถกินมันทุกวันได้ไหม ใช่รสชาติที่อยากกินจริงๆ หรือเปล่า?” ด้วยมาตรฐานในแบบของเชฟ ทำให้เชฟลองผิดลองถูกผ่านการต้มน้ำซุปทิ้งไปกว่า 70 หม้อ จนถึงจุดที่นั่งเครียดเงียบๆ อยู่หน้าเตา แต่ในเมื่อการล้มเลิกไม่ใช่ตัวเลือก เชฟเลยมุ่งหน้าเข้าครัวต่อ จนได้มาซึ่งรสชาติราเมนญี่ปุ่นตามปรัชญาญี่ปุ่นแท้ๆ แต่ยังคงสอดแทรกเอกลักษณ์ความอร่อยสไตล์เชฟไปด้วย

เริ่มกันที่ Niboshi Shio Ramen (ธรรมดา 259 บาท / พิเศษ 379 บาท) ราเมนเส้นกลมเล็กแป้งโฮลวีตที่เสิร์ฟในซุปต้มจากหมู ไก่ และปลาซาร์ดีนแห้งจากเกียวโต โดยมีท็อปปิ้งยืนพื้นเป็นสันคอหมูซูวีด์ย่างฟาง คอหมูย่างตุ๋นแทรกมันกำลังดี ไข่ Ajitama หรือไข่ต้มหมักซอส (เพิ่ม 60 บาท) และหน่อไม้ที่นำไปหมักและผัดแบบกระทะจีนเพิ่มความหอมไปอีกระดับ

ชามนี้จะเป็นซุปใสที่ให้รสชาติเบาที่สุดในบรรดาทั้ง 3 เมนู แต่ยังคงให้ความกลมกล่อมและหอมผิวส้มยูซุที่ใส่มาอีกด้วย ยิ่งกินกับหมูนุ่มๆ ที่เสิร์ฟมาด้วยยิ่งเข้ากัน

เลเวลอัพความเข้มข้นของน้ำซุปกับ Gyokai Tonkotsu Ramen (ธรรมดา 279 บาท / พิเศษ 399 บาท)

ซุปกระดูกหมูข้นใส่ปลาซาบะและปลาคัตสึโอะแห้งรมควันจากโตเกียว อีกทั้งหมึกแห้งจากปราณบุรี เพิ่มความหอมด้วยน้ำมันกุ้ง ที่บอกว่าเป็นรสชาติซุปกระดูกหมูข้นก็ต้องเชื่อจริงๆ เพราะรสชาตินั้นเข้มข้นหอมหมูมากๆ กินกับเส้นที่อ้วนหนาเหนียวหนึบขึ้นมายิ่งอร่อย

และมาถึงเมนูที่เชฟแอ๋เล่าให้ฟังว่ากินแล้วต้องร้อง “หืมมม!” Ika Sumi Tsukemen (ธรรมดา 299 บาท / พิเศษ 429 บาท) ซุปหมึกดำที่ทำมาจากซุปหมูเข้มข้นใส่ทะเลแห้งเช่นเดียวกับ Gyokai Tonkotsu Ramen แต่เพิ่มความเข้มข้นไปอีกระดับด้วยหมึกดำจากอิตาลี

ถือเป็นชามซิกเนเจอร์ที่เชฟภูมิใจนำเสนอเป็นพิเศษจริงๆ ไม่รอช้า รีบคีบเส้นจุ่มลงไปในซุปเลย ทันทีที่เส้นหนาหนึบและซุปดำแสนข้นนี้เข้าปากก็ถึงบางอ้อถึงคำอุทานตามที่เชฟว่า…เพราะทีม LIFE ต่างอุทานออกมากันคนละหืมสองหืมโดยมิได้นัดหมาย

ทุกส่วนประกอบในชามล้วนลงตัวไปหมด ทั้งเส้นอ้วนแน่น หมูย่างหอมมัน และซุปสูตรเด็ดที่เอาอะไรลงไปจิ้มกินด้วยก็อร่อยไปหมด เป็นชามที่ทำเอาใจฟูจริงๆ

Good For

สายราเมนที่ชอบความคราฟต์ในรสชาติ อีกทั้งบรรยากาศร้านที่นั่งสบาย ไม่ร้อนอึดอัด ขอให้แวะมาที่นี่ดูสักครั้ง แต่ถ้าใครอยากลองราเมนที่พรีเมียมไปอีกระดับ แนะนำให้แวะมาช่วงกลางคืนที่จะมีเสิร์ฟเป็นท็อปปิ้งกุ้งล็อบสเตอร์ ปลาไหลจากเนเธอร์แลนด์ และเนื้อวากิว

ยิ่งถ้าใครที่เป็นสายดื่มด้วยแล้ว ที่นี่ก็ยังมีสาเกและจิน 12 เลเบล แพริ่งกับโทนิกที่คัดสรรมาพิเศษอีกด้วยนะ