×

KTB – NIM จะปรับตัวดีขึ้นและความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำ

30.12.2022
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB) คาดว่าการเติบโตของสินเชื่อ (ไม่รวมสินเชื่อภาครัฐ) จะเร่งตัวขึ้นใน 4Q65 โดยเกิดจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารคาดว่าจะขยายสินเชื่อ (ไม่รวมสินเชื่อภาครัฐ) ได้ที่ 3-4% สำหรับช่วง 11M65 สินเชื่อ (รวมสินเชื่อเกี่ยวกับภาครัฐ) หดตัวลง 2%YTD โดยมีสาเหตุมาจากการชำระคืนสินเชื่อเกี่ยวกับภาครัฐจำนวนมาก 

 

อย่างไรก็ตาม InnovestX Research คงประมาณการการเติบโตของสินเชื่อ (รวมสินเชื่อเกี่ยวกับภาครัฐ) ไว้ที่ 1% สำหรับปี 2565 และ 5% สำหรับปี 2566

 

ทั้งนี้ KTB มีคุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับทรงตัว ธนาคารยังคงเป้าที่จะรักษาอัตราส่วน NPL ไว้ที่ไม่เกิน 3.5% (เทียบกับ 3.3% ณ 3Q65 ตามการคำนวณของ KTB) และ LLR Coverage ไม่ต่ำกว่า 165% InnovestX Research ปรับประมาณการ Credit Cost ลดลงเล็กน้อยที่ 5 bps สำหรับปี 2565 และปี 2566 สู่ 0.85% โดยคาดว่า Credit Cost จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ ที่ 0.86% ใน 4Q65

 

นอกจากนี้ยังคาดว่า KTB จะมี NIM ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 4Q65 และปี 2566 อันเป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นและการมีสัดส่วนสินเชื่อภาครัฐที่ให้ผลตอบแทนต่ำลดน้อยลง การมีสัดส่วนเงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์ (CASA) ในสัดส่วนสูงถึง 85% ทำให้ KTB มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยคาดว่า NIM จะเพิ่มขึ้น 0.15% (15 bps) QoQ ใน 4Q65 และ 0.09% (9 bps) ในปี 2566

 

ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมจะฟื้นตัว KTB คาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และความสามารถในการทำ Cross-sell ผลิตภัณฑ์ได้มากยิ่งขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ ซึ่งคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจะเติบโต 4% ในปี 2565 (เพิ่มขึ้น 3%YoY ใน 9M65) และ 5% ในปี 2566

 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น KTB ปรับเพิ่มขึ้น 1.14%MoM สู่ระดับ 17.80 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 2.27%MoM สู่ระดับ 1,661.20 จุด 

 

กลยุทธ์การลงทุน:

InnovestX Research คาดว่ากำไร 4Q65 ของ KTB จะเพิ่มขึ้น 69%YoY (NII สูงขึ้น, Non-NII ลดลงเล็กน้อย, ตั้งสำรองลดลง และ OPEX ทรงตัว) และลดลง 1%QoQ (NII สูงขึ้น, Non-NII ลดลงเล็กน้อย, ตั้งสำรองในระดับทรงตัว และ OPEX สูงขึ้น) ทั้งนี้ ได้ปรับประมาณการกำไรของ KTB เพิ่มขึ้นปีละ 3% สำหรับปี 2565 และปี 2566 (ปรับประมาณการ Credit Cost ลดลง) โดยคาดว่ากำไรจะเติบโต 57% ในปี 2565 และ 6% ในปี 2566

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน InnovestX Research คงเรตติ้ง Outperform ด้วยราคาเป้าหมาย 20 บาทต่อหุ้น (PBV ปี 2566 ที่ 0.7 เท่า) เนื่องจาก KTB อยู่ในอันดับต้นๆ ที่จะได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำ 

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ 1. ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว 2. การไม่สามารถส่งผ่านอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ ที่เพิ่มขึ้น 23 bps ไปยังอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และ 3. ผลกระทบจาก FinTech


บทความที่เกี่ยวข้อง


 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising