×

ทางการสหรัฐฯ แนะให้เข้ารับวัคซีน Pfizer- Moderna มากกว่า J&J เนื่องจากประสิทธิภาพสูงกว่า เสี่ยงภาวะลิ่มเลือดน้อยกว่า

17.12.2021
  • LOADING...
Pfizer- Moderna

เมื่อวานนี้ (16 ธันวาคม) ดร.โรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค สหรัฐอเมริกา (CDC) เผยมติของที่ประชุม แนะให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนโควิดจาก Pfizer และ Moderna มากกว่าวัคซีนโควิดจาก Johnson & Johnson หลังจากที่คณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ระบุว่า วัคซีนจาก J&J มีความเกี่ยวโยงกับภาวะลิ่มเลือด ที่ถึงแม้จะเป็นความเสี่ยงที่พบได้น้อยมาก แต่ถ้ามีสิทธิเลือก อยากให้เลือกเข้ารับวัคซีน mRNA มากกว่า เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการรับมือโควิดได้มากกว่าและมีความเสี่ยงน้อยกว่า

 

ที่ผ่านมามีอย่างน้อย 54 รายที่ประสบกับปัญหาภาวะลิ่มเลือดภายหลังเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และในจำนวนนี้ 9 ราย เสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

ดร.วาเลนสกี ระบุว่า “วันนี้ CDC มีการอัปเดตคำแนะนำที่อ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์แบบเรียลไทม์แก่พี่น้องชาวอเมริกัน ฉันยังอยากให้ทุกคนเข้ารับวัคซีนและฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น” โดยในที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นพ้องให้ประชาชนเลือกเข้ารับวัคซีน mRNA มากกว่า ซึ่งไม่ได้ห้ามการเข้ารับวัคซีน J&J แต่ถ้ามีทางเลือกที่ดีกว่า ก็ควรเลือกสิ่งนั้น

 

FDA สหรัฐฯ เผยว่า อัตราผู้มีปัญหาภาวะลิ่มเลือดอยู่ที่ 1 เคสต่อวัคซีน 1 แสนโดส ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 30-49 ปี โดย 15% ของผู้ประสบปัญหาดังกล่าวเสียชีวิต ทางด้าน ดร.ปาโบล ซานเชส กุมารแพทย์ ประจำโรงพยาบาลเด็กแห่งชาติในรัฐโอไฮโอ หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการระบุว่า “ผมทำไม่ได้จริงๆ ที่จะแนะนำให้ใช้วัคซีนที่เกี่ยวโยงกับเงื่อนไขบางอย่าง ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้”

 

ล่าสุด สหรัฐฯ เดินหน้าฉีดวัคซีนโควิดไปแล้ว 490 ล้านโดส ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นวัคซีนโควิดจาก Pfizer และ Moderna ขณะที่มีเพียง 17.3 ล้านโดสเท่านั้น ที่เป็นวัคซีนจาก J&J ซึ่งในจำนวนนี้ราว 8.9 แสนโดส ใช้ฉีดเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อเดลตาและเชื้อโอไมครอน 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง: 

 

ภาพ: Girts Ragelis / Shutterstock

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising