บทที่สามสิบสาม
ข้าพเจ้าทราบข่าวการประกาศอิสรภาพของชวาจากหนังสือพิมพ์เลอมอนด์ เช้าวันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ข้าพเจ้านั่งอยู่ในร้านกาแฟ คาเฟ เดอ ปารีส์ พยายามวางท่าเป็นปัญญาชนที่เหน็ดเหนื่อยกับการขบคิดปัญหาเรื่องความดี ความงาม และความจริงมาตลอดคืน แม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่เลื่อมใสในนักคิดชาวกรีกนัก แต่คุโณปการของพวกเขาในการขบคิดเรื่องเหล่านี้จับใจข้าพเจ้าอยู่เสมอ กาแฟเอสเพรสโซถ้วยน้อยถูกวางลงเบื้องหน้า ในขณะที่ข้าพเจ้าจุดบุหรี่กาลัวส์ขึ้นสูบอย่างกระหาย เช้าวันนั้นมีฝนตกลงมาเล็กน้อย เป็นฤดูร้อนแรกในฝรั่งเศสภายหลังสงครามผ่านพ้นไป และเป็นฤดูร้อนแรกที่ข้าพเจ้ากลับมาเป็นตัวของตัวเองในนาม ฟรังซัวร์ ดูแปง
เด็กขายหนังสือพิมพ์พยายามยัดเยียดหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นให้ข้าพเจ้า แม้ว่ามันจะไม่มีราคาค่างวดสักปานใด แต่การหลุดพ้นจากการติดตามข่าวสารบ้านเมืองมานับปีทำให้ข้าพเจ้าคร้านแม้จะหยิบเศษเหรียญให้เขา ทว่าเมื่อแลเห็นคำว่าอินโดนีเซียอยู่ในกรอบข่าว ข้าพเจ้าก็เปลี่ยนใจ ข้าพเจ้ารับหนังสือพิมพ์จากเขาและโยนเศษเหรียญที่มากกว่าที่เขาควรจะได้รับ เด็กชายคนนั้นวิ่งหายลับตาไปในขณะที่ข้าพเจ้าไล่อ่านข้อความพาดหัวนั้นอย่างกระหาย
สิบโมงเช้าของวันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม ซูการ์โน่ และฮัทธา สองผู้นำชาวอินโดนีเซีย ได้อ่านประกาศความเป็นอิสรภาพจากการปกครองและยึดครองของพวกดัตช์และกองทัพญี่ปุ่นจากบ้านพักของซูการ์โน่ในจาการ์ตา หลังการประกาศยอมแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างไม่มีเงื่อนไขของกองทัพญี่ปุ่นเมื่อสองวันก่อน ทั้งซูการ์โน่และฮัทธาได้ฉกฉวยโอกาสประกาศอิสรภาพอย่างทันควันก่อนที่กองทัพญี่ปุ่นจะตั้งตัวได้ติด อันถือได้ว่าเป็นกุศโลบายอันล้ำเลิศ
หลังการอ่านพาดหัวข่าวนี้ ข้าพเจ้าเอนหลังลงกับเก้าอี้ ยกถ้วยกาแฟเอสเพรสโซขึ้นดื่มจนหมด ก่อนจะร้องขอไวน์แดงหนึ่งแก้วจากบริกร ข้าพเจ้าหวนความทรงจำถึงศรี อรพินโทและมาเม็ต พวกเขาคงยินดีกับข่าวนี้มากกว่าข้าพเจ้าเป็นแน่ถ้าหากพวกเขายังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่อาจแน่ใจนักก็ตามที
ข้าพเจ้าเดินทางออกจากบันดุงหลังเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่จบสิ้นลงเมื่อปีกลาย ข้าพเจ้าฉลองวันคริสต์มาสอย่างเดียวดาย จ้องมองไปที่ท้องนาเบื้องนอก ปล่อยให้แผลทั้งกายและใจได้รับการรักษา ข้าวของเครื่องใช้ถูกตระเตรียมสำหรับการเดินทางเรียบร้อยแล้ว เรือจะพร้อมออกเดินทางจากชวาในวันที่ 2 มกราคม ข้าพเจ้ามีเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น มากพอที่จะกระทำอะไรได้หลายอย่าง หรือน้อยเกินไปที่จะกระทำสิ่งสำคัญ กระนั้นข้าพเจ้าเลือกที่จะไม่กระทำอะไรเลย
ในวันสุดท้ายก่อนการเดินทางนั่นเองที่ข้าพเจ้าพบว่ายังมีบางสิ่งที่ควรค่าแก่การกระทำ ข้าพเจ้ามาถึงที่นี่ด้วยคำชักชวนของกรมพระฯ ดังนั้นข้าพเจ้าควรไปร่ำลาท่านอย่างเป็นทางการ แม้ว่าข้าพเจ้าหมดความปรารถนาที่จะกระทำงานให้ท่านแล้ว แต่อย่างน้อยการบอกกล่าวท่านถึงเหตุผลของการลาจากก็เป็นสิ่งที่จำเป็น บ่ายวันที่ 1 มกราคม ข้าพเจ้าเดินออกจากบ้านพักตรงไปยังวิลล่าของกรมพระฯ ทุกอย่างที่นั่นเงียบสงบ ไม่มีรถ ไม่มีผู้คน ไม่มีมาเม็ต ข้าพเจ้าเคาะประตูวิลล่าอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่สาวใช้ชาวชวาคนหนึ่งจะเปิดประตูขึ้น นางบอกให้ข้าพเจ้าตรงไปยังห้องบรรทม ถ้าหากกรมพระฯ มีเรี่ยวแรงพอจะสนทนากับข้าพเจ้าได้ ข้าพเจ้าก็จะได้รับโอกาสในการพบท่าน
ข้าพเจ้ารู้มาก่อนหน้าว่ากรมพระฯ ประชวรอย่างหนักด้วยโรคไต แต่ข้าพเจ้าไม่เคยล่วงรู้ว่าอาการของกรมพระฯ จะหนักหนาถึงเพียงนี้ เมื่อบานประตูถูกเปิดออก ร่างอันผ่ายผอมของกรมพระฯ ก็ผินมาทางข้าพเจ้า “แฮร์ ไฮน์ริช เบิล นั่นเอง เข้ามาก่อนสิ” ข้าพเจ้าลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงที่บรรทม พระธิดาที่เฝ้าอาการป่วยอยู่เดินออกจากห้องนั้นไปอย่างช้าๆ กรมพระฯ ชี้นิ้วไปยังกองเอกสารที่ปลายเตียง “ฉันเตรียมงานส่วนที่เหลือให้ท่านแล้ว บันทึกของชีวิตฉัน แต่เกรงว่า แต่เกรงว่า…ฉันไม่มีโอกาสจะเขียนมันได้จบแล้วกระมัง แฮร์ ไฮน์ริช เบิล”
สายตาของข้าพเจ้าที่จ้องมองกองเอกสารนั้นบอกได้ว่ามันเพิ่มเติมจากคราก่อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จริงดังคำตรัส พระวรกายที่บอบบางเช่นนี้น่าจะไม่อาจทำการใดได้อย่างน้อยก็ช่วงเวลาหนึ่ง “กระหม่อมคิดว่าหากทูลกระหม่อมฯ รักษาพระวรกายจนหาย โอกาสที่ความทรงจำนี้จะถูกบันทึกลุล่วงไปย่อมมีโดยแน่แท้” กรมพระฯ ทรงแย้มสรวลเล็กน้อย “ขอบคุณมากสำหรับคำปลอบใจ แฮร์ ไฮน์ริช เบิล เป็นคำปลอบใจโดยแท้ เพราะเรารู้ดีว่าเวลาของเราบนแผ่นดินนี้เหลือน้อยเต็มทีแล้ว” หลังตรัสคำนั้น กรมพระฯ ก็นิ่งเงียบไป “เมื่อคืนเราฝันถึงรถขบวนไฟหนึ่ง เป็นรถไฟขบวนเดียวกันกับที่พาเราออกจากสยาม รถไฟแล่นออกจากหัวลำโพง แต่แทนที่จะหยุดจอดที่ปีนังตามความทรงจำของเรา รถไฟขบวนนั้นกลับแล่นไปรอบโลกรอบแล้วรอบเล่า เรานั่งอยู่ข้างหน้าต่าง มองดูฉากต่างๆ เบื้องนอกเปลี่ยนไป เทพีเสรีภาพที่นิวยอร์ก หอไอเฟลที่ปารีส นาฬิกาบิ๊กเบนที่ลอนดอน พีระมิดที่กีซา ทุกที่ที่เราอยากไปเยือนปรากฏต่อเบื้องหน้าของเรา ภาพในความฝันที่ว่านี้ทำให้เราตระหนักว่าเวลาของเราใกล้จบสิ้นลงแล้ว ความฝันและความหวังของเราปรากฏขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย เป็นเครื่องตักเตือนเราว่าแม้ว่ามันไม่อาจเป็นไปได้ในความจริง มันก็ปรานีให้เป็นจริงได้ในความฝัน”
กรมพระฯ ถอนหายใจยาว “แฮร์ ไฮน์ริช เบิล โปรดนำเอกสารเหล่านั้นไป อย่าทิ้งมันไว้ที่นี่ เราไม่อยากให้ใครล่วงรู้ว่าเราคิดอย่างไรกับเหตุการณ์ในวันที่ 24 มิถุนายน ถ้าท่านไม่ปรารถนาจะถ่ายทอดมัน ช่วยทำลายมันทิ้ง มีสองทางเลือกสำหรับเอกสารชุดนี้ คือประกาศมันสู่ที่สาธารณะหรือไม่ก็ทำลายมัน”
ข้าพเจ้ากราบลากรมพระฯ หลังคำร้องขอนั้น ทูลกระหม่อมหลับพระเนตรลงแล้วเมื่อข้าพเจ้าจากมา ข้าพเจ้าประคองเอกสารชุดนั้นไว้ในมืออย่างทะนุถนอม และในคืนสุดท้ายก่อนลาจากบันดุง ข้าพเจ้าก็เผามันทิ้งพร้อมกับเอกสารก่อนหน้า เถ้าถ่านของเอกสารเหล่านี้ลอยไปตามลม เตือนให้ข้าพเจ้านึกถึงเถ้าถ่านของบุหรง ความทรงจำที่มีค่าของข้าพเจ้าทั้งสองประการถูกทำลายจนหมดสิ้นแล้ว คืนนั้นข้าพเจ้านอนลืมตาจนเช้าก่อนจะโดยสารรถรับจ้างไปยังท่าเรือ ขึ้นเรือ และจากลาบันดุงมา
กรมพระฯ สิ้นพระชนม์ในอีกสองสัปดาห์ต่อมา
ข้าพเจ้าวางหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นลง สั่งไวน์แดงอีกหนึ่งแก้ว ชีวิตชีวาของเราชาวฝรั่งเศสได้หวนกลับมาอย่างช้าๆ รอยยิ้ม มุกตลกขบขัน แต่กระนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าตระหนักว่าสิ่งนี้ไม่จีรังปานใดนัก เราทุกคนบนโลกนี้ล้วนเป็นภาพเงาของบางสิ่ง ข้าพเจ้า ฟรังซัวร์ อูแบง เคยปรากฏบนโลกในฐานะของไฮน์ริช เบิล ในขณะที่ไฮน์ริช เบิล ที่เคยมีชีวิตอยู่จริงได้จากลาโลกนี้ไปแล้ว และหลังการจากลาโลกนี้ไปของข้าพเจ้าอาจมีใครบางคนอาศัยภาพเงาของฟรังซัวร์ อูแบง ก็เป็นได้ เราทุกคนไม่ต่างจากเงาของวายังที่ปรากฏบนฉากสีขาว เมื่อการแสดงจบสิ้นลง ภาพเงานั้นหายไป และไม่มีใครสนใจแม้กระทั่งการมีอยู่จริงของสิ่งที่ก่อให้เกิดภาพเงาเหล่านั้น มันวุ่นวายเกินไปสำหรับโลกแห่งความเป็นจริง การเข้าใจภาพเงาเหล่านั้นเจ็บปวดเกินไปสำหรับโลกแห่งความเป็นจริง
ข้าพเจ้าดื่มไวน์ที่ถูกนำมาใหม่ในรวดเดียว วางธนบัตรไว้บนโต๊ะ ลุกขึ้นจากโต๊ะและเดินหายไปในแสงแดดจ้าแห่งนครปารีสที่กำลังฟื้นตัวจากบาดแผลยาวนานของมัน
จบ
ติดตามอ่าน วายัง อมฤต ตอนก่อนหน้าได้ที่
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 1-2)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 3-4)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 5)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 6-7)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 8)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 9)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 10)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 11-12)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 13)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 14)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 15-16)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 17)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 18)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 19)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 20)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 21)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 22)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 23)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 24)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 25)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 26)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 27)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 28)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 29)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 30)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 31)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 32)
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
ในนวนิยายทั้ง 5 เรื่องของผม (ลอนดอนกับความลับในรอยจูบ, 8 1/2 ริกเตอร์ การตามหาหัวใจที่สาบสูญ, จุงกิง เซ็กซ์เพรส, เพลงรักนิวตริโน และวายัง อมฤต) มีอยู่ถึง 3 เรื่อง (8 1/2 ริกเตอร์ การตามหาหัวใจที่สาบสูญ, จุงกิง เซ็กซ์เพรส และวายัง อมฤต) ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ และเป็นประวัติศาสตร์ที่ข้องเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยซ้ำไป แต่วายัง อมฤต มีความแตกต่างออกไปจากนวนิยาย 2 เรื่องดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง
วายัง อมฤต ไม่ได้ดำเนินเรื่องบนแผ่นดินไทย กระนั้นมันก็มีความข้องเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างมาก มันย้อนกลับไปสู่เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ไทย อันได้แก่ การอภิวัฒน์สยาม หรือการเปลี่ยนแปลงการปกครองในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475
3 ปีก่อน ผมเดินทางไปบันดุงเพื่อท่องเที่ยวชมภูเขาไฟตังกูบัน เปอราฮู บันดุงนั้นเป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบ หลังการชมภูเขาไฟที่ตั้งอยู่นอกเมือง ผมเปิดหนังสือคู่มือนำเที่ยวเพื่อหาสถานที่ท่องเที่ยวต่อไป มีร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ได้รับคำแนะนำในหนังสือว่ามีเมนู Soto Ayam ที่ไม่ควรพลาด ตั้งอยู่ใกล้วงเวียนสยาม และเป็นส่วนหนึ่งของตำหนักเก่าแห่งอดีตเจ้านายของประเทศไทย
คำแนะนำที่ว่านี้ทำให้ผมได้พบข้อมูลที่น่าสนใจ ร้านอาหารดาหาปาตีนั้นเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล วิมลประภาวดี กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี ในขณะที่ตำหนักประเสบันข้างๆ ซึ่งปัจจุบันเป็นโรงเรียนอนุบาลไปแล้วนั้นเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต การพบข้อมูลดังกล่าวทำให้ผมตรงออกจากบริเวณภูเขาไฟไปยังสถานที่ดังกล่าวโดยทันที
พระตำหนักทั้งสองที่ผมได้พบยังคงอยู่ในสภาพดีมาก โดยเฉพาะพระตำหนักประเสบันที่กลายเป็นโรงเรียนอนุบาลไปแล้วยังคงความโปร่งสบาย โครงสร้างแลดูมั่นคง ต้นไม้ที่ปลูกไว้แต่กาลก่อนยังคงแผ่ขยายร่มใบ กล่าวได้ว่าแม้ท่านผู้เคยพำนักอยู่ที่นี่จะหามีชีวิตไม่แล้ว แต่สิ่งที่ชวนให้ระลึกถึงท่านผู้เคยพำนักยังมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม หลังออกจากพระตำหนักประเสบันซึ่งเล็กกะทัดรัด ผมหวนคิดถึงที่ประทับล่าสุดก่อนการเดินทางออกนอกประเทศไทย อันได้แก่ วังบางขุนพรหม ถ้าเทียบขนาดระหว่างที่พักทั้งสอง มันก็เปรียบได้ดังการละทิ้งคฤหาสน์ขนาดใหญ่มาสู่เรือนพักชั่วคราวเท่านั้นเอง
ความขัดแย้งคือบ่อเกิดแห่งนวนิยาย นี่เป็นคำกล่าวที่รู้ดีกันโดยทั่วไป และความขัดแย้งระหว่างสถานที่ทั้งสองนี้เองทำให้ผมขบคิดว่าในชีวิตของมนุษย์เรา ความผกผันเช่นนี้จะก่อให้เกิดสิ่งใดในจิตใจแก่ผู้ประสบมันบ้าง จากแง่มุมหนึ่งสู่อีกแง่มุมหนึ่ง ผมแต่งเติม เฝ้ามอง ค้นหาข้อมูล เพื่อสร้างตัวละครให้เรื่องราวมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น วายัง อมฤต อาจยังห่างไกลจากความสำเร็จในการสะท้อนความผกผันที่ว่า ไม่ต่างจากการโลดแล่นของตัวละครวายังที่หากมีความผิดพลาดประการใดก็ล้วนขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้เชิดเท่านั้นเอง
อนุสรณ์ ติปยานนท์