×

วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 28)

17.08.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read

คำนำ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์อภิวัฒน์สยามใน พ.ศ. 2475 นั้นเป็นเหตุการณ์สำคัญมากเหตุการณ์หนึ่งในประเทศของเรา การเปลี่ยนแปลงในครั้งนั้นส่งผลกระทบถึงสังคมส่วนใหญ่และปัจเจกชนส่วนย่อยจำนวนมาก เรื่องราวของผู้ที่ต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตจากการอภิวัฒน์ครั้งนั้นมีบันทึกไว้มากมาย แต่ละบุคคลล้วนผิดแผกแตกต่างกันไป

 

ชีวิตของผู้คนนั้นเป็นแกนกลางของนวนิยายอยู่เสมอ โดยเฉพาะนวนิยายประวัติศาสตร์ ดังนั้นการหยิบยกชีวิตของบุคคลที่เคยอยู่ในตำแหน่งที่สูงเด่น หากแต่ต้องผกผันอย่างคาดไม่ถึงมาเล่าใหม่ในครั้งนี้ แม้จะมีความจริงแฝงอยู่หลายประการ แต่การพ้องเคียงกับชีวิตของบุคคลใดก็ตามเป็นเพียงจินตนาการโดยสมบูรณ์ของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว

 

อนุสรณ์ ติปยานนท์

บทที่ยี่สิบแปด

 

การสูญเสีย อามีร์ ฮาริฟุดดิน ทำให้แผนการณ์ของพวกเราถูกเปลี่ยนแปลงแทบจะหมดสิ้น วัน เวลา สถานที่ที่ถูกกำหนดไว้เดิมถูกยกเลิก อาวุธที่ข้าพเจ้าได้รับมาจากฝรั่งเศสถูกโยกย้ายสถานที่เก็บซ่อน แม้กระทั่งตัวของข้าพเจ้าเองก็ต้องโยกย้ายสถานที่พักเช่นกัน หลังมาเม็ตแจ้งข่าวกับข้าพเจ้าในเช้าวันนั้น เขาให้เวลาข้าพเจ้าเก็บสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวเพียงสามสิบนาที ข้าพเจ้าจัดการเก็บต้นฉบับบันทึกของกรมพระฯ เป็นสิ่งแรกก่อนจะเก็บสิ่งของจำเป็นอื่นๆ ซึ่งรวมถึงยาสูบส่วนตนด้วย รถของมาเม็ตพาเราทั้งคู่มายังกระท่อมร้างแห่งหนึ่งนอกเมือง นาข้าวเขียวขจีอวดต้นข้าวที่กำลังออกรวง ในกระท่อมหลังนั้นข้าพเจ้าพบศรี อรพินโท บุหลัน และผู้ร่วมงานฝ่ายเราอีกสามคน

 

“เราไม่ควรไว้ใจพวกหัวก้าวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกหัวก้าวหน้าที่รับเงินจากเจ้าอาณานิคม เป็นความผิดของผมเอง ฟรังซัวร์ อ้อ ไม่ใช่สิ ไฮน์ริช เป็นความผิดที่ไม่ควรอภัยให้เลยของผมเอง”

 

ศรี อรพินโท ดับบุหรี่ในมือลงที่ชามกระเบื้องกลางโต๊ะใหญ่ในห้อง ข้าพเจ้าไม่เคยเห็น ศรี อรพินโท สูบบุหรี่มาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรกนับแต่ข้าพเจ้าได้คบหากับเขามา ในชามกระเบื้องนั้นข้าพเจ้าเห็นก้นบุหรี่กองสูงเป็นวงเกือบหนึ่งฟายมือ อันแสดงให้เห็นถึงความกระวนกระวายในจิตใจของเขาอย่างเห็นได้ชัด ไม่นับอาการเดินวนเวียนไปมารอบแล้วรอบเล่าอยู่ภายในห้องที่ลงดาลหน้าต่างแน่นหนาห้องนั้น

 

บุหลันในชุดแต่งกายพื้นเมืองเสียต่างหากที่เป็นผู้ธำรงความสงบเยือกเย็นไว้ได้ เธอวางมือไว้บนตักจ้องมองโคมไฟที่ถูกจุดอยู่กลางโต๊ะ สายตาของเธอสงบนิ่ง ตั้งแต่ข้าพเจ้าเข้ามาอยู่ในห้องนี้ เธอหาได้กล่าวถ้อยคำใดเลย ข้าพเจ้าตัดสินใจทำลายความเงียบของบุหลันและความกระวนกระวายของ ศรี อรพินโท ด้วยการดึงจดหมายฉบับหนึ่งจากกระเป๋าเสื้อ “นี่คือจดหมายฉบับล่าสุดที่ผมได้รับจากเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในฝรั่งเศส การต่อต้านกำลังขยายตัว ทั้งที่ปารีส มาร์เซย์ สตราสบูร์ก และที่อื่นๆ เยอรมันเองกำลังทำศึกหลายด้าน ทั้งในยุโรปและแอฟริกา พวกเขาแจ้งว่าอาวุธชุดใหม่ที่เราขอให้จัดส่งทุกสามเดือนไม่มีทางเป็นไปได้เสียแล้ว เราจำเป็นต้องใช้อาวุธที่ได้รับมาในครั้งแรกเป็นต้นทุน และหลังจากนั้นเราต้องใช้ความสามารถทั้งหมดเท่าที่เรามีหาผลกำไรจากมัน”

 

“ผลกำไร” บุหลันทวนถ้อยคำของข้าพเจ้า

 

“ใช่ ความหมายของมันก็คือ เราต้องลงมือด้วยอาวุธที่มีอยู่ วางแผนอย่างรัดกุมที่สุด สูญเสียผู้คนและอาวุธอันเป็นต้นทุนของเราให้น้อยที่สุด และยึดอาวุธของศัตรูกลับมาเป็นกำไรของเราให้มากที่สุด”

 

“กำไร” ศรี อรพินโท ตะโกนถ้อยคำนั้นออกมา “อย่าว่าแต่กำไรเลย ไฮน์ริช เบิล แม้แต่ต้นทุนที่เรามีอยู่ตอนนี้ก็ร่อยหรอมากเต็มทีแล้ว” ศรี อรพินโท ตรงไปที่ผู้ร่วมงานของเราคนหนึ่ง เขากระชากเศษกระดาษชิ้นหนึ่งออกจากฝ่ามือของชายคนนั้น กำมันเป็นก้อนกลมแล้วโยนลงบนโต๊ะ “คุณมีข่าวสารจากฝรั่งเศสมาให้ผม ผมเองก็มีข่าวสารจากบันดุงมาให้คุณเช่นกัน”

 

ข้าพเจ้าคลี่กระดาษยับยู่ยี่แผ่นนั้นออกอ่าน มันเป็นหนึ่งในข่าวจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ข่าวที่รายงานชัยชนะของกองทัพญี่ปุ่นว่าได้รุกคืบเข้าไปในอินเดียแล้วผ่านทางทางรถไฟที่เริ่มต้นทางจากกาญจนบุรีในประเทศสยาม การรุกคืบครั้งนี้ประสบชัยชนะในทุกพื้นที่อย่างดียิ่ง โปรดรออีกไม่นานสหพันธ์ไพบูลย์แห่งเอเชียจะก่อกำเนิดขึ้นเป็นแน่แท้ ข้าพเจ้าพับกระดาษแผ่นนั้นก่อนจะสอดมันไว้ใต้ชามกระเบื้องที่กลายเป็นที่เขี่ยบุหรี่จำเป็นไปแล้ว “การโฆษณาชวนเชื่อ ศรี อรพินโท” ข้าพเจ้าเอ่ย “เยอรมันทำเช่นนั้นในช่วงต้นสงคราม พวกเขาจ้างผู้คนนั่งรถวนรอบเมืองในปารีสพร้อมเครื่องขยายเสียง โปแลนด์เป็นของกองทัพเราแล้ว เวียนนาด้วย ฮังการีด้วย สิ่งเหล่านี้ถูกจัดทำอยู่เสมอในช่วงสงคราม จะแปลกใจทำไมหากกองทัพญี่ปุ่นจะกระทำเช่นนั้นบ้าง”

 

“ไม่ใช่ด้านนั้น ไฮน์ริช เบิล คุณต้องพลิกดูอีกด้านของมัน” ข้าพเจ้าดึงกระดาษแผ่นนั้นกลับมาแทบจะทันที ชามกระเบื้องพลิกคว่ำ เถ้าบุหรี่ลอยฟุ้งขึ้น “จับผู้ร่วมขบวนการต่อต้านได้อีกสิบสองคน กำหนดแขวนคอในเย็นพรุ่งนี้ที่ชานเมืองบันดุง”

 

 

ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นมอง ศรี อรพินโท เขากำลังจุดบุหรี่อีกตัวขึ้นสูบ สีหน้าของเขาเคร่งเครียด ดวงตาของเขาอิดโรยราวกับคนไม่ได้พักผ่อนมานานหลายวัน ส่วนบุหลันนั้นข้าพเจ้าเห็นเธอเปลี่ยนสถานที่จับจ้องจากโคมไฟมายังฝ่ามือของตนเองแทน

 

“สิบสองคน หนึ่งในสิบของกองร้อยที่พวกเราจัดตั้งขึ้นมา ถ้าเราจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้คนที่เหลืออยู่ย่อมเพียงพอต่อการบุกกองทัพญี่ปุ่น เราเพียงแค่จัดสรรเวลา กำหนดตัวผู้คน และ…”

 

“ไม่ใช่หนึ่งในสิบ แฮร์ ไฮน์ริช เบิล นั่นคือผู้คนชุดสุดท้ายที่เราหลงเหลืออยู่ข้างนอกนั่น” ศรี อรพินโท สูบบุหรี่ตัวนั้นเพียงสองครั้งก่อนจะปล่อยมันลงกับพื้นแล้วเหยียบมันอย่างแรง “ในระยะเวลาไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา กองทัพญี่ปุ่นจับกุมพวกเราได้เกือบหมดแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าพวกเขาได้ข้อมูลมากจากที่ใด ผมอยากเชื่อใจอามีร์ แต่ให้ตายห่าเถิด สิบสองคนนั่นคือกลุ่มคนสุดท้ายที่เรามี พวกเขาปลอมตัวเป็นสามล้อ พ่อค้าแผงอาหาร กรรมกร คนขับรถส่วนตัว การปลอมตัวเป็นไปอย่างเรียบร้อยมาตลอด มืออาชีพก็ว่าได้ แต่ในที่สุดพวกเขาก็พลาดท่า ไม่มีใครเป็นหูเป็นตาให้เราอีก แล้ว เกิดอะไรขึ้นกับอามีร์ผมไม่อาจรู้ได้ แต่บัดซบเป็นที่สุดที่เราต้องมาตกอยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้”

 

“กลุ่มคนสุดท้ายที่เรามี…” ข้าพเจ้าเอ่ยคำนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงที่แห้งผาก “คุณหมายความว่า..”

 

“ใช่ พวกเราทั้งหมดในห้องนี้รวมทั้งมาเม็ตด้วยคือพวกต่อต้านญี่ปุ่นที่เหลืออยู่”

 

ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนเนื้อตัวได้ถูกทำให้เย็นเฉียบโดยฉับพลัน สายตาข้าพเจ้ามองไปรอบๆ ห้อง ทุกคนในห้องนอกจาก ศรี อรพินโท ที่กำลังจุดบุหรี่ขึ้นสูบ ล้วนก้มหน้านิ่ง ไม่เว้นแม้บุหลัน

 

“ถ้าเช่นนั้น เรายิ่งต้องมีแผนการณ์ใหม่โดยด่วน”

 

“ไม่มี” ศรี อรพินโท ตอบข้าพเจ้า “เราหลงเหลือเพียงแผนการณ์เดียวคือเย็นพรุ่งนี้เราจะบุกเข้าชิงตัวเพื่อนทั้งสิบสองคนของเราด้วยจำนวนคนที่เรามีอยู่ ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นปฏิบัติการที่เราอาจไม่มีโอกาสรอดชีวิตมาได้ ความหวังที่จะเอาชนะกองทัพญี่ปุ่นของเราแทบจะสูญ แต่หากเราไม่ทำเช่นนั้น เราก็เป็นผู้แพ้นับแต่วินาทีนี้แล้ว การต่อสู้ของขบวนการเราจะไม่มีใครเชื่อถืออีกต่อไป แม้ว่าพวกเราทั้งหมดนี้จะต้องจากโลกไป แต่คนจะจดจำเราได้ว่าเราไม่เคยทิ้งเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ทุกคนในที่นี้ตกลงใจที่ะย่อมเสี่ยงชีวิตแล้ว หลงเหลือแต่คุณ แฮร์ ไฮน์ริช เบิล คุณที่เป็นคนต่างขาติ ต่างถิ่นเพียงผู้เดียวในขบวนการของเรา ดังนั้นเราจะให้โอกาสคุณในการเลือก หากคุณตัดสินใจจะร่วมรบกับเรา ผมได้จัดเตรียมที่พักที่จะให้คุณได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มไว้ไม่ไกลจากนี้ แต่ถ้าหากคุณปฏิเสธ ผมมีตั๋วเรือโดยสารออกจากชวาในคืนนี้ มาเม็ตจะขับรถไปส่งคุณที่สุราบายา คุณและเขาจะปลอมตัวเป็นพ่อค้ายาสูบชาวอิตาเลียน และถ้าคุณเลือกทางนั้นผมและบุหลันก็จะขอกล่าวคำอำลาคุณในที่นี่ จนกว่าเราจะได้พบกันอีก แต่จะเป็นเมื่อใดนั้น ผมไม่อาจล่วงรู้ได้”

 

ครานี้เป็นข้าพเจ้าเองที่จุดบุหรี่ขึ้นสูบ ข้าพเจ้ารู้ดีว่า ศรี อรพินโท ไม่ได้ให้เวลาเนิ่นนานนักสำหรับคำตอบที่จะออกมาจากปากของข้าพเจ้า อาจเป็นห้าหรือสิบนาทีหรือเพียงช่วงเวลามอดไหม้ของบุหรี่หนึ่งมวน ไฟแดงวาบจากปลายบุหรี่ของข้าพเจ้าราวกับสัญญาณไฟจราจรที่หยุดทุกสิ่ง หากข้าพเจ้าตัดสินใจจากที่นี่ไป ข้าพเจ้ายังมีโอกาสช่วยเพื่อนชาวฝรั่งเศสในสมรภูมิรบที่ปารีส หากข้าพเจ้าจากที่นี่ไป บันทึกของกรมพระฯ จะถูกข้าพเจ้าแปลมันจนสำเร็จ หากข้าพเจ้าจากที่นี่ไป ข้าพเจ้าจะได้พบกับมารดาและน้องสาวอีกครั้ง โลกข้างนอกยังมีอะไรอีกมากให้ข้าพเจ้าได้ค้นหา โลกข้างนอกยังมีอะไรอีกหลายสิ่งที่ต้องพึ่งพาข้าพเจ้า โลกข้างนอกที่พ้นไปจากสงครามวิปลาสที่ข้าพเจ้าเคยผ่านมาแล้วที่สเปนยังคงหอมหวานและเฝ้ารอข้าพเจ้าอยู่

 

ข้าพเจ้าดับบุหรี่ในชามกระเบื้องและจัดแจงมันให้อยู่ในสภาพปกติ ข้าพเจ้ากวาดเศษขี้เถ้าทั้งหมดใส่ชามและจุดบุหรี่ขึ้นอีกหนึ่งตัว

 

“ตกลง ศรี อรพินโท พรุ่งนี้ผมจะออกรบเพื่อไปรับพวกของเราพร้อมกับคุณ”

 

ข้าพเจ้าไม่อาจข่มตาหลับได้ตลอดคืน แม้ว่าจะล่วงรู้ดีว่าพละกำลังเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเหตุการณ์พรุ่งนี้มากเพียงใด ไม่ใช่ว่าที่พักของข้าพเจ้าไม่เหมาะสม ศรี อรพินโท ได้จัดห้องนอนในบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงกับกระท่อมของเรา อากาศของคืนนั้นเย็นสบาย เตียงนอนของข้าพเจ้าอ่อนนุ่ม แต่ข้าพเจ้าไม่อาจข่มตาให้หลับได้ นับจากคืนที่ข้าพเจ้ามาถึงที่นี่ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าไม่อาจหลับตาลงได้ ข้าพเจ้าขบคิดถึงเรื่องราวจำนวนมากที่เกิดขึ้นกับชีวิตของตนเอง ความหลงใหลในภาษา ความบ้าคลั่งในสงครามกลางเมืองที่สเปน ความป่วยไข้ของกรมพระฯ และความอ่อนหวานจากรสสัมผัสอันยากจะลืมเลือนที่ข้าพเจ้ามีต่อบุหรง บัดนี้เธออยู่ที่แห่งหนใดกัน บัดนี้เธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ข้าพเจ้าสารภาพอย่างไม่อายว่าข้าพเจ้าตกหลุมรักบุหรง ข้าพเจ้าตกหลุมรักหญิงสาวผู้ลึกลับผู้นั้น หญิงสาวที่หลงเหลือเพียงน้องสาวฝาแฝดที่ดูเธอจะไม่แยแสข้าพเจ้าเอาเลย

 

เวลาเช้ามาถึงในที่สุด ข้าพเจ้าเปิดบานหน้าต่างขึ้น มีแสงแดดอ่อนแตะอยู่ที่ขอบหน้าต่าง สายลมเย็นพัดผ่านมา มีเสียงนกแว่วต้อนรับอรุณมาแต่ไกล เป็นเสียงนกที่ข้าพเจ้าเคยสดับมันมาแล้วหลายครั้งนัก เสียงจาก เกมาเตียน บุหรง เสียงจากนกแห่งความตาย

   

(ติดตามตอนต่อไปในวันเสาร์ที่ 1 กันยายน 2561)  

 

ติดตามอ่าน วายัง อมฤต ตอนก่อนหน้าได้ที่

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising