Burger King ไม่ได้มีแค่เมนูเบอร์เกอร์ แต่จากนี้เตรียมเพิ่มเมนู Local เข้าเสริมทัพมากขึ้นทุกๆ เดือน ประเดิมด้วยการเปิดตัวเมนูใหม่ ‘ไก่ทอดหาดใหญ่ ชิกเก้นคิง’ จำหน่ายในร้านไดรฟ์-ทรู 24 ชั่วโมง ในราคาเริ่มต้นชิ้นละ 49 บาท หวังรองรับอินไซต์ผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ชอบกินไก่ทอด
นับเป็นการต่อยอดจากเมนูไก่ทอดซีรีส์ชิกเก้นคิงรสดั้งเดิมและรสต้มยำ หลังจากปล่อยออกมาได้ 3 ปี โดยไก่ทอดรสต้มยำได้รับการตอบรับอย่างมาก ส่วนรสดั้งเดิมนั้นยังไม่ได้รับการตอบรับที่ดีมากนัก จึงต้องพยายามสร้างจุดแข็งให้กับรสดั้งเดิม ด้วยการปรับสูตรไก่ทอดจนกลายเป็นไก่ทอดหาดใหญ่ กินคู่กับข้าวเหนียวและน้ำจิ้มแจ่ว คาดว่าจะเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าได้มากขึ้น เพราะเราเชื่อว่าคนไทยไม่ได้อยากกินเบอร์เกอร์ทุกวัน
สำหรับการทำตลาดของเมนูไก่ทอดหาดใหญ่อยู่ภายใต้คอนเซปต์ ‘อร่อยชัดยันสำเนียง’ ซึ่งเป็นการนำเอากิมมิกของภาษาท้องถิ่นหรือภาษาใต้มาสร้างสีสันและโปรโมตต้นกำเนิดที่มาของเมนูดังกล่าว โดยเชื่อมั่นว่าเมนูไก่ทอดหาดใหญ่แม้ราคาอาจสูงกว่าร้านขายไก่ทอดทั่วไป แต่ด้วยความเป็นแบรนด์ต่างชาติที่มีชื่อเสียง จะสามารถกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
“เราต้องการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด ซึ่งแน่นอนว่าแบรนด์ Burger King ปัจจุบันมีส่วนแบ่งในตลาดเป็นอันดับ 2 ของตลาดเบอร์เกอร์ เราต้องทำการบ้านอย่างหนัก จากนี้ก็พยายามพัฒนาเมนูใหม่ๆ ทั้งเบอร์เกอร์และไก่ทอด รวมถึงเมนู Local อยู่เป็นระยะๆ เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายสร้างแบรนด์ให้เป็นอันดับ 1 ในตลาดให้ได้” ธนวรรธ ดำเนินทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
เช่นเดียวกับตลาดไก่ทอดในประเทศไทยที่มีมูลค่า 25,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ที่มีขนาดใหญ่ในธุรกิจอาหารบริการด่วน หรือ QSR และมีโอกาสเติบโตอย่างมาก เห็นได้จากก่อนหน้านี้บริษัทได้ลงพื้นที่ศึกษาความต้องการของผู้บริโภค โดยพบว่าไก่ทอดนั้นเป็นหนึ่งในเมนูยอดนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของผู้บริโภคคนไทย
ขณะที่ภาพรวมของ Burger King ในครึ่งปีแรกของปี 2566 เริ่มมีสัญญาณที่ดี ทั้งในแง่ของลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติ ทำให้มีการเติบโตอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2562 โดยการเติบโตส่วนใหญ่มาจากกลยุทธ์การตลาด โดยเฉพาะโปรโมชันซื้อ 2 ชิ้น ราคา 169 บาท ที่ขายดีมาก โดยปัจจุบันเมนูหลักในร้านส่วนใหญ่นั้นเป็นเบอร์เกอร์ ขณะที่เมนูไก่มีเพียง 5% เท่านั้น
นอกจากนี้ Burger King ยังเดินหน้าขยายสาขา โดยปีนี้ตั้งใจเปิดให้ครบ 10 สาขา ซึ่งในครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 4 สาขา และในไตรมาส 4 จะเปิดอีก 6 สาขา โดยโฟกัสทำเลเมืองท่องเที่ยวเป็นหลัก เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในไทยอย่างล้นหลาม โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 123 สาขา