ไขข้อข้องใจของใครหลายๆ คนว่า ‘วิ่งมากไปทำให้หน้าแก่เร็วจริงหรือ?’
จากกระแสเมื่อต้นปี 2566 ที่มีผู้ใช้ TikTok จำนวนมากได้แชร์คลิปที่คุณหมอศัลยกรรมด้านความงามจากนิวยอร์กได้กล่าวเกี่ยวกับประเด็นที่ว่าผู้ที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่งระยะไกลทำให้หน้าดูแก่ก่อนวัย ทำให้เกิดความสนใจปนกังวลใจในกลุ่มนักวิ่งที่รักสวยรักงามอยู่พอสมควร สำหรับในประเด็นนี้หมอจะชวนผู้อ่านลองมาค่อยๆ พิจารณากันค่ะ
เรื่องของความแก่ตามอายุ (Aging) นั้นถูกตีความออกมาหลากหลายตามแต่อวัยวะที่กล่าวถึง เช่น เมื่อเราอายุมากขึ้นการมองเห็นจะน้อยลง การทำงานของกระดูกและกล้ามเนื้อจะลดลงทำให้ทรงตัวแย่ลงและหกล้มได้ง่าย ความจำลดลง และในบทความนี้ที่เราจะกล่าวถึงความแก่ของผิวพรรณ ที่หมายถึงความเหี่ยวแห้ง มีริ้วรอย และจุดด่างดำมากขึ้น ซึ่งแม้ว่าจะเป็นธรรมชาติที่จะต้องเกิดความเปลี่ยนแปลง แต่หลายๆ คนก็เกิดความไม่สบายใจ จึงได้สรรหาทุกวิธีมาเพื่อป้องกันหรือกระบวนการเหล่านี้ให้ได้ หนึ่งในนั้นคือการออกกำลังกายนั่นเอง
ประโยชน์ของการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายนั้นเป็นที่ยอมรับกันว่าช่วยชะลอวัยและลดความเสื่อมตามอายุได้ เราจะสังเกตได้ว่า ผู้สูงอายุที่ออกกำลังกายเป็นประจำเมื่อถึงวัยชราก็จะยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ดี เดินได้คล่อง ความจำดี อารมณ์แจ่มใส ผิวดูเปล่งปลั่ง และยังสามารถใช้ชีวิตได้ดีเหมือนยังหนุ่มสาว มีการศึกษามากมายที่บ่งชี้ว่าการออกกำลังกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังกายแบบแอโรบิก หรือที่นิยมเรียกกันว่าออกกำลังกายคาร์ดิโอนั้น นอกจากจะทำให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรงแล้ว ยังสามารถช่วยให้ผิวพรรณดีเปล่งปลั่งสดใส
เนื่องจากการออกกำลังกายแอโรบิกช่วยกระตุ้นให้มีการสูบฉีดของเลือดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ของเสียที่คั่งค้างอยู่ในอวัยวะต่างๆ ไหลออกไป และเลือดที่ดีนำสารอาหารที่ดีเข้ามาทดแทนเพื่อซ่อมแซมและฟื้นฟู โดยเฉพาะที่ผิวหนัง ในขณะออกกำลังกายจะมีการขยายตัวของหลอดเลือดฝอยเพื่อระบายความร้อนที่เกิดขึ้น ยิ่งทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นไปด้วย คนออกกำลังกายจึงมีผิวที่เปล่งปลั่งสดใสนั่นเอง
และยังมีงานวิจัยอีกชิ้นของญี่ปุ่นในปี 2021 พบว่า การออกกำลังกายช่วยทำให้มีความชุ่มชื้นในชั้นผิวหนังของเรามากขึ้น และยังหลั่งสารเคมีบางชนิดในร่างกายเพื่อทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรง ส่งผลช่วยชะลอการแก่ก่อนวัยของผิวได้
ประโยชน์การออกกำลังกายแบบแอโรบิกกับการวิ่งระยะไกล
การออกกำลังกายแอโรบิกยังช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย นอนหลับง่ายขึ้น และลดความเครียดที่เป็นสาเหตุหลักข้อหนึ่งให้ร่างกายหลั่งสารอนุมูลอิสระมาทำร้ายเซลล์ของเราเอง จึงช่วยสนับสนุนว่าการออกกำลังกายน่าจะช่วยลดอัตราที่ผิวจะแก่ก่อนวัยได้ อย่างไรก็ตามการศึกษาเหล่านี้มักทำในกลุ่มคนที่ออกกำลังกายในระดับปานกลางหรือหนักอย่างน้อย 4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่ไม่เกิน 150 นาทีต่อสัปดาห์ และยังมีอาการควบคุมปัจจัยหลายอย่างดังจะกล่าวถัดไป
ในส่วนของการวิ่งระยะไกล (Long Distance Running) ตามความหมายจากสมาคมกรีฑาแห่งประเทศไทยนั้น หมายถึงการวิ่งเป็นระยะทางต่อเนื่องกันมากกว่า 1,500 เมตรเป็นต้นไป ซึ่งจัดเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากให้การเผาผลาญพลังงานได้เร็ว ทำได้ง่าย ใช้อุปกรณ์ไม่มาก และสามารถไปคนเดียวหรือไปเป็นหมู่คณะได้ อ่านเผินๆ ก็น่าจะบอกได้ว่าการวิ่งระยะไกลไม่น่าทำให้ผิวหน้าแก่ก่อนวัยได้ แต่จริงๆ แล้วยังมีอีกปัจจัยสำคัญที่ยังไม่ได้กล่าวถึงกัน นั่นก็คือปัจจัยเรื่องแสงแดดนั่นเอง
แสงแดดปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อผิวหนัง
แสงแดดเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังพูดตรงกันว่ามีผลต่อผิวหนังโดยตรงจากรังสี UV และรังสีความร้อน ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดริ้วรอยจุดด่างดำก่อนวัย การสูญเสียน้ำจากผิวทำให้ผิวแห้งเสีย และรวมไปถึงการเพิ่มโอกาสของการเป็นมะเร็งผิวหนัง หากเราวิ่งออกกำลังกายกลางแจ้งก็จะมีโอกาสสัมผัสกับแสงแดดมากกว่าผู้ที่วิ่งในอาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่วิ่งในระยะไกลมากๆ ที่ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง เช่น การวิ่งตั้งแต่ระยะมาราธอนขึ้นไปนั่นเอง จะสังเกตว่าเมื่อได้ค้นคว้างานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความแก่ของผิวกับการออกกำลังกายจึงมักมีการควบคุมตัวแปรเรื่องเวลาในการออกกลางแจ้งและการทาครีมกันแดดกันด้วย เนื่องจากเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อความแก่ของผิวได้อย่างชัดเจน
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังยังมีข้อสังเกตอีกว่าการออกกำลังกายแอโรบิก หรือการวิ่งที่มากเกินไปทำให้ร่างกายมีของเสียจากใช้งานของเซลล์เป็นเวลานานคั่งค้างและร่างกายจัดการไม่ทัน สารเหล่านี้เองที่อาจทำร้ายผิวของเราได้ และการออกกำลังกายแอโรบิกนั้นใช้พลังงานจากไขมันในร่างกายเป็นหลัก หากเราออกเป็นเวลานานมากๆ ร่างกายก็จะจัดการสลายไขมันตามอวัยวะต่างๆ รวมถึงไขมันใต้ผิวหนังออกมาใช้เป็นพลังงาน ยกตัวอย่างเช่น นักวิ่งมาราธอนที่ร่างกายดูลีนผอมหลายๆ ท่านก็มีรูปหน้าที่แห้งตอบจนทำให้ดูเหมือนมีอายุมากได้ อย่างไรก็ตามหลักฐานสนับสนุนในประเด็นนี้ก็ยังไม่แน่ชัด
สรุปประเด็นวิ่งมากไปทำให้หน้าแก่เร็วจริงหรือ?
จากข้อมูลทั้งหมดสรุปได้ว่า การออกกำลังกายด้วยการวิ่งนั้นสามารถทำให้ผิวหน้าดูแก่ก่อนวัยได้จากผลของแสงแดด และปริมาณการวิ่งที่มากเกินไปจนร่างกายไม่สามารถจัดการกับสารอนุมูลอิสระได้ หากเราเป็นนักวิ่งที่ต้องการดูแลผิวไปด้วย จึงควรวิ่งในปริมาณที่เหมาะสม แต่หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็มีคำแนะนำ ดังนี้
- ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด (Sunscreen) อย่างถูกต้อง คือทาในปริมาณที่เหมาะสม และทาก่อนต้องออกไปเจอแดดตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด แต่ละยี่ห้อ มีการเติมอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงพยายามไม่เช็ดหรือปาดแรงๆ เพื่อให้ครีมกันแดดนั้นติดทนให้ได้มากที่สุดเมื่อต้องวิ่งในระยะเวลานานๆ
- สวมเสื้อผ้า หมวก หรือปลอกแขน ที่สามารถช่วยป้องกันแสงแดดและระบายอากาศได้ดี เพื่อให้วิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพและปกป้องผิวไปในตัว
- ดื่มน้ำก่อนวิ่ง ขณะวิ่ง และทดแทนหลังวิ่งในปริมาณเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ ผิวของเราก็จะไม่เหี่ยวขาดน้ำไปด้วย
- กินอาหารที่ดีและครบ 5 หมู่ในปริมาณเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมฟื้นฟูส่วนที่สึกหรอจากการออกกำลังกายและจากแสงแดด
- เมื่อวิ่งเสร็จอย่าลืมทำความสะอาดผิวและบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน
- ออกกำลังกายในร่มเป็นหลัก แต่หากจำเป็นให้หลีกเลี่ยงการวิ่งในช่วงเวลา 09.00-16.00 น. เพื่อลดโอกาสการสัมผัสแสง UV เข้มข้นจากแสงแดด
- หลังจากวิ่งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควรมีการพักผ่อนที่เพียงพอเพื่อให้ร่างกายรวมถึงผิวของเราได้มีการซ่อมแซมอย่างเต็มที่
หากพิจารณาโดยรวมแล้วการออกกำลังกายแอโรบิกรวมถึงการออกกำลังกายชนิดอื่นๆ นั้นให้ประโยชน์ต่อสุขภาพของเราในทุกระบบอย่างชัดเจน แพทย์และผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกก็ยังคงสนับสนุนให้ทุกคนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่หากมีความกังวลด้านผิวพรรณลองปรับการออกกำลังกายให้เหมาะกับการใช้ชีวิตของเราและทำตามคำแนะนำเบื้องต้นก็จะทำให้ออกกำลังกายและมีผิวสวยไม่แก่ก่อนวัยได้