วิกฤตหนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ของเวียดนามดูเหมือนจะลุกลามและรุนแรงมากขึ้น หลังจากที่ผู้พัฒนาอสังหาอันดับ 2 ของประเทศ อยู่ระหว่างการตกลงขอเลื่อนการชำระหนี้หุ้นกู้ออกไปจากเวลาที่กำหนด
No Va Land Investment Group ระบุช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า บริษัทจะขอจ่ายคืนหนี้จำนวน 1 ล้านล้านดอง หรือราว 42 ล้านดอลลาร์ ล่าช้าจากเวลาที่กำหนด สำหรับหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระคืนเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งขอให้เจ้าหนี้ยืดอายุหุ้นกู้หรือใช้สิทธิแปลงหนี้มาเป็นสินค้าของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทต้องการใช้เวลาภายใน 2 เดือนนี้เพื่อหาทางออกสำหรับการจ่ายคืนหนี้ทั้งหมด
No Va Land Investment Group เป็นบริษัทอสังหารายล่าสุดของเวียดนามที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด สะท้อนถึงสภาพคล่องของอุตสาหกรรมที่ย่ำแย่ลง หลังจากรัฐบาลออกนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน ขณะเดียวกันหน่วยงานกำกับได้สั่งหยุดการออกหุ้นกู้ใหม่ทั้งอุตสาหกรรม
ด้วยหุ้นกู้จำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปีนี้ ทำให้ความเสี่ยงของทั้งอุตสาหกรรมพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งอาจจะลุกลามไปถึงกลุ่มธนาคารพาณิชย์หรือแม้แต่เศรษฐกิจของเวียดนาม
Xavier Jean นักวิเคราะห์ของ S&P Global Ratings กล่าวว่า “เราเชื่อว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และคาดว่าจะเห็นการขอยืดอายุหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ และผิดนัดการชำระหนี้เพิ่มขึ้นอีก เรากำลังจับตาดูว่าสถานการณ์จะลุกลามไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ หรือไม่”
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นเวียดนามอิงจากดัชนี VN30 ณ เวลา 10.48 น. ปรับตัวลงประมาณ 15 จุด หรือราว 1.4%
ด้าน รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บล.บัวหลวง มองว่าบนสถานการณ์ปัจจุบัน ปัญหาสภาพคล่องในกลุ่มอสังหาของเวียดนามยังไม่น่าจะลุกลาม และน่าจะเป็นปัจจัยเฉพาะตัวของ No Va Land Investment Group มากกว่า
“หากมองในเชิงนโยบาย เวียดนามเข้ามาจัดการเพื่อให้มีเสถียรภาพระยะยาว เพราะบริษัทเวียดนามยังไม่ได้มาตรฐานระดับโลกขนาดนั้น ทำให้ระยะสั้นจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ขณะเดียวกันรัฐบาลเวียดนามได้เรียกประชุมพิเศษกับบริษัทอสังหาและธนาคารพาณิชย์เพื่อเตรียมออกมาตรการช่วยเหลือ นอกจากนี้จะเห็นว่าอัตราส่วนหนี้ที่แต่ละธนาคารปล่อยให้กับ No Va Land Investment Group ส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำกว่า 1%
“ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นอสังหาของเวียดนามปรับตัวลง 5-15% หลายตัวที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องแต่ลงมาตาม Sentiment ซึ่งอาจเป็นโอกาสเข้าลงทุน อย่างไรก็ตาม หุ้นเวียดนามอาจยัง Sideway ต่อไปอีก 1-2 เดือน และจะเห็นการเขย่าตามมาอีก ก่อนจะเริ่มดีขึ้นได้หลังจากนั้น โดยรวมทั้งปีหุ้นเวียดนามน่าจะเป็นบวกได้ในปีนี้ หลังจากที่ลดลงมาถึง 35% เมื่อปีก่อน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เกิดอะไรขึ้นกับ ‘ฮ่องกง’ ทำไมสถานะ ‘ศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย’ กำลังถูกสั่นคลอน และอาจกลายเป็นแค่อดีต
- ส่องกรณีศึกษาการเติบโตของ เศรษฐกิจสิงคโปร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่รออยู่ข้างหน้า
- เปิดจุดเด่น เวียดนาม หลังจ่อขึ้นแท่นประเทศที่คว้าชัยในยุค Deglobalization
อ้างอิง: