×

กลยุทธ์ลงทุนช่วง ‘หุ้นไทย’ มี Downside และเผชิญปัจจัยลบรุมเร้า

19.04.2022
  • LOADING...
หุ้นไทย

ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ในภาพรวมดัชนีเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบใหญ่ระหว่าง 1,600-1,700 จุด โดยการฟื้นตัวก่อนหน้านี้เกิดจากความคาดหวังเชิงบวกต่อข่าวการเจรจากันระหว่างรัสเซียและยูเครน และอานิสงส์จากการทำ Window Dressing ในช่วง 1Q65 รวมถึงแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ โดยใน 1Q65 ซื้อสุทธิสะสมไปกว่า 1.1 แสนล้านบาท ส่งให้ผล SET ขึ้นมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,700 จุด 

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดที่ดูยังขาดปัจจัยหนุน ทำให้การฟื้นตัวดูเปราะบาง ส่งผลให้ดัชนียังไม่ผ่านบริเวณ 1,700 จุด และเริ่มกลับมาปรับตัวลงอีกครั้ง และคาดว่า SET มีโอกาสที่จะปรับลงมาหากรอบล่างบริเวณ 1,600 จุดอีกครั้ง ทำให้ตลาดยังมี Downside ท่ามกลางปัจจัยลบต่างๆ ที่รุมเร้า ได้แก่ 

 

  1. สงครามรัสเซียและยูเครนที่ยังยืดเยื้อ 

 

  1. การใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวของ Fed โดยการลดขนาดงบดุล และเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ท่ามกลางภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นมหาศาล จะส่งผลให้ทั้งดอกเบี้ยอสังหาริมทรัพย์ ดอกเบี้ยธุรกิจ และดอกเบี้ยรัฐบาล ปรับสูงขึ้น สร้างภาระที่เพิ่มขึ้น 

 

  1. เงินเฟ้อยังเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องและยังไม่เห็นสัญญาณขาลง ส่งผลให้ Fed ต้องขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง 

 

  1. การแพร่ระบาดของโควิดในเอเชียยังลุกลาม โดยเฉพาะในจีน จากนโยบาย Zero-COVID ส่งผลให้ต้องล็อกดาวน์ในเมืองใหญ่ต่างๆ เพื่อสกัดการแพร่เชื้อ 

 


 

บทความที่เกี่ยวข้อง

 


 

ทั้งนี้ ปัจจัยลบต่างๆ สร้างโอกาสหรือความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ทำให้มองดัชนีมี Upside จำกัดบริเวณ 1,700 จุด และมีแนวโน้มอ่อนตัวลงหาบริเวณ 1,600 จุด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ ‘รอจังหวะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ไม่ไล่ราคา’ ในหุ้นเชิงรับที่มีคุณภาพ และ/หรือมีปัจจัยบวกเฉพาะ เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน ในหุ้นกลุ่มต่างๆ ดังต่อไปนี้ 

 

  1. กลุ่มหุ้นที่ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตดี มีผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายนอกอย่าง KBANK, AMATA, LH, GULF, ADVANC, ONEE 

 

  1. กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อจำกัด เลือก ADVANC, BDMS, GULF 

 

  1. กลุ่มหุ้นที่ได้อานิสงส์บวกการบริโภคภาคเอกชนไทยฟื้นตัว เลือก CPALL, BJC, AH, LH, ZEN 

 

  1. หุ้น Low Beta และให้ Dividend Yield สูงเกินปีละ 7% เลือก TISCO (XD 29 เมษายนนี้) 

 

ทั้งนี้ในช่วงสั้นแนะนำเพิ่มความระมัดระวังลงทุนหรือรอซื้อเมื่ออ่อนตัวในหุ้นเปิดเมืองอย่าง AOT, MINT, AWC, CENTEL, ERW ซึ่งแม้จะได้อานิสงส์บวกจากแผนเปิดประเทศในครึ่งปีหลัง แต่ช่วงสั้นมีความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่จะสูงขึ้นหลังสงกรานต์ 

 

นอกจากนี้แนะนำหุ้นเด่นใน 2Q65 ของ SCBS ซึ่งคัดเลือกหุ้นโดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ 

 

  1. ผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายนอก 

 

  1. ได้รับโมเมนตัมเชิงบวกจากธีมเปิดประเทศ โดยเฉพาะปริมาณการจราจรระหว่างประเทศ 

 

  1. กำไรมีแนวโน้มเติบโตหรือฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง 

 

  1. มีความเสี่ยงทางการเงินจำกัด หรืองบดุลแข็งแกร่ง 

 

  1. มี Valuation สมเหตุสมผล ซึ่งจากการพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังกล่าว ทำให้ได้หุ้นเด่นที่แนะนำประจำ 2Q65 ได้แก่ AOT (เปิดประเทศ, ฟื้นตัว), BDMS (หุ้นเชิงรับ, อำนาจในการกำหนดราคาสูง), CRC (ฟื้นตัว, เติบโตอย่างมีคุณภาพ), GULF (เติบโตอย่างมีคุณภาพ, หุ้นเชิงรับ, อำนาจในการการกำหนดราคาสูง) และ PTTEP (หุ้นเติบโตที่มีราคาสมเหตุสมผล)
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising