×

TASTE: ‘Grow tea.studio’ คาเฟ่ชาสโลว์บาร์หลังเล็กๆ ย่านสุทธิสาร ที่ตั้งใจเสิร์ฟชาทุกแก้วให้เป็นดั่งแก้วโปรดของทุกๆ คน

11.12.2021
  • LOADING...
Grow tea.studio

Grow tea.studio

ธนพงษ์ พิสิฐสิฬษ์ (ประทัด) และ นภัครธรณ์ ศรีไทรคู (บะหมี่)

 

เพราะการอยากทำธุรกิจจากที่สิ่งที่ชื่นชอบร่วมกัน เป็นจุดกำเนิดให้ฟู้ดสไตลิสต์อย่าง ธนพงษ์ พิสิฐสิฬษ์ (ประทัด), ฟู้ดดีไซเนอร์ และทีมาสเตอร์อย่าง นภัครธรณ์ ศรีไทรคู (บะหมี่) และ ณัฐวรา ธวบุรี (กิ๊ฟฟี่) สถาปนิกซึ่งเคยมีประสบการณ์การดูแลด้านการจัดการ และการปฏิบัติงานในคาเฟ่มาก่อน ได้ตัดสินใจเปิดคาเฟ่ชาหลังหนึ่งขึ้นมาด้วยกัน ภายใต้ชื่อร้านอย่าง ‘Grow tea.studio’ หรือที่แปลว่า ‘เจริญเติบโต’

 

‘Grow tea.studio’ คือคาเฟ่ชาไต้หวัน ชาญี่ปุ่น และมัทฉะแบบสโลว์บาร์ ขุมทรัพย์หลังเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ภายในย่านสุทธิสาร โดยมีโลโก้ประจำร้านคือ ‘แสงที่เปล่งประกาย’ มาจากความหมายของร้าน รวมไปถึงจุดประสงค์ที่อยากให้ทุกคนนั้นเจริญเติบโตทั้งกาย และใจไปด้วยกัน นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหนึ่งโลโก้ที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของการชงชา อย่าง ‘grow°’ ชื่อของร้านที่มีองศาน้ำร้อนห้อยติดมาอีกด้วย

 

Grow tea.studio

  ภาพบรรยากาศร้าน

 

เมื่อได้ก้าวย่างเข้ามาสู่บริเวณของร้าน จะเห็นได้ว่าจุดเด่นอย่างแรกของคาเฟ่แห่งนี้ คือดีไซน์การตกแต่ง และการออกแบบที่ถูกปกคลุมไปด้วยโทนสีดำ ขาว และเอิร์ธโทน ซึ่งจะให้ความรู้สึกถึงความ Unisex และกลิ่นอายของความเท่ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากคาแรกเตอร์ของทั้ง 3 คนอย่างลงตัว

 

ถึงแม้ว่าสีหลักของร้านอย่างสีดำ รวมไปถึงทำเลที่ตั้งที่หลบซ่อนอยู่นั้นจะให้บรรยากาศที่สุขุม สงบ และลึกลับ แต่องค์ประกอบทั้งหมดทั้งมวลอย่างเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากไม้อัด ผนัง ไปจนถึงเพดานที่มาในรูปแบบของปูนเปลือย ก็ยังช่วยเสริมบรรยากาศที่เย็นสบาย สไตล์โฮมมี่ สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่มาแวะเวียน หรือผู้ที่มานั่งจิบชายาวๆ ที่เคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ นี้ได้เช่นกัน

 

Grow tea.studio

การล้างชาจีนด้วยน้ำร้อนก่อนหนึ่งรอบ

 

ทุกๆ การตัดสินใจนั้นมีที่มา เพราะก่อนหน้าที่ทั้ง 3 คนจะตัดสินใจเปิดคาเฟ่ชาแห่งนี้ร่วมกัน ธุรกิจแรกที่ได้โผล่ขึ้นมาในหัวคือ ‘การทำโปรดักต์เพื่อสุขภาพ’ 

 

Grow tea.studio

 ภาพบรรยากาศภายในร้าน

 

ดังนั้นแล้ว เมื่อสุขภาพมารวมอยู่ในศาสตร์ของชา จึงเป็นผลให้การเลือกโทนชาในร้าน จำเป็นที่จะต้องดื่มง่าย ไม่อึดอัด มีคุณภาพที่ดี เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่ที่อยากเข้าถึงการดื่ม และศาสตร์ของชา ไปจนถึงคนรักชาทั้งหลายที่ก็อยากลองเปิดประสบการณ์การดื่มชาในรูปแบบ และการนำเสนอที่เป็นเอกลักษณ์ของทางร้านด้วยเช่นกัน โดยโทนชาที่ออกไปทางสว่างๆ นี่แหละ ที่ดูจะตอบโจทย์กับคาเฟ่แห่งนี้มากที่สุด

 

Grow tea.studio

การตีมัทฉะด้วยนมเย็น

 

ไล่เลียงมาจากโซนแรกของเมนูอย่างหมวดหมู่มัทฉะลาเต้ ที่ทางร้านได้เลือกใช้มัทฉะจากเมืองอูจิ จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ‘Ujicha’ ซึ่งมีคาแรกเตอร์ตรงตามโจทย์อย่างโทนสว่าง เพราะมัทฉะจากทางอูจินั้นจะให้โน้ตที่ออกไปทางความเขียวผักใบ เขียวหญ้า เขียวถั่วเขียว ธัญพืช สาหร่ายทะเล ดอกไม้ วานิลลา และมีโน้ตที่ทิ้งท้ายด้วยโกโก้ หรือดาร์กช็อกโกแลต รวมไปถึงยังมีรสชาติที่ครบรส ไม่ว่าจะเป็น เปรี้ยว เค็ม หวาน ขม และรสกลมกล่อม (Umami) 

 

สำหรับในหมวดหมู่นี้ ทางร้านจะมีมัทฉะให้เลือกถึง 5 เมนู ใน 5 คาแรกเตอร์ด้วยกัน โดยแต่ละเมนูนั้นจะถูกนำเสนอรสชาติเบื้องต้นผ่านรูปการจัดดอกแบบไม้แบบอิเคบานะ (Ikebana) ในถ้วยชาทรงกระปุกเกลือ และเทสโน้ตที่ได้ถูกแปะไว้คร่าวๆใต้เมนู ไม่ว่าจะเป็น Basic Ujicha (135 บาท) มัทฉะเบลนด์ชงด้วยนมเย็นแบบโคลด์บรูว์ ให้รสชาติคล้ายถั่วรสหวานมัน เมล็ดฟักทองอบ สาหร่าย ดาร์กช็อกโกแลต และกลิ่นหอมของข้าว โดยเมนูนี้ถูกนำเสนอผ่านใบไม้สีเขียวและถั่วแระ ในกระถางต้นไม้ปกติที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นมัทฉะที่สามารถดื่มได้ทุกวัน 

 

หรือ Umami (180 บาท) มัทฉะเบลนด์จากสายพันธุ์ซาเอะมิโดริ ที่ถูกนำเสนอรสชาติของความละมุนกลมกล่อมของวานิลลา เม็ดบัว และซุปสาหร่ายผ่านดอกไม้สีขาวที่เบ่งบาน และดอกไม้สีขาวที่ยังอยู่ในตาข่ายหุ้ม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงมิติของรสชาติ และอโรมาที่จะค่อยๆ ออกมาระหว่างการดื่ม

 

Grow tea.studio

เมนู Shibumi (ราคา 160 บาท)

 

นอกจากรสชาติที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย และกลมกล่อมแล้วนั้น Grow tea.studio ก็ยังคงมีอีก 2 เมนูมัทฉะใส่นม ที่มีชื่อเรียกคล้ายการระบุคำนิยามของรสชาติที่มากไปกว่ารสปรี้ยว ขม เค็ม หวาน และกลมกล่อม อย่าง Ooika หรือกลิ่นสดชื่นแบบสาหร่าย และ Shibumi หรือความขมฝาดแบบสดชื่น

 

สำหรับเมนู Ooika (165 บาท) นั้น ทางร้านได้เลือกใช้มัทฉะเบลนด์สายพันธุ์โอคุมิโดริ จากเมืองคาวากุจิ จังหวัดไซตามะแทน โดยจะยังให้รสชาติโทนสว่างที่คล้ายถั่วลันเตาอบ ความเค็ม และอโรม่าจากสาหร่ายทะเล รวมไปถึงดาร์คช็อคโกแลตที่ยังคงทำให้แก้วนี้มีความนุ่มนวล ฟุ้งๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งเมนูนี้ ก็จะถูกนำเสนอผ่านการจัด Ikebana โดยใช้สาหร่ายมาริโมะ ทรงกลมๆ แทนสัญลักษณ์หลักอีกด้วย 

 

และในส่วนของเมนูฝาดก่ำเขียวแบบสดชื่นอย่าง Shibumi (160 บาท) นั้น ทางร้านก็ได้นำเสนอรสชาติผ่านการจัดช่อดอกไม้ที่ใช้ใบไม้แห้งแทนความขมฝาด และใช้สาหร่ายมาริโมะที่ห่อหุ้มด้วยกระดาษแทนความขมก่ำเขียวแบบหญ้าสด และซุปผักโขมที่สดชื่น นอกจากนี้ แก้วนี้ก็ยังให้รสชาติความหวานปนขมของมอลต์ ช็อกโกแลต และมะขามป้อมอีกด้วย

 

Grow tea.studio

เมนู grow° Usucha (135 บาท) และ Dora’caron (65 บาท)

 

แต่ถ้าหากว่าใครที่กำลังมองหาเมนูมัทฉะลาเต้ที่ครบเครื่อง และครบรสที่สุดตัวหนึ่ง แน่นอนว่าต้องห้ามพลาดเมนู อย่าง grow°er (180 บาท) หรือมัทฉะเบลนด์สูตรลับของทางร้าน ที่เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะให้ความรู้สึกเข้มข้น แต่ยังคงดื่มง่ายและสดชื่น โดยเมนู grow°er นี้ สายมัทฉะไม่ใส่นมก็สามารถสั่งแบบชงน้ำ หรือเมนูที่มีชื่อว่า grow° Usucha (135 บาท) กินควบคู่ไปกับขนมหวานอย่างโฮมเมดโดรายากิไส้ถั่วแดง หรือ Dora’caron (65 บาท) อุ่นแบบร้อนๆ ได้เช่นกัน

 

Grow tea.studio

  เมนู Houjicha Cold Brew Milk Tea (145 บาท)
    และ Dong Fang Mei Ren Cold Brew Milk Tea (165 บาท)

 

นอกเหนือไปจากเมนูมัทฉะลาเต้ สายนมก็ยังคงมีเมนูชานมไต้หวัน และเมนูชานมญี่ปุ่น อย่างโฮจิฉะคั่วอ่อนจากเศษเกียวกุโระที่ได้ผ่านกระบวนการโคลด์บรูว์นานกว่า 1-2 วัน เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้น และนุ่มนวลมาให้ได้ลิ้มลองกัน 

 

โดยเมนูชานมไต้หวันนั้น ก็จะมีให้เลือกถึง 2 ตัวใน 2 สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น Tie Charcoal (145 บาท) ชานมเบสทิกวนอิมที่ให้รสชาติคล้ายน้ำตาลไหม้ และความหอมคั่วกระทะที่ชัดเจน หรือ Dong Fang Mei Ren/Oriental Beauty (165 บาท) ชานมเบสตงฟาง เหม่ยเหริน หรืออู่หลงที่ก็จะฉีกออกมาในแนวหอมดอกไม้ หวานน้ำผึ้ง และมีความขมเข้มของชาขึ้นมาอีกระดับ 

 

Grow tea.studio

ขั้นตอนการทำเมนู Ruby Clear Tea (125 บาท)

มาจนถึงหมวดหมู่เมนูที่เอาใจรักการดื่มชาแบบไม่ใส่นม หรือหมวดหมู่ชาใส (New Traditional Clear Tea) ที่ก็มีทั้งชาไต้หวันและญี่ปุ่นให้ได้เลือกลิ้มรสกันอย่างเต็มที่ถึง 6 เมนู โดยความพิเศษของชาในหมวดหมู่นี้ ก็คือการคัดสรรเกรดชาที่เหมาะสำหรับการชงใสเท่านั้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่าถึงแม้จะเป็นพันธุ์เดียวกัน แต่ด้วยเกรดที่คัดมาไม่เหมือนกัน ก็จะให้รสชาติที่ต่างออกกันออกไปจากการชงด้วยนมเย็นอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น Houjicha (135 บาท) เกรดชงน้ำจากไร่เกียวกุโระ ให้รสชาติที่หอมคั่ว และมีความสดชื่น ของฟรุตตี้ในตอนท้าย ซึ่งจะต่างจากเกรดชงนมที่ให้กลิ่นควันสโมคของคาราเมลไหม้ขึ้นมาทันทีเมื่อได้ดื่ม, Tieguanyin (125 บาท) ชาทิกวนอิมแบบใสที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความหวานฉ่ำคอ แต่ยังคงเอกลักษณ์ความหอมไหม้คล้ายถ่านไม้ไผ่เผาอยู่ เช่นเดียวกับ Dong Fang Mei Ren (125 บาท) ที่ก็ยังคงมีความหอมคล้ายดอกไม้ป่าสีแดง ควันเผา ที่เพิ่มเติมมาด้วยความหวานฉ่ำคล้ายแอปเปิ้ลแดง 

 

Grow tea.studio

เมนู Kukicha (125 บาท)

 

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ แต่ในหมวดหมู่ชาใสนั้น ก็ยังมี Bao Zhong (125 บาท) ลูกครึ่งชาเขียวจีน-อู่หลง ที่ให้รสชาติที่สมดุล ครบทุกมิติ โดยเฉพาะกลิ่นหอมของดอกไม้ขาวที่ชัดเจน, Ruby Clear Tea (125 บาท) ชาดำรูบี้ที่ให้รสเย็นสดชื่นคล้ายมินต์ กลิ่นหอมโดดเด่นของกุหลาบแดง และมิติของชาที่ซับซ้อนน่าค้นหา และ Kukicha (135 บาท) หรือก้านชาเขียวญี่ปุ่นที่ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มเติมความสดชื่นตลอดทั้งวัน รวมไปถึงยังสามารถเลือกสั่งเป็นเมนูปิดท้ายได้เช่นเดียวกับเมนูเครื่องดื่มฟิวชันในหมวดหมู่ Signature Mocktail และเครื่องดื่มผลไม้หมวดหมู่ Non Tea อย่าง ยูซุ บ๊วย และลูกแพร์ รวมกว่า 5 เมนูอีกด้วย

 

Grow tea.studio

Open: วันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น. 

Address: ซอยอุดมสุข แยก 4, สุทธิสาร (MRT สุทธิสาร ทางออก 3)

Budget: 65-180 บาท

Web: https://www.instagram.com/grow.teastudio/

Map: https://goo.gl/maps/LqRXnkLHHXPiAVGZ6

 

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising