×

เมนูใหม่ประจำฤดูฝนจาก ‘สวรรค์’ ห้องอาหารที่เชิดชูเทคนิคการปรุงไม่แพ้วัตถุดิบ

30.10.2020
  • LOADING...
Saawaan คือร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่ง เครือ Issaya Group

HIGHLIGHTS

  • Saawaan คือร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งในเครือ Issaya Group ที่เปิดให้บริการครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2018 ซึ่งสามารถคว้ารางวัลดาวมิชลิน 1 ดวง ได้สำเร็จในการประกาศรางวัล มิชลิน ไกด์ ฉบับกรุงเทพฯ ภูเก็ต และพังงา ในปี 2019 
  • เมนูฤดูฝนที่ไม่ควรพลาดคือ ผัดฉ่ากบ ที่เสิร์ฟในใบบัวหยดน้ำกระชาย มองโดยรวมคือเป็นจานกบที่เลือกเสิร์ฟผ่านการจำลองระบบนิเวศของกบ

Saawaan คือร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งในเครือ Issaya Group กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารที่อยู่เบื้องหลังร้านอาหารชื่อดังอย่าง Issaya Siamese Club, Namsaah Bottling Trust และ Pizza Massilia ภายใต้การนำของ เชฟอ้อม-สุจิรา พงษ์มอญ และขนมหวานโดย เชฟเปเปอร์-อริสรา จงพาณิชกุล เปิดให้บริการครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2018 ซึ่งสามารถคว้ารางวัลดาวมิชลิน 1 ดวง ได้สำเร็จในการประกาศรางวัล มิชลิน ไกด์ ฉบับกรุงเทพฯ ภูเก็ต และพังงา ในปี 2019 

 

Saawaan คือร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่ง เครือ Issaya Group

 

The Vibes: 

ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสกลับไปเยือนร้านอาหารแห่งนี้อีกครั้งเพื่อทดลองเมนูใหม่ประจำฤดูฝน ที่เชฟอ้อมยังคงคอนเซปต์เดิมในการนำเสนออาหารไทยจากภาคต่างๆ เรียงร้อยทั้ง 9 คอร์สผ่านการขึ้นลงของรสชาติ ทั้งจานเรียกน้ำย่อย ซุป ก่อนอาหารจานหลัก ซึ่งสิ่งที่ทำให้มื้ออาหารของ Saawaan มีความสนุกสนานและเปรียบเหมือนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือการหยิบเอาวิธีการปรุงของอาหารไทยแต่ละวิธี อย่างการกินแบบดิบ การผัด การอบ หรือการแกง ขึ้นมาเป็นแกนที่แตกต่างกันในแต่ละคอร์ส ทำให้นอกจากเราจะได้รู้จักกับอาหารและวัตถุดิบจากทั่วประเทศแล้ว ยังได้เรียนรู้วิธีการปรุงเพิ่มขึ้นไปอีก 

 

จริงๆ แล้วต้องบอกว่าเมนูอาหารของสวรรค์ไม่ได้เปลี่ยนบ่อยนัก แต่สำหรับฤดูฝนครั้งนี้มีจานใหม่ๆ ขึ้นมาใหม่เกือบทั้งหมด ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ทั้งสำหรับคนที่ยังไม่เคยลอง หรือชื่นชอบอาหารที่นี่อยู่แล้ว เรียกว่าได้เวลากลับไปอัปเดตเรื่องราวอาหารจากฝีมือเชฟอ้อมอีกครั้ง แถมเทคนิคการปรุงอาหารที่เคยคิดว่ารู้จักหมดแล้วในเมนูเก่าก็ยังมีวิธีใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาให้เห็นอีกด้วย   

 

 

The Dishes: 

เราเริ่มมื้ออาหารในครั้งนี้ด้วย Snack 4 คำที่ไม่ได้อยู่ในเมนู เราประทับใจ ‘โจ๊ก’ ที่สุด เพราะอาหารเช้าสุดคลาสสิกถูกนำเสนอใหม่ใน 1 คำ ผ่านการใช้เส้นแป้งคล้ายๆ คาดายืฟ ที่ใช้ทำขนมบาคลาวามาห่อเป็นรังนกเอาไว้ ใส่หมูย่าง โจ๊ก และไข่นกกระทา 

 

 

Raw เชฟอ้อมเลือกเปิดคอร์สแรกด้วยการเสิร์ฟแบบดิบเช่นเดียวกับคราวก่อน แต่เปลี่ยนรูปแบบจากก้อยปลามาเป็นก้อยกุ้งที่หน้าตาเหมือน Ceviche ตัดรสเพิ่มความสดชื่นด้วยแตงกวา ปรุงรสด้วยกะทิและน้ำมันมะกรูด ให้ความรู้สึกเป็นลูกผสมระหว่าง Ceviche และต้มข่า ต่อด้วยคอร์สที่ 2 Dip คอร์สจิ้มที่เชฟเลือกเสิร์ฟมันปูนากับข้าวเหนียวปิ้งกะทิ คอร์สนี้ถือเป็นซิกเนอเจอร์ของที่นี่ไปแล้ว เพราะต้องขอข้าวเหนียวเพิ่มทุกครั้งที่กิน 

 

 

Stir-Fried วิธีการผัดถูกหยิบขึ้นมาใช้ในคอร์สที่ 3 กับเมนูผัดฉ่ากบ คอร์สนี้เราให้คะแนนความประทับใจสูงมากจากการเลือกขากบกับซอสผัดฉ่า ก่อนนำส่วนที่เหลือของกบมาทำเป็นไส้กรอก เพื่อไม่ให้อะไรต้องสูญเปล่า ทานกับข้าวเกรียบผำ เสิร์ฟในใบบัวหยดน้ำกระชาย มองโดยรวมคือเป็นจานกบที่เลือกเสิร์ฟผ่านการจำลองระบบนิเวศของกบนั่นเอง 

 

 

Fermented อาหารไทยมีการหมักดองหลากหลาย สิ่งหนึ่งที่เราไม่ค่อยนึกถึงเมื่อพูดถึงการดองคือขนมจีน ซึ่งเส้นของขนมจีนทำจากแป้งหมัก บวกกับเป็นเมนูที่เชฟชื่นชอบส่วนตัว ขนมจีนน้ำพริกจึงเป็นตัวแทนการหมักเพิ่อจบอาหารเรียกน้ำย่อยก่อนที่เราจะก้าวไปสู่จานหลัก 

 

 

Boiled เชฟเตรียมพร้อมจานหลักด้วยคอร์สต้ม ที่คราวนี้เลือกเสิร์ฟแกงส้มพริกสดปลาน้ำดอกไม้ เบสแกงส้มที่ว่าคือแกงเหลืองจากภาคใต้ เลือกโปรตีนเป็นปลาน้ำดอกไม้นำไปเซียร์ในกะทะ ตัดความเผ็ดด้วยคอร์ส Miang เมี่ยงชะมวงส้มจี๊ด ที่ใช้ข้าวไรซ์เบอร์รีพองและมะพร้าวมาบาลานซ์ความเปรี้ยวของใบชะมวง 

 

 

Charcoal หรือการอบโอ่งคือวิธีการปรุงใหม่ที่เลือกมาเสิร์ฟในเซ็ตนี้ ความต้องการของจานนี้คือการจำลองเมนูส้มตำไก่ย่าง แต่เลือกให้นกกะทาเลี้ยงจากนครปฐมเป็นพระเอกหลัก ทานกับซอสเผ็ดเปรี้ยวมะขามคล้ายแจ่ว ด้านข้างคือมะละกอดองน้ำมะแข่นทานแกล้มกันเหมือนกับการกินส้มตำไก่ย่าง

 

 

Curry จานหลักสุดท้ายเชฟอ้อมเลือกเสิร์ฟมัสมั่นลิ้นวัว เชฟเล่าให้ฝังว่าต้องการเสิร์ฟมัสมั่นสูตรที่เป็นสไตล์เปอร์เซียแท้ๆ เข้มข้นในเรื่องของเครื่องแกง แต่เลือกใช้ลิ้นวัวเป็นโปรตีนหลัก ทานกับโรตีแผ่นจิ๋ว และเอ็นแก้วที่นำไปทอดให้พอง 

 

 

Dessert ขนมหวานจากเชฟเปเปอร์ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน อย่างที่เราทราบกันดีว่าตอนนี้หลายคนหันมาให้ความสนใจช็อกโกแลตไทยกันมากขึ้น ของหวานของเราจานหลักจึงมีชื่อว่า โกโก้พันธุ์ไทย โดยเชฟเลือกเมล็ดโกโก้จาก 3 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ชุมพร และเชียงใหม่ มาปรุงเป็นส่วนต่างๆ ในจานตามคาแรกเตอร์ หลังจากนั้นจบด้วยของหวานอีก 3 คำอย่าง ขนมเบื้องโหระพา ขนมดาราทอง และขนมครกเครมบรูเล 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

FYI

เมนูฤดูฝนมาในราคา 1,980 บาท สำหรับ 9 คอร์ส ซึ่งสามารถเลือกแพริ่งเครื่องดื่มได้สองแบบคือ Wine Pairing 1,890 บาท หรือ Tea Pairing กับชาถึง 7 ชนิด 680 บาท 

 

อ่านเรื่องราวเพิ่มเพิ่มเกี่ยวกับ Saawaan ได้ที่ https://thestandard.co/saawaanbkk/ 

 

 

สวรรค์ (Saawaan)

Open: วันจันทร์, วันพุธถึงวันอาทิตย์ เวลา 18.30-22.30 น.

Address: ซอยสวนพลู

Contact: 0 2679 3775

Page: www.facebook.com/saawaanbkk 

Map: 

 

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising