เมื่อ Microsoft ลงทุนครั้งแรก 1 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI ในปี 2019 ข้อตกลงนี้ไม่ได้รับความสนใจมากไปกว่ารอบการลงทุนตามปกติ เพราะในเวลานั้น AI ได้ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนควบคู่ไปกับยานยนต์ไฟฟ้า โลจิสติกส์ขั้นสูง และการบินและอวกาศ
แต่เวลา 3 ปีผ่านมา ภาพในวันนี้กลับเปลี่ยนแปลงไปราวกับพลิกฝ่ามือ เพราะตอนนี้ไม่มีบริษัทเอกชนใดร้อนแรงไปกว่า OpenAI ที่ได้เปิดตัว ChatGPT ซึ่งเป็นแชตบอตที่กลายเป็นไวรัลด้วยความสามารถในการสร้างคำตอบที่เหมือนมนุษย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- พนักงาน Samsung Semiconductor เผลอทำ Source Code และข้อมูลสำคัญรั่วไหลใน ChatGPT
- อิตาลีสั่งระงับ ‘ChatGPT’ เป็นชาติแรกในโลกตะวันตก! หลังเปิดสอบ OpenAI ปมความเป็นส่วนตัว
- OpenAI เปิดตัวระบบ AI เวอร์ชันใหม่ GPT-4 บน ChatGPT ที่ฉลาดกว่าเดิม!
จากการลงทุนตามปกติ ตอนนี้มีรายงานว่าการลงทุนสะสมของ Microsoft ใน OpenAI เพิ่มขึ้นเป็น 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 4.4 แสนล้านบาท และการประเมินมูลค่าของสตาร์ทอัพมีมูลค่าสูงถึง 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 9.9 แสนล้านบาท
เรียกว่ามองการณ์ไกลจริงๆ สำหรับ Microsoft ที่ตอนนี้ได้ผสานพลังของ ChatGPT เข้ากับเสิร์ชเอนจิน Bing, ซอฟต์แวร์การขายและการตลาด, กลุ่มผลิตภัณฑ์ Microsoft 365 และ Azure Cloud
Michael Turrin นักวิเคราะห์จาก Wells Fargo กล่าวว่าทั้งหมดนี้สามารถเพิ่มรายได้ใหม่ประจำปีให้กับ Microsoft ได้มากกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 1.02 ล้านล้านบาท โดยครึ่งหนึ่งมาจาก Azure
OpenAI ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 โดยไม่หวังผลกำไร แต่ภาพที่เปลี่ยนไปทำให้ Elon Musk ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง OpenAI และผู้สนับสนุนในยุคแรกมองว่าไม่สมเหตุสมผลสำหรับการหารายได้ที่กำลังเกิดขึ้น
หลายครั้งในปีนี้ Musk ได้ทวีตความกังวลของเขาเกี่ยวกับโครงสร้างที่ไม่เป็นทางการของ OpenAI และผลกระทบต่อ AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงระดับความเป็นเจ้าของของ Microsoft
“OpenAI ถูกสร้างขึ้นเป็น Open Source ซึ่งเป็นบริษัทที่ไม่แสวงหาผลกำไรเพื่อทำหน้าที่ถ่วงดุลกับ Google แต่ตอนนี้กลายเป็น Open Source ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำกำไรสูงสุด ถูกควบคุมโดย Microsoft” Musk ทวีตเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ “นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันตั้งใจไว้เลย”
นอกเหนือจากการลงทุนแล้ว การพึ่งพา OpenAI ยังมีศักยภาพที่จะช่วยให้ Microsoft กลับมาโดดเด่นในแวดวง AI ซึ่งแม้ Microsoft ไม่ได้เปิดเผยขนาดของธุรกิจ AI ซึ่งแตกต่างจากการเปิดเผยข้อมูลของธุรกิจด้านโฆษณาหรือความปลอดภัย แต่ก่อนหน้านี้ผู้บริหารเคยกล่าวว่า รายรับจากบริการ Azure Machine Learning เพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็นเวลา 4 ไตรมาสติดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม OpenAI ได้สร้างข้อกังวลมากมาย โดยปลายเดือนที่แล้ว ศูนย์ปัญญาประดิษฐ์และนโยบายดิจิทัลที่ไม่หวังผลกำไรเรียกร้องให้ Federal Trade Commission หยุด OpenAI จากการเปิดตัวเชิงพาณิชย์ใหม่ของ GPT-4 โดยอธิบายว่าเทคโนโลยีนี้ ‘ลำเอียง หลอกลวง และมีความเสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยสาธารณะ’
จุดนี้เองทำให้ OpenAI กำลังดึงดูดการตรวจสอบด้านกฎระเบียบเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับ AI ซึ่งแน่นอนอาจจะสะเทือนไปหา Microsoft ด้วย แม้ว่าจากข้อมูลของ PitchBook ทาง OpenAI พร้อมที่จะสร้างรายได้ 200 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพิ่มขึ้น 150% จากปี 2022 และ 1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ซึ่งหมายถึงการเติบโต 400% ก็ตาม
อ้างอิง:
