‘สดชื่นสถาน’ สถานที่โอบกอดคนไร้บ้าน เพราะคุณภาพชีวิตที่ดีควรเป็นเรื่องธรรมดา

สดชื่นสถาน คือสถานที่โอบกอดคนไร้บ้าน เกิดขึ้นจากแนวคิดสร้างเรื่องธรรมดาให้เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนควรเข้าถึง เริ่มจากให้พื้นที่สำหรับคนไร้บ้านได้ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดา การอาบน้ำ ซักผ้า ที่เป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป ให้กลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนไร้บ้าน

มูลนิธิกระจกเงาที่ใครหลายคนเข้าใจว่าทำหน้าที่ตามหาคนหาย ความจริงแล้วมีหลากหลายกิจกรรมที่ทำเพื่อสังคมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นโครงการจ้างวานข้า ช้าการช่าง หรือแม้กระทั่งโครงการนี้ที่ใช้ชื่อว่า ‘สดชื่นสถาน’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการที่โอบกอดคนไร้บ้าน และหาพื้นที่ให้กลุ่มคนเปราะบางกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อีกครั้ง

สดชื่นสถานมีเครื่องซักผ้าจำนวน 4 เครื่อง เครื่องอบผ้าจำนวน 4 เครื่อง ห้องสุขาชาย-หญิงอย่างละ 2 ห้อง และห้องอาบน้ำชาย-หญิงอย่างละ 2 ห้อง เปิดให้ใช้งานทุกวัน แบ่งเป็นวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.00-21.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.30-16.30 น.

ยังมีเครื่องกรองน้ำที่มีระบบทำความเย็นให้กับคนไร้บ้าน สามารถนำขวดมากรอกน้ำเพื่อนำไปบริโภคได้ด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เคยเป็นอดีตคนไร้บ้านคอยดูแลความสะอาดตลอดทั้งวันและทุกวันศุกร์ ขณะที่สำนักพัฒนาสังคม กทม. และสภากาชาดไทย มีบริการตัดผม ซ่อมมือถือ ตรวจสุขภาพ ทำบัตรประชาชน รับสมัครงาน และฝึกอาชีพ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตและโอกาสให้กลุ่มคนไร้บ้านได้กลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อีกครั้ง

จากเคยเป็นผู้รับ วันนี้อดีตคนไร้บ้านมีความสุขที่ได้เป็นผู้ให้ จากอดีตคนไร้บ้าน วันนี้ได้ทำหน้าที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจกเงา มีหน้าที่ซักผ้ามากกว่า 100 ชิ้นต่อวัน รวมถึงดูแลห้องน้ำให้สะอาดให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา

งานเหล่านี้อาจดูเป็นงานที่หนัก แต่พวกเขาบอกว่าผลตอบแทนทางใจที่ได้รับมันหายเหนื่อย ภูมิใจ และมีความสุขทุกครั้งที่เห็นคนได้ใส่เสื้อผ้าที่สะอาด ได้อาบน้ำ ได้เข้าห้องน้ำ ได้ดื่มน้ำเย็นๆ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เห็นรอยยิ้มของกลุ่มคนไร้บ้านที่มีความหวัง เราก็มีความสุข ดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งปัน

สิทธิพล ชูประจง หัวหน้าโครงการผู้ป่วยข้างถนนและจ้างวานข้า มูลนิธิกระจกเงา ให้ข้อมูลว่า สดชื่นสถานไม่ใช่แค่การได้ชำระล้างร่างกายและทำความสะอาดตัวเอง เราพยายามทำให้ระบบสวัสดิการพื้นฐานนี้เปลี่ยนผ่านคนไร้บ้านไปสู่คนมีบ้าน หลุดจากวงจรคนไร้บ้านได้ในที่สุด

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เคยกล่าวไว้ในวันเปิดสดชื่นสถาน เมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมาว่า ปัญหาคนไร้บ้านจริงๆ แล้วไม่ใช่สิ่งถาวร มันเป็นแค่จังหวะชีวิต บางคนเขาอาจจะโชคร้ายต้องเผชิญปัญหาแบบนี้ ถ้าพวกเราโอบกอดเขา ให้โอกาสเขา เขาจะกลับมายืนและเข้าสู่สภาวะปกติได้ไม่ยาก เราจะทิ้งให้เขาลำบากไม่ได้ เป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่หากปล่อยให้เขาอยู่แบบไร้บ้านต่อไปจะยิ่งลำบากขึ้น และจะยิ่งออกจากวงจรยาก เพราะฉะนั้นเรื่องง่ายๆ เช่น มีห้องน้ำ ที่ซักผ้า อาหาร สิทธิประโยชน์ การดูแลรักษา การมีบัตรประชาชน สิ่งเหล่านี้จะทำให้หลุดจากวงจรได้ รวมทั้งต้องให้คนไร้บ้านมีงานทำ มีเงินสามารถไปเช่าบ้าน ไปตั้งชีวิตได้

นอกจากนี้ กทม. เตรียมปรับปรุงตึกเก่าแถวสะพานวันชาติเป็นศูนย์พักพิงคนไร้บ้านถาวร คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นปีหน้า หรือถ้าอยากกลับบ้าน ศูนย์นี้จะจัดส่งกลับภูมิลำเนา ส่วนห้องเช่าราคาถูกเป็นแนวคิดจ่ายคนละครึ่ง ขณะนี้ทำลิสต์ห้องเช่าอยู่

ป้าเจียน แผนกซัก-อบ บอกว่า พอเห็นคนได้ใส่เสื้อผ้าที่สะอาด ป้าก็มีความสุข มีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้ม มีความสุขที่มีโอกาสได้แบ่งปัน

พี่นุช เจ้าหน้าที่สดชื่นสถาน มีหน้าที่ดูแลห้องน้ำผู้หญิงสำหรับคนไร้บ้าน เพื่อให้มีห้องน้ำใช้เป็นที่เป็นทาง เธอบอกว่ารู้สึกภูมิใจและดีใจที่ได้รับโอกาสสำหรับหน้าที่นี้

ตะกร้าใส่ผ้าของคนไร้บ้าน รอเข้าเครื่องซักและอบแห้งก่อนส่งคืนเจ้าของ

พี่เอกลองสูดดมเสื้อยืดที่ถูกซักและอบแห้ง บอกว่าสะอาดมาก พร้อมใส่

ป้าเจียนนำผ้าจากเครื่องซักเข้าเครื่องอบ ก่อนใส่ตะกร้าและบรรจุลงถุงรอเจ้าของมารับ

นักท่องเที่ยวถ่ายภาพป้าเจียน เจ้าหน้าที่สดชื่นสถาน หลังทราบที่มาของโครงการด้วยความสนใจ

ผ้าที่ซักแล้วถูกโยนเข้าตู้อบแห้ง อีกหนึ่งขั้นตอนของการทำให้เสื้อผ้าสะอาดและพร้อมใช้งาน

กลุ่มคนไร้บ้านทักทายเจ้าหน้าที่สดชื่นสถานด้วยความเป็นกันเอง ระหว่างข้ามถนนมาเพื่อรับข้าวกล่อง

ลุงยาว คนไร้บ้านซึ่งอาศัยบริเวณใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าเป็นที่พัก ก่อนที่จะมีห้องอาบน้ำ ลุงยาวอาบน้ำที่แม่น้ำเจ้าพระยา เวลานี้ได้อาบน้ำ เข้าห้องน้ำทุกวัน บอกว่าความทุกข์น้อยลงกว่าเดิมเยอะ