เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องที่ควรเฝ้าระวังและดูแลไปตลอดชีวิต ซึ่งต้องคอยหมั่นสังเกตอาการต่างๆ และควรตรวจสุขภาพทุกปี การรู้เท่าทันอาการผิดปกติที่บ่งบอกโรคภายในผู้หญิงที่พบได้บ่อยจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลย เพื่อจะได้รู้ระวังและหมั่นเช็กสุขภาพภายในอยู่เสมอ พญ.แสงเดือน จินดาวิจักษณ์ สูตินรีเวช โรงพยาบาลกรุงเทพ อธิบายว่า ร่างกายของผู้หญิงจะมีความซับซ้อน โดยเฉพาะระบบภายในที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จนอาจทำให้เกิดความผิดปกติที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ ในบางครั้งมีอาการเตือน แต่บางครั้งไม่มีสัญญาณใดๆ แต่ก็มีสิ่งผิดปกติที่สามารถสังเกตได้ว่าอาจเกิดปัญหาบางอย่างภายในร่างกาย เช่น
- อาการเลือดออกผิดปกติ (Abnormal Uterine Bleeding, Vagina Bleeding) ได้แก่ เลือดออกหลังวัยหมดประจำเดือน ซึ่งกลุ่มโรคที่ต้องแยกแยะ เช่น การหนาตัวผิดปกติของเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ฯลฯ ซึ่งแพทย์จะต้องตรวจเพิ่มด้วยการทำอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด และเก็บชิ้นเนื้อโพรงมดลูกเพื่อส่งตรวจ นอกจากนี้อาการเลือดออกผิดปกติอื่นๆ เช่น เลือดออกที่ไม่ใช่รอบเดือน (ระยะระหว่างรอบ < 21 วัน หรือระยะระหว่างรอบมากกว่า 35 วัน หรือมานานเกิน 10 วัน, มาไม่หยุด), เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์, เลือดประจำเดือนมามากจนโลหิตจาง ก็ควรพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นอาการของมะเร็งมดลูกหรือการหนาตัวผิดปกติของเยื่อบุโพรงมดลูก หรือแม้แต่ในกลุ่มเนื้องอกมดลูกที่ไม่ใช่เนื้อร้าย เช่น เนื้องอกมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ติ่งเนื้อโพรงมดลูก เป็นต้น
- ก้อนในช่องท้องที่พบในผู้หญิง เช่น ก้อนที่รังไข่ ซึ่งอาการท้องอืด มีน้ำในท้อง, อาการท้องอืด อาจเป็นอาการของมะเร็งรังไข่หรือมะเร็งเยื่อบุช่องท้องหากตรวจพบได้เร็ว ซึ่งมักพบได้เร็วหากตรวจอัลตราซาวด์, CT Scan, MRI และ PET CT เป็นต้น และสามารถเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือเคมีบำบัด ช่วยเพิ่มโอกาสทางการรักษาให้มีโอกาสหายขาดได้ นอกจากนี้ก้อนในช่องท้องอื่นๆ ที่พบ เช่น เนื้องอกมดลูก ซึ่งการรักษาไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเสมอไป ข้อบ่งชี้หลักของกรณีที่จะผ่าตัดคือเนื้องอกโตเร็ว (Sign of Malignancy) เนื้องอกไปกดอวัยวะข้างเคียง เช่น กระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะบ่อย หรือเนื้องอกทำให้ประจำเดือนมามากจนโลหิตจาง
- มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งชนิดเดียวในโลกที่มีการตรวจคัดกรองที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากมะเร็งปากมดลูกมีธรรมชาติการเป็นมะเร็งที่ยาวนาน จากเซลล์ปกติจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะก่อนที่จะเป็นมะเร็ง ซึ่งใช้เวลาเกือบ 10 ปีก่อนจะกลายเป็นมะเร็ง โดยสาเหตุที่ทำให้เซลล์ปากมดลูกเปลี่ยนเป็นระยะก่อนเป็นมะเร็งนั้นเกิดจากไวรัส HPV เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการตรวจคัดกรองด้วยการตรวจ Pap Smear หรือ Pap Test หรือปัจจุบันมีการตรวจ HPV DNA Test ที่ตรวจหาเชื้อ HPV สายพันธุ์เสี่ยงสูงแบบเจาะลึกลงไปในระดับ DNA ช่วยให้พบความผิดปกติได้เร็วขึ้น ทำให้แพทย์สามารถรักษาได้ตั้งแต่ระยะก่อนเป็นมะเร็ง และช่วยป้องกันการเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ทันท่วงที และหากมีการตรวจพบเซลล์ผิดปกติที่ปากมดลูก อาจต้องมีการส่องกล้องขยายภาพปากมดลูกและตัดชิ้นเนื้อเพื่อการวินิจฉัย ช่วยค้นหาระยะก่อนเป็นมะเร็ง (Pre-cancerous lesion: CIN) โดยจะใช้เวลาตรวจไม่นาน เพื่อวางแผนการรักษาต่อไป เช่น การตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้า หรือการจี้เย็น เพื่อจัดการในระยะก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูก ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
FYI
- มะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันได้ด้วยการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการมีคู่นอนหลายคน ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV Vaccine) และผู้ที่เคยมีเพศสัมพันธ์ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างน้อยปีละครั้ง หรือหากไม่เคยมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุครบ 35 ปี ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างน้อยปีละครั้ง หากมีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด ท้องอืด อาหารไม่ค่อยย่อย น้ำหนักลด ควรมาพบแพทย์ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์สุขภาพสตรี ชั้น 2 โรงพยาบาลกรุงเทพ