ย่านใจกลางเมืองอย่างพญาไทเป็นหนึ่งในย่านธุรกิจซึ่งเต็มไปด้วยอาคารสำนักงานมากมาย แถมยังเป็นชุมทางการเดินทางในระบบรางซึ่งมีทั้งสถานี BTS และ Airport Rail Link จึงเป็นย่านที่ระหว่างวันมีผู้คนมากมายเข้ามาใช้ชีวิตทำธุระ ตลอดจนผ่านไปมา และถ้าคุณกำลังมองหามุมสงบสักแห่งหนึ่งในย่านนี้ เราขอแนะนำ ‘Floor Fuangfah’ ร้านอาหารใหม่ใสกิ๊ก ที่เพิ่งเปิดให้บริการได้เพียงไม่นาน

 

ห้องอาหารฟลอร์เฟื่องฟ้า

ตกแต่งสวยเก๋ในสไตล์ Art Nouveau

 

ร้านนี้ตั้งอยู่บริเวณชั้นล่างของโรงแรม Hotel Thomas Bangkok ซึ่งเดินจากสถานี BTS พญาไท เข้าซอยไปเพียงไม่กี่นาที ทั้งโรงแรมและร้านอาหารเพิ่งเปิดให้บริการได้เพียงไม่กี่เดือน เป็นการนำเอาตึกเก่าอายุกว่า 30 ปี มารีโนเวตใหม่ได้อย่างแจ่ม ในส่วนของตัวโรงแรมนั้นเป็น Boutique Hotel ซึ่งมีเพียง 74 ห้อง ทั้งโรงแรมและห้องอาหารตกแต่งสวยเก๋ในสไตล์ Art Nouveau มีการนำของเก่ามามิกซ์แอนด์แมตช์กันได้อย่างลงตัว ในส่วนของห้องอาหารฟลอร์เฟื่องฟ้านั้นได้มีการนำเอาดอกเฟื่องฟ้าอันเป็นดอกไม้มงคลที่อยู่คู่กับบ้านคนไทยมาเป็นคอนเซปต์หลักในการตกแต่ง สีชมพูเฟื่องฟ้าที่แต่งแต้มห้องอาหารช่วยเพิ่มความหวานและสดใสได้เป็นอย่างดี 

 

สวนเฟื่องฟ้า

มุมสงบนั่งชิลที่ซ่อนอยู่ในย่านพญาไท

 

ไม่เพียงแต่ห้องอาหารเท่านั้น แต่ยังมีพื้นที่เปิดโล่งบริเวณสวนเฟื่องฟ้าทางด้านนอก บรรยากาศน่านั่งชิล ไม่น่าเชื่อว่าใจกลางย่านพญาไทจะมีมุมสงบกว้างสบายน่านั่งแบบนี้ซ่อนตัวอยู่ ซึ่งเราว่าเหมาะมากสำหรับวันอากาศดีๆ เพราะสามารถสั่งทั้งเครื่องดื่มมานั่งจิบและอาหารมาละเลียดชิมได้ตลอดทั้งวัน หรือหากชาวออฟฟิศแถวนี้จะหาที่นัดเปลี่ยนบรรยากาศนั่งคุยงานกันเราก็ว่าเหมาะ

 

สลัดเมี่ยงคำ และ คอหมูย่างซอสจิ้มแจ่ว

 

ในส่วนของเมนูอาหารนั้น ฟลอร์เฟื่องฟ้าเน้นอาหารไทยฟิวชันที่มีการปรับวิธีการเสิร์ฟและนำเสนอให้ดูสมัยใหม่ มีการปรับใช้วัตถุดิบสากลตามสมัยนิยมเข้ามาในเมนูไทยที่เราคุ้นเคย เช่น จานแรก ‘สลัดเมี่ยงคำ’ (180 บาท) ที่ปรับอาหารโบราณของไทยอย่างเมี่ยงคำมาเสิร์ฟในรูปแบบสลัดกินง่าย นอกจากใบชะพลูแล้วยังมีผักสลัดอื่นๆ พร้อมเครื่องและน้ำยำเมี่ยงคำ และกุ้งย่าง เป็นจานเบาๆ ที่รสดีกินง่าย เช่นเดียวกับอาหารเรียกน้ำย่อยอีกจานนั่นคือ ‘ปลาฮามาจิน้ำยำซีฟู้ด’ (220 บาท)  ซึ่งนำเนื้อปลาฮามาจิสดๆ แบบซาซิมิญี่ปุ่น มารับประทานคู่กับน้ำยำซีฟู้ดรสแซ่บของบ้านเรา ซึ่งจานนี้ต้องบอกว่าจัดแต่งออกมาได้สวยงามมาก 

 

ปลาฮามาจิน้ำยำซีฟู้ด

 

ห่อหมกปลากราย

 

ต้มข่าหอยเชลล์ญี่ปุ่น

 

ตามมาด้วย ‘คอหมูย่างซอสจิ้มแจ่ว’ (220 บาท) คอหมูย่างเนื้อนุ่มกับน้ำจิ้มแจ่วรสแซ่บ เราว่าจานนี้ดีตรงที่เสิร์ฟมาให้กินคู่กับข้าวจี่ และ ‘ห่อหมกปลากราย’ (220 บาท) ซึ่งไม่ได้เสิร์ฟมาในใบตองอย่างที่หลายคนคุ้นเคย ทว่านำไปนึ่งในพิมพ์ทรงยาวแล้วจัดจานเสิร์ฟ นอกจากเนื้อปลากรายในห่อหมกแล้วยังท็อปด้านบนด้วยเนื้อปูและอิคุระ กินเคียงข้าวไรซ์เบอร์รีเพิ่มสัมผัสกรอบ จานต่อไปคือ ‘ต้มข่าหอยเชลล์ญี่ปุ่น’ (220 บาท) ซึ่งเป็นจานที่เราชอบที่สุดสำหรับมื้อนี้ เพราะนอกจากจะจัดแต่งอย่างสวยงามแล้ว เนื้อหอยเชลล์ย่างตัวโตยังไปกันได้ดีกับน้ำซุปต้มข่าที่ออกจะครีมมี่กว่าต้มข่าต้นตำรับไทยเล็กน้อย ลอยแต่งเพิ่มกลิ่นหอมด้วยน้ำมันพริกเผา ให้รสชาติแปลกใหม่เข้ากันได้อย่างดี 

 

เซ็ตอาหารกลางวัน ‘Soft Opening Promotion’

เลือกอาหารได้ 1 จาน เครื่องดื่ม 1 แก้ว

 

ข้าวหมูสามชั้นทอดน้ำปลาพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว

พาสต้าเส้นชมพูกุ้งสดผัดพริกเหลือง

ยำปลาแซลมอนนัวเสิร์ฟพร้อมสลัดผักออร์แกนิก

 

น้ำเนื้อมะม่วง & เบอร์รี

น้ำพีช & ขิง

 

นอกจากเมนูอาหารไทยฟิวชันที่มีให้เลือกอย่างหลากหลายแล้ว ช่วงนี้ห้องอาหารฟลอร์เฟื่องฟ้ายังจัดเซ็ตโปรโมชันอาหารกลางวันสุดคุ้ม ‘Soft Opening Promotion’ (280 บาท) ให้คุณเลือกจับคู่อาหารและเครื่องดื่มม็อกเทลได้ตามชอบใจ โดยเลือกอาหาร 1 จานหลัก จาก ‘พาสต้าเส้นชมพูกุ้งสดผัดพริกเหลือง’ ‘ข้าวหมูสามชั้นทอดน้ำปลาพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว’ หรือจะเป็น ‘ยำปลาแซลมอนนัวเสิร์ฟพร้อมสลัดผักออร์แกนิก’ แอบบอกว่าในบรรดาทั้ง 3 จานนี้ โดยส่วนตัวเราชอบพาสต้าเส้นชมพูกุ้งสดผัดพริกเหลืองที่สุด เพราะนอกจากจะรสชาติกินง่ายแล้วยังแชะรูปได้สวยมาก ส่วนเครื่องดื่มก็เลือกได้ 1 แก้ว ระหว่าง ‘น้ำเนื้อมะม่วง & เบอร์รี’ ‘น้ำสตรอว์เบอร์รี’ หรือจะเป็น ‘น้ำพีช & ขิง’

 

สำหรับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในย่านพญาไท หรือใครที่ผ่านไปแถวนั้น เราว่านี่คืออีกหนึ่งมุมสงบและร้านบรรยากาศดีที่คุณสามารถใช้เวลาว่างนั่งยาวได้ชิลๆ