เข้าสู่ปีที่ 3 แล้วสำหรับ After Yum (อาฟเตอร์ยำ) ร้านยำชื่อดังจากพัทยาที่เป็นผู้จุดติดกระแส ‘ยำ’ ในบ้านเรา มาวันนี้กำลังพัฒนาธุรกิจยกใหญ่ โดยเฉพาะในปี 2564 ที่วางแผนไว้หลากหลายด้าน ทั้งการขยายสาขา การรุกต่างประเทศ เปิดสินค้าใหม่ ตลอดจนปั้นแฟรนไชส์
แต๋ง-กฤษฏิ์กุล ชุมแก้ว ผู้ก่อตั้งร้านให้สัมภาษณ์ THE STANDARD WEALTH ว่า ได้ใช้เวลา 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ในการยกเครื่องธุรกิจภายใน ทั้งการสร้าง DNA ของแบรนด์ให้แข็งแรง การพัฒนาสินค้าใหม่ ซึ่งมีทีม Food Science เป็นของตัวเอง รวมไปถึงเรื่องหลังบ้าน เช่น ระบบบัญชี เป็นต้น โดยมีการตั้งบริษัทแยกออกเป็น 7 บริษัทเพื่อดูแลในแต่ละธุรกิจ
“ช่วงโควิด-19 เรากระทบอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก เฉลี่ยแล้วยอดขายเราหายไปประมาณ 25-30% แต่ช่วงที่ร้านกระทบเยอะๆ คือช่วงที่เกิดการระบาดระลอกใหม่ในช่วงเดือนมกราคม เพราะมีการปิดชลบุรีซึ่งเป็นพื้นที่สีแดง ทำให้ยอดขายเราหายไปประมาณ 70-80% ด้วยกัน”
ปัจจุบัน After Yum มี 2 สาขา อยู่ที่พัทยาซึ่งเป็นสาขาแรก และระยองซึ่งเป็นการร่วมทุนกัน โดยสาขานี้ถือเป็นสาขาทดลองในการเรียนรู้และปิดจุดอ่อนของร้าน ทั้งในแง่ความคาดหวังของลูกค้า สูตร ราคา ตลอดจนพฤติกรรมของลูกค้า โดยร้านนี้สามารถคืนทุนตั้งแต่ 1 เดือนครึ่งที่เปิดตัวแล้ว
สำหรับในปี 2564 นี้ After Yum เตรียมขยายมาเปิดสาขาแรกในกรุงเทพฯ โดยได้ทำเลแล้วอยู่บริเวณเดอะคริสตัลพาร์ค เลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา ตัวร้านอยู่ระหว่างตกแต่ง คาดว่าจะเปิดในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะเปิดวันไหนยังไม่แน่นอน เพราะที่สุดแล้ว กฤษฏิ์กุลระบุว่า “เราต้องประเมินสถานการณ์ให้ถี่ถ้วนก่อนเปิดร้าน”
สาขาที่เดอะคริสตัลพาร์คจะไม่ใช่สาขาเดียวในกรุงเทพฯ เพราะ After Yum วางแผนที่จะปักหมุด 4 มุมเมืองในกรุงเทพฯ โดยจะเน้นทำเลที่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ ส่วนจะเปิดเมื่อไรนั้นต้องประเมินจากการตอบรับของสาขาแรกก่อน
นอกจากนี้ในพัทยาเอง กฤษฏิ์กุลวางแผนที่จะเปิดร้านขนาดใหญ่สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวทั้งคนจีน ฮ่องกง ไต้หวัน และเวียดนาม ซึ่งก่อนหน้านี้นิยมเดินทางไปทานที่ร้านเอง โดยสาขานี้นอกเหนือจากเมนูยำแล้ว จะมีเมนูอื่นๆ เพิ่มเข้ามา ตลอดจนมีการแสดงเพื่อตอบโจทย์กลุ่มนักท่องเที่ยว สาขานี้ยังเป็นแผนงาน จะเปิดก็ต่อเมื่อสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศดีขึ้น
ขณะเดียวกันไม่ใช่แค่ในประเทศเท่านั้น After Yum ได้เตรียมขยายไปเปิดที่ ‘สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว’ โดยได้คู่ค้าเรียบร้อยแล้ว ส่วนโมเดลนั้นยังไม่แน่นอนว่า จะเป็นการร่วมลงทุนหรือเป็นแฟรนไชส์ดี ตัวร้านได้ทำเลแล้ว ส่วนกำหนดเปิดตัวนั้นคาดว่าจะเป็นช่วงหลังจากที่สาขาในกรุงเทพฯ เปิด
ในส่วนของการพัฒนาสินค้านั้น After Yum กำลังจะมีน้ำยำ น้ำปลาร้า และผงทอด โดยคาดว่าจะสามารถวางจำหน่ายในช่วงกลางปี เริ่มจากหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ก่อน สเตปต่อไปถึงจะขยายไปสู่โมเดิร์นเทรด
อีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่คือ การทำเป็นแฟรนไชส์ แต่กฤษฏิ์กุลระบุว่า แฟรนไชส์ที่ว่านี้จะไม่ได้เป็น After Yum เพราะตัว After Yum เองนั้นค่อนข้างต้องดูแลอย่างใกล้ชิด จึงอยากทำเองมากกว่า ดังนั้นแฟรนไชส์ที่กำลังจะเกิดขึ้นจึงอาจจะเป็น ‘ของทอด’ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูยอดนิยมของร้าน
“ที่ผ่านมามีรายใหญ่ๆ เข้ามาทาบทาม ทั้งซื้อกิจการหรือเข้ามาร่วมลงทุนเอง แต่ที่สุดแล้วเรายังอยากทำเองมากกว่า เราเป็นคนชอบเรียนรู้ ไม่ถนัดตัวไหนก็เติมตัวนั้น ขณะเดียวกันเราไม่ได้ปฏิเสธและปิดกั้นโอกาสของตัวเราเอง แต่เรารู้สึกว่าเคมีคือเรื่องสำคัญหากจะมีการทำงานร่วมกันสองฝ่าย ซึ่งจะมีใครเข้าใจ DNA ได้ดีเท่ากับตัวเราเอง”
กฤษฏิ์กุลย้ำว่า สิ่งสำคัญของ After Yum อยากให้ธุรกิจมีอายุยาวนาน ไม่อยากมองให้เป็นกระแส ดังนั้นการจะทำให้ธุรกิจไปต่อได้จึงต้องทำให้ตัวเองนั้นเป็นเทรนด์เซ็ตเตอร์
“เราต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ทำทุกอย่างอยู่บนความจริง และมองในสถานการณ์ที่แย่ที่สุดไว้ก่อน เพื่อที่ว่าจะได้เตรียมตัวรับมือหากเกิดอะไรขึ้นกับธุรกิจ”
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
