จำเป็นไหมว่ามื้อพิเศษจะต้องเกิดขึ้นในร้านอาหารเท่านั้น และในช่วงสถานการณ์ที่ต้อง Stay Home แบบนี้ เรามีไอเดียที่จะทำให้คุณสามารถมีมื้อพิเศษได้ทุกที่ ทุกเวลา ถ้าคุณจับคู่วัตถุดิบดีๆ จากซูเปอร์มาร์เก็ตกับไวน์สักขวดได้อย่างลงตัว และไวน์ของ Jacob’s Creek จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง
‘Taste of Australia’ เป็นงานที่ทาง Gourmet Market จัดขึ้นทุกปี เป็นการรวมแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มจากประเทศออสเตรเลียที่น่าสนใจให้ทุกคนได้มาเลือกชม ชิม และซื้อกัน เมื่อมีอาหารดีๆ แล้วจะขาดเครื่องดื่มเลิศรสไปได้อย่างไร Jacob’s Creek เองก็เป็นแบรนด์ไวน์ที่มาจากประเทศออสเตรเลียที่จัดกิจกรรมพิเศษร่วมกันกับเคาน์เตอร์ ‘You Hunt We Cook’ ใน Gourmet Market โดยการนำ Guest Chef อย่าง ‘เชฟเฟี๊ยต’ ผู้เข้าแข่งขันจาก Iron Chef Thailand และ Top Chef Thailand มาทำอาหารให้กับลูกค้า โดยเชฟจะพาลูกค้าไปเลือกซื้อวัตถุดิบเพื่อทำเมนูพิเศษให้ และทีมงาน Jacob’s Creek จะคอยแนะนำการจับคู่ไวน์กับเมนูพิเศษจานนี้ให้พิเศษยิ่งขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มดื่มไวน์เป็นครั้งแรกหรือมีประสบการณ์ดื่มไวน์ที่โชกโชนแล้วก็สามารถคุยกับทีมงาน Jacob’s Creek ได้เต็มที่
แต่ก่อนที่เราจะเริ่มมื้ออาหาร สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ‘สปาร์กลิงไวน์’ หรือไวน์รสสัมผัสซ่าๆ ช่วยเรียกน้ำย่อยและเติมความสดชื่นหลังจากเดินเลือกซื้อวัตถุดิบได้ดี นอกจากดื่มเรียกน้ำย่อยแล้ว สปาร์กลิงไวน์ยังเหมาะกับการดื่มคู่กับขนมหวานอย่างแครกเกอร์หรือเค้ก หรือจะดื่มหลังจากจบมื้ออาหารก็ได้เช่นกัน สปาร์กลิงไวน์ที่ทีมงาน Jacob’s Creek เลือกให้ในวันนี้คือ Jacob’s Creek Reserve Sparkling Chardonnay Pinot Noir Vintage 2017 (799 บาท) สปาร์กลิงไวน์ตัวใหม่ล่าสุดจาก Jacob’s Creek ที่นำเอาองุ่นสองสายพันธุ์จากแหล่งการผลิตเดียวอย่างองุ่นชาร์ดอนเนย์และปิโนต์ นัวร์ จากพื้นที่การปลูกทางตอนใต้ของออสเตรเลียอย่าง Adelaide Hills ที่มีชื่อเสียงในการปลูกองุ่นสองสายพันธุ์นี้ อีกทั้งยังเก็บองุ่นในช่วงเวลากลางคืน เพื่อเก็บรักษาความเป็นกรดและคงความสดชื่นขององุ่นไว้ สร้างรสสัมผัสที่อ่อนโยนนุ่มนวลให้ยังคงอยู่ ส่วนปี 2017 นั้นเป็นปีที่อากาศเย็นอย่างเหมาะสม ประกอบกับเป็นปีที่มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยมากกว่าปีอื่นๆ ทำให้ชะลอช่วงเวลาในการเติบโตขององุ่นได้ดี นอกจากนี้ยังใช้วิธีการหมักแบบแชมเปญ มีรสชาติดราย ใกล้เคียงกับแชมเปญมาก ดื่มง่าย ไม่หวาน เหมาะสำหรับใครที่ยังไม่เคยลองหรือชอบลองอะไรใหม่ๆ
ไวน์นั้นสามารถเพิ่มมิติให้กับอาหารได้ดี เพราะไวน์ช่วยเปิดต่อมรับรสให้สามารถรับรสได้ดียิ่งขึ้น และถ้าจับคู่กับอาหารอย่างถูกต้อง ทั้งอาหารและไวน์จะช่วยดึงรสชาติของกันและกัน เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าเนื้อสีแดงมักจับคู่กับไวน์แดง และอาหารทะเลมักจับคู่กับไวน์ขาว (แต่ในบางกรณีก็ไม่เสมอไป) เราจึงเลือกวัตถุดิบมาทั้งเนื้อสัตว์และอาหารทะเลเพื่อที่จะได้เรียนรู้การจับคู่ไวน์ให้เข้ากับอาหารจานพิเศษอย่างครบถ้วน และในวันนี้ Jacob’s Creek ก็มีไวน์ในซีรีส์ ‘Double Barrel’ มาจับคู่กับอาหารจานพิเศษทั้งสองจาน Jacob’s Creek นั้นเป็นแบรนด์ไวน์เจ้าแรกและเจ้าเดียวในตลาดที่สร้างสรรค์นวัตกรรมกระบวนการผลิตใหม่จนเกิดเป็นไวน์ Double Barrel โดยน้ำองุ่นจะถูกนำไปบ่มในถังไวน์แบบดั้งเดิมที่ผลิตจากไม้โอ๊กฝรั่งเศสหรืออเมริกันโอ๊ก ผ่านการเผาอย่างช้าๆ ด้วยความร้อนต่ำ แล้วนำไปบ่มต่อในถังวิสกี้ ซึ่งการนำไวน์ไปบ่มต่อในถังวิสกี้ที่ผลิตจากอเมริกันโอ๊กเนื้อหยาบ ผ่านการเผาอย่างรวดเร็วด้วยความร้อนสูง เป็นขั้นตอนที่เพิ่มความน่าสนใจให้กับไวน์ ทำให้รสชาติมีมิติและนุ่มขึ้น
มาเริ่มกันที่การจับคู่ไวน์ขาวกับอาหารทะเลกันก่อน เชฟเฟี๊ยตเลือกเป็นแซลมอนเทราต์จากทะเลออสเตรเลียอย่าง ‘Tasmanian Trout’ ที่มีความหอมกว่าแซลมอนทั่วไป มีความนุ่ม หวาน และมีมันแทรกเยอะ นำมาทำให้สุกและราดด้วยซีฟู้ดครีมซอสที่เป็นการผสมผสานระหว่างครีมซอสของตะวันตกและน้ำจิ้มซีฟู้ดของไทย รวมถึงตีไวน์ขาว ‘Jacob’s Creek Classic Chardonnay’ เข้าไปด้วยเพื่อเพิ่มความหอมและรสสัมผัส ตัวซอสจะมีความหอมมัน ความเผ็ดร้อนจากพริกขี้หนู และความเปรี้ยวของมะนาว เมื่อเจอกับความหวานของแซลมอนก็ครบรสพอดี เสิร์ฟพร้อมกับสลัดผักและขนมปังกระเทียม เมื่อจับคู่กับไวน์ขาว Jacob’s Creek Double Barrel Chardonnay (949 บาท) ที่น้ำองุ่นนั้นต้องแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกนำไปหมักในถังวิสกี้และบ่มต่อในถังไวน์ ส่วนที่สองนั้นหมักในถังไวน์และบ่มในถังวิสกี้ ทั้งสองส่วนนี้มีรสชาติที่ต่างกัน และถูกนำมาผสมผสานกันจนเกิดเป็นรสชาติใหม่ รสฝาดและความซ่าที่ปลายลิ้นจะช่วยตัดรสชาติเลี่ยนของแซลมอน และทำให้ได้รับรสชาติที่แท้จริงของแซลมอน ถ้าไม่จับคู่กับไวน์จะไม่ได้สัมผัสมิตินี้เลย
ต่อด้วยการจับคู่ไวน์แดงกับเนื้อสัตว์สีแดง เชฟเฟี๊ยตเลือกเป็นเนื้อไทยวากิวโคราช ย่างที่ระดับมีเดียมแรร์ ราดด้วยซอสไวน์แดงใบยี่หร่า ซอสไวน์แดงนี้มีส่วนผสมของ ‘Jacob’s Creek Shiraz Cabanet’ ไวน์คลาสสิกของ Jacob’s Creek เอามาผสมกับความเผ็ดร้อนของไทยด้วยใบยี่หร่า พริกขี้หนูสวน กระเทียม มะกอก รสชาติจะเปรี้ยวละมุนจากไวน์แดง เผ็ดร้อนด้วยใบยี่หร่า หวานด้วยตัวเนื้อ เข้ากันได้ดีกับ Jacob’s Creek Double Barrel Shiraz (949 บาท) ที่มีรสชาติเข้มข้นของลูกพลัม ฟรุตเค้ก และกลิ่นช็อกโกแลตขององุ่นชีราซ แฝงด้วยกลิ่นขนมปังของวานิลลา แต่มีความซับซ้อนและความนุ่มนวลเพิ่มขึ้นจากการใช้ถังไม้โอ๊กสกอตวิสกี้ ความหนาของไวน์แก้วนี้สามารถเข้ากับเนื้อวัวและอาหารรสจัดได้เป็นอย่างดี
สุดสัปดาห์นี้ลองเลือกวัตถุดิบที่คุณชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อวัว หรือเนื้อปลา นำปรุงอาหารง่ายๆ และจับคู่กับไวน์ Jacob’s Creek Double Barrel สักขวด เท่านี้ก็ได้มื้อสุดพิเศษในแบบฉบับของคุณแล้ว
สำหรับ Jacob’s Creek สามารถหาซื้อได้ที่ Gourmet Market ทุกสาขาและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์