Yum Brands เจ้าของเครือร้านอาหารระดับโลกอย่าง KFC, Taco Bell และ Pizza Hut กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการขายกิจการ Pizza Hut หลังแบรนด์พิซซ่าชื่อดังเผชิญการแข่งขันที่ดุเดือดท่ามกลางความท้าทายด้านพฤติกรรมผู้บริโภคที่ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น
สอดรับกับ Pizza Hut รายงานยอดขายสาขาเดิมในสหรัฐฯ ลดลงติดต่อกันหลายไตรมาส โดยตลาดดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนถึง 42% ของยอดขายทั่วโลก ทำให้ภาพรวมธุรกิจถูกฉุดรั้ง แม้ยอดขายในตลาดต่างประเทศจะยังขยายตัวก็ตาม
ส่วนไตรมาสล่าสุด ยอดขายสาขาเดิมของ Pizza Hut ทั่วโลกลดลง 1% สวนทางกับแบรนด์อื่นในเครืออย่าง Taco Bell และ KFC ที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดย Taco Bell มียอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้น 7% และ KFC เติบโต 3% แม้ยังเผชิญแรงกดดันในตลาดสหรัฐฯ
แม้ Pizza Hut จะสร้างรายได้ราว 11% ของกำไรจากการดำเนินงานทั้งหมดของบริษัท และมีเครือข่ายกว่า 20,000 สาขาทั่วโลก และสาขาส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งตลาดพิซซ่าแข่งขันกันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะจากคู่แข่งอย่าง Domino’s Pizza ที่เพิ่งรายงานยอดขายรายไตรมาสเพิ่มขึ้น 6% จากการทำโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายอย่างหนัก ซึ่งทำให้ Pizza Hut สูญเสียส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง
คริส เทอร์เนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Yum Brands กล่าวว่า ผลประกอบการของ Pizza Hut สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการดำเนินการหาทางออก เพื่อให้แบรนด์สามารถสร้างมูลค่าได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งมองว่าแบรนด์อาจทำได้ดีกว่านี้ หากอยู่นอกกลุ่ม Yum Brands พร้อมย้ำว่าบริษัทอยู่ระหว่างการทบทวนทางเลือกเชิงกลยุทธ์ในธุรกิจพิซซ่า คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนเร็วๆ นี้
เมื่อมาดูผลประกอบการในไตรมาส 3 ปีนี้ Yum Brands มีกำไรสุทธิ 397 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 382 ล้านดอลลาร์ โดยมีรายได้รวมเติบโต 8% สู่ระดับ 1.98 พันล้านดอลลาร์ ส่วนช่องทางออนไลน์เติบโตทะลุ 10,000 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก คิดเป็นกว่า 60% ของยอดขายทั้งหมด
โดยได้แรงหนุนหลักจากแบรนด์เรือธงอย่าง Taco Bell ที่ยังคงเป็นดาวเด่น โดยมียอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้น 7% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 5.2% แม้ภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ Taco Bell ยังคงดึงดูดลูกค้าได้ด้วยเมนูใหม่และแคมเปญการตลาดที่เน้นความคุ้มค่าในราคาจับต้องได้
โดยปัจจุบันบริษัทให้สิทธิ์แฟรนไชส์กว่า 98% ของสาขาทั่วโลก และเมื่อไม่นานมานี้เข้าซื้อกิจการร้าน Taco Bell เพิ่มอีก 128 สาขาในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ เพื่อเสริมการเติบโตในตลาดหลัก
รวมถึงแบรนด์เรือธงอย่าง KFC มียอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของแบรนด์ มียอดขายเพิ่มขึ้น 6% ขณะที่ในสหรัฐฯ ยอดขายสาขาเดิมกลับมาขยายตัว 2% หลังเคยสูญเสียส่วนแบ่งให้กับผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง Raising Cane’s ไปก่อนหน้า
ความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากฝีมือผู้บริหาร แคทเธอรีน แทน-กิลเลสพี ที่เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอ KFC สหรัฐฯ คนใหม่ ที่ปรับกลยุทธ์การตลาดให้ทันสมัยขึ้น และเปิดตัวเมนูปีกไก่รสเผ็ด ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่า Pizza Hut ยังคงเป็นจุดอ่อนของกลุ่ม
Ranjith Roy ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ระบุว่า แม้จะอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมปรับโครงสร้างหรือการทำธุรกรรมบางอย่าง แต่บริษัทก็ยังเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพให้ Pizza Hut อย่างต่อเนื่อง และไม่เพียงตลาดสหรัฐฯ เท่านั้นที่ลำบาก สถานการณ์ในต่างประเทศก็ไม่ต่างกัน โดยใน สหราชอาณาจักร ผู้ดำเนินการแฟรนไชส์รายใหญ่ DC London Pie Limited เพิ่งยื่นล้มละลายไปในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้องปิดร้านไปอย่างน้อย 68 สาขา
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การขาย Pizza Hut จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวและเปิดทางให้บริษัทหันไปเน้นลงทุนในแบรนด์ที่มีศักยภาพเติบโตสูงกว่าอย่าง Taco Bell และ KFC ซึ่งยังคงเป็นเครื่องยนต์หลักของบริษัท
ภาพ: Dutch_Photos / Shutterstock
อ้างอิง:


