พักเรื่องเครียดๆ แล้วมาทำความเข้าใจเรื่องมัทฉะ (Matcha) กับร่างกายแบบสบายๆ กันดีกว่า หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาว่าการดื่มมัทฉะเยอะๆ อาจทำให้เป็นโลหิตจางได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลอยู่ไม่น้อย แต่จริงๆ แล้วเราสามารถดื่มมัทฉะแก้วโปรดได้อย่างปลอดภัยแน่นอน แค่เข้าใจหลักการง่ายๆ เท่านั้นเอง
ก่อนจะไปเจาะลึกถึงวิธีการดื่มอย่างถูกวิธี ลองมาดูข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์กันสักนิดไหม? มัทฉะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า คาเทชิน (Catechins) ในปริมาณที่สูงมาก โดยเฉพาะ EGCG (Epigallocatechin Gallate) ซึ่งงานวิจัยชี้ว่ามีปริมาณสูงกว่าชาเขียวทั่วไปถึง 137 เท่าเลยทีเดียว! สารประกอบเหล่านี้คือพระเอกของเรื่องที่ทำให้มัทฉะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเข้าไปรบกวนการดูดซึมธาตุเหล็กได้เช่นกัน การทำความเข้าใจกลไกนี้จะช่วยให้เราสามารถจัดการกับมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และดื่มมัทฉะได้อย่างสบายใจไร้กังวล
ทำไมมัทฉะอาจมีผลต่อธาตุเหล็ก?
มัทฉะไม่ได้มีดีแค่รสชาติอร่อยและสีเขียวสวยๆ แต่ยังเต็มไปด้วยสารดีๆ อย่าง โพลีฟีนอล (Polyphenols) และแทนนิน (Tannins) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก แต่สารเหล่านี้ก็มีคุณสมบัติพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ สามารถเข้าไปจับกับธาตุเหล็กชนิด Non-Heme (Non-Heme Iron) ที่เราได้รับจากพืชผัก เช่น ถั่ว เต้าหู้ หรือผักใบเขียว ทำให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กไปใช้ได้ยากขึ้นเล็กน้อย ผลกระทบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับธาตุเหล็กชนิด Heme (Heme Iron) ที่มาจากเนื้อสัตว์เลย ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนที่กินอาหารหลากหลายอยู่แล้วก็ไม่ต้องกังวลมากนัก ข้อมูลจาก Verywell Health ระบุว่า สารจากมัทฉะอาจลดการดูดซึมเหล็ก Non-Heme ได้ 60-90% เมื่อดื่มพร้อมมื้ออาหาร หากดื่มมัทฉะบ่อยและติดกับมื้ออาหารที่มีเหล็กจากพืชเป็นหลัก อาจทำให้ร่างกายได้รับเหล็กไม่เพียงพอ จนเสี่ยงเกิดภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ซึ่งส่งผลให้เหนื่อยง่าย หน้าซีด เวียนหัว ผมร่วง และเล็บเปราะได้ในระยะยาว อีกทั้งยังอาจกระทบต่อภูมิคุ้มกัน ทำให้ติดเชื้อง่ายขึ้น
ใครที่ควรใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ?
แม้ว่ามัทฉะจะไม่ใช่สาเหตุหลักของภาวะโลหิตจาง แต่บางคนก็ควรจะใส่ใจเรื่องนี้มากกว่าคนทั่วไปหน่อย เช่น
- ชาววีแกน/มังสวิรัติ (Vegan/Vegetarian) เพราะอาหารส่วนใหญ่จะมาจากพืช ซึ่งเป็นแหล่งของธาตุเหล็กชนิด Non-Heme
- คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร (Pregnant and Lactating Women) เพราะช่วงนี้ร่างกายต้องการธาตุเหล็กสูงมากเป็นพิเศษ
- ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางอยู่แล้ว (Pre-existing Anemia) เพราะการดื่มมัทฉะที่ไม่ถูกวิธีอาจทำให้อาการแย่ลงได้
ดื่มมัทฉะยังไงให้ฟินแบบไร้กังวล
ไม่ต้องถึงกับเลิกดื่มมัทฉะไปเลยก็ได้ แค่ปรับเปลี่ยนวิธีการดื่มนิดหน่อย ก็ช่วยให้คุณแฮปปี้ได้เต็มที่แล้ว ทำตามวิธีง่ายๆ ต่อไปนี้ได้เลย
- จับเวลาให้ถูก นี่คือเคล็ดลับที่สำคัญที่สุด พยายามเว้นช่วงการดื่มมัทฉะให้ห่างจากมื้ออาหารที่มีธาตุเหล็กสูงสัก 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายมีเวลาดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นก่อน
- เพิ่มวิตามินซี ลองเพิ่มตัวช่วยอย่างวิตามินซี (Vitamin C) เข้าไปในมื้ออาหารที่เน้นพืชผักดูสิ เพราะวิตามินซีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุเหล็กได้อย่างดีเยี่ยม
- ดื่มแต่พอดี อะไรที่มากไปก็ไม่ดีเนอะ วันละ 1-2 แก้วกำลังดี นอกจากจะช่วยเรื่องธาตุเหล็กแล้ว ยังช่วยควบคุมปริมาณคาเฟอีน (Caffeine) ไม่ให้มากเกินไปจนนอนไม่หลับด้วย
- เลือกของดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เลือกผงมัทฉะที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ก็จะช่วยให้สบายใจเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น