โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกายืนยันว่า เขาเตรียมจะเดินทางเยือนจีน หลังการพูดคุยโทรศัพท์สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน “ราบรื่นมาก” เมื่อวานนี้ (5 มิถุนายน) โดยทรัมป์กล่าวว่า เขาตอบแทนด้วยการเชิญสีจิ้นผิงเดินทางเยือนทำเนียบขาวเช่นเดียวกัน ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำทั้งสองพูดคุยกัน นับตั้งแต่ทรัมป์เริ่มทำสงครามการค้ากับจีน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ทรัมป์เขียนบนโซเชียลมีเดียว่า การสนทนาเป็นเวลา 90 นาที เน้นเรื่องการค้าเป็นหลัก และ “ส่งผลลัพธ์ที่เป็นบวกต่อทั้งสองประเทศ” เขากล่าวว่า “เขาเชิญผมไปจีน และผมก็เชิญเขามาที่นี่” ระหว่างพบกับ ฟรีดริช แมร์ซ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว “เราทั้งคู่ตอบรับ ดังนั้นผมจะไปพร้อมสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งในเวลาที่เหมาะสม และเขาก็น่าจะมาที่นี่ พร้อมสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของจีน”
รายงานของจีนกล่าวถึงคำเชิญจากจีนเท่านั้น ไม่ได้พูดถึงคำเชิญไปทำเนียบขาว ข้อมูลจากสำนักข่าวซินหัวระบุว่า สีได้กล่าวกับทรัมป์ว่า สหรัฐฯ ควร “ยกเลิกมาตรการเชิงลบที่ดำเนินต่อจีน” และเน้นว่าจีนรักษาคำมั่นสัญญาเสมอ และเมื่อมีฉันทามติแล้ว ทั้งสองฝ่ายควรปฏิบัติตาม ซึ่งหมายถึงข้อตกลงที่สองประเทศเพิ่งตกลงกันที่เจนีวา
ข้อตกลงชั่วคราวเมื่อเดือนพฤษภาคมได้ลดภาษีสหรัฐฯ ที่มีต่อสินค้าจีนเหลือ 30% ขณะที่จีนลดภาษีสินค้าสหรัฐฯ เหลือ 10% และให้คำมั่นว่าจะยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกแร่ธาตุสำคัญ ทั้งสองฝ่ายมีเวลา 90 วันในการเจรจาข้อตกลงการค้าเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม การเจรจาดูเหมือนจะหยุดชะงัก โดยสหรัฐฯ กล่าวหาจีนว่าไม่ดำเนินการส่งออกแร่ธาตุที่จำเป็นกลับมา ในขณะที่จีนก็กล่าวหาสหรัฐฯ ว่าละเมิดข้อตกลง โดยออกข้อจำกัดใหม่ต่อชิปคอมพิวเตอร์
สื่อจีนยังรายงานว่า สีเตือนสหรัฐฯ ว่าควรจัดการปัญหาไต้หวัน “อย่างระมัดระวัง” เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง ไม่กี่วันหลังพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่าจีนเป็น “ภัยคุกคามใกล้ตัว” ต่อไต้หวัน โดยจีนมองว่าไ ต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของตน และไม่ปฏิเสธการใช้กำลังเพื่อรวมชาติ ขณะที่สหรัฐฯ สนับสนุนไต้หวันด้านการทหาร แต่ไม่รับรองเอกราชอย่างเป็นทางการ เนื่องจากนโยบาย ‘จีนเดียว’
การโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับสีเป็นสิ่งที่รอคอยมานาน หลังทั้งสองไม่ได้ติดต่อกันหลายเดือน ทำเนียบขาวเคยระบุตั้งแต่สัปดาห์แรกของการดำรงตำแหน่งว่า การสนทนาอาจเกิดขึ้น และเมื่อต้นสัปดาห์ ทรัมป์ก็แสดงความไม่พอใจผ่านโซเชียลมีเดีย โดยเขียนว่า “ผมชอบประธานาธิบดีสีของจีนมาโดยตลอด และจะยังคงชอบต่อไป แต่เขาเป็นคนที่ ‘เข้มงวดมาก และต่อรองด้วยยากมากจริงๆ”
ทรัมป์แสดงจุดยืนชัดเจนว่า เขาต้องการมีบทบาทโดยตรงในการเจรจา แต่แนวทางของจีนต่างออกไป โดยจีนมักแต่งตั้งทีมเจรจาที่เชื่อถือได้ และการพูดคุยระหว่างผู้นำมักวางแผนล่วงหน้าอย่างละเอียด เพราะจีนเองก็ไม่ต้องการถูกมองว่า อ่อนข้อให้กับความต้องการของสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน
ภาพ: Thomas Peter-Pool / Getty Images
อ้างอิง: