อย. สหรัฐฯ เพิ่มคำเตือน เสี่ยงเกิดกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร กล้ามเนื้ออ่อนแรง หลังฉีดวัคซีน Johnson & Johnson ชี้ยังพบได้น้อยมาก

วันนี้ (13 กรกฎาคม) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) มีคำสั่งให้บริษัทผู้ผลิตวัคซีนโควิดที่ฉีดเพียงโดสเดียวอย่าง Johnson & Johnson เพิ่มคำเตือนในเอกสารกำกับยาถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดอาการไม่พึงประสงค์อย่างกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร (Guillain-Barré Syndrome: GBS) หลังเข้ารับการฉีดวัคซีน ชี้ยังพบและเกิดขึ้นได้น้อยมาก

โดยกลุ่มอาการ GBS เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉัยบพลันหรือกึ่งเฉียบพลัน เกิดขึ้นจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน สร้างความเสียหายให้กับระบบประสาท ส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ชา บางรายหากมีอาการรุนแรงจนอาจถึงขั้นอัมพาต

เบื้องต้น อย. สหรัฐฯ ระบุ มีรายงานพบผู้ป่วยกลุ่มอาการ GBS แล้ว 100 ราย หลังจากฉีดวัคซีน Johnson & Johnson ไปแล้ว 12.8 ล้านโดส ในจำนวนนี้ 95 รายต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ขณะที่มี 1 รายเสียชีวิต โดยผู้ป่วยจะมีอาการภายใน 42 วันหลังจากเข้ารับวัคซีนดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่มักพบในผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หลังจากเข้ารับวัคซีนไปแล้ว 2 สัปดาห์ โดยแต่ละปี สหรัฐฯ จะมีผู้ป่วยกลุ่มอาการ GBS ราว 3,000-6,000 ราย

โดยก่อนหน้านี้ทางผู้ผลิตและพัฒนาวัคซีน Johnson & Johnson เคยถูกตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันและภาวะเกล็ดเลือดต่ำได้หลังจากเข้ารับวัคซีน ก่อนที่ทางผู้ผลิตจะชี้แจงว่า โอกาสในการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าวยังอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก โดยมักเกิดขึ้นในผู้หญิงอายุ 18-49 ปี

นอกจากนี้ เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา อย. สหรัฐฯ มีคำสั่งในลักษณะเดียวกันนี้ ให้ Pfizer และ Moderna เพิ่มคำเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดอาการไม่พึงประสงค์อย่างกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis) หรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (Pericarditis) ที่ยังคงพบได้น้อยมาก โดย เจเน็ต วูดค็อก รักษาการเลขาธิการ FDA สหรัฐฯ ระบุว่า ความเสี่ยงดังกล่าวยังน้อยมาก เมื่อเทียบกับจำนวนวัคซีนโควิดที่ฉีดไป ประโยชน์ของการฉีดวัคซีนโควิดยังคงมีมากกว่าความเสี่ยง

บทความที่เกี่ยวข้อง: