×

เมื่อคาเฟ่มินิมัลพลิกโฉมเป็นไวน์บาร์ The Rose Natural Wine บาร์ที่ถูกปลุกเมื่อเข็มนาฬิกาชี้เลข 7

01.03.2019
  • LOADING...
The Rose Natural Wine

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • ไวน์ลิสต์ของที่นี่มีเฉพาะเนเชอรัลไวน์ (Natural Wine) เท่านั้น
  • เนเชอรัลไวน์ถ้าพูดง่ายๆ ก็เหมือนการย้อนกลับไปสู่กระบวนการผลิตที่สามัญและเป็นพื้นฐานที่สุด ทุกอย่างปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการธรรมชาติและระบบนิเวศที่เกื้อหนุนจุนเจือทุกองค์ประกอบในไร่ ให้สามารถผลิตองุ่นมาทำไวน์ที่มีคุณภาพเยี่ยมและมีคาแรกเตอร์เฉพาะตัว โดยไม่เติมหรือใส่สารเพิ่มเติมน้อยมากๆ เช่น สารซัลไฟต์ที่ว่ากันว่าก่อให้เกิดอาการปวดหัวยามเช้านั่นเอง

เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน และเข็มนาฬิกาชี้เลข 7 ร้านกาแฟเล็กๆ ในซอยถนนสุขุมวิท ก็แปลงโฉมกลายเป็นไวน์บาร์ราวกับเสกได้ และนี่คือ The Rose Natural Wine (เดอะ โรส เนเชอรัล ไวน์)

 

เคยรู้สึกอยากจิบไวน์แต่ไม่อยากนั่งกินที่บ้านหรือร้านอาหาร เพราะไม่ได้บรรยากาศกันบ้างไหม?

 

The Rose Natural Wine

The Rose Natural Wine

คาเฟ่เล็กๆ ในซอยสุขุมวิท 38 เปลี่ยนร่างเป็นไวน์บาร์ขนาดย่อม

 

นักดื่มหลายคนอาจต้องมาจบที่บาร์ในโรงแรมหรือค็อกเทลบาร์แทน ซึ่งร้านเหล่านี้เอาเข้าจริงก็อาจไม่ได้เด่นของเรื่องไวน์เท่าไร รูฟท็อปถึงแม้บรรยากาศดี แถมยังดูเหมาะกับการเปิดไวน์สักขวดสองขวด แต่ราคาก็เอาเรื่อง แล้วถ้าอยากหาไวน์บาร์จริงๆ จังๆ จะมีที่ไหนบ้าง?

 

ครั้งก่อนเราเคยพาคุณไปที่ Kang Kao ไวน์บาร์ในค็อกเทลบาร์ย่านเมืองเก่า ส่วนครั้งนี้พาเข้าเมืองไปฝั่งตรงข้ามทองหล่อ ซอยสุขุมวิท 38 บนทำเลคาเฟ่สุดมินิมัลของร้าน Hands & Heart ที่ขายกาแฟยามเช้าจรดบ่าย ร้านโปรดของใครหลายคน และนักท่องเที่ยวเอเชียจำนวนไม่น้อย

 

The Rose Natural Wine

มุมโรแมนติกสำหรับคู่เดต

 

The Vibe

มู้ดแอนด์โทนของ Hands & Heart ช่วงกลางวันดูสะอาด สว่างใส แสงแดดส่องทั่วถึง แต่ทันทีที่เริ่มโพล้เพล้ ด้วยผ้าคลุม การจัดไฟ และการเปลี่ยนของตกแต่งร้าน ก็ทำให้ไวน์บาร์จิ๋วแลดูเซ็กซี่ เย้ายวน ด้วยโทนสีแดง แสงไฟสลัว และเพลงเบาๆ จะมานั่งจิบเงียบๆ คนเดียว หรือพาก๊วนเล็กๆ มานั่งเมาท์มอยก็ดูไม่ต้องเคอะเขินหรือเกร็ง

 

The Rose Natural Wine

The Rose Natural Wine

ไฟโทนสีแดงแลดูเย้ายวน

 

The Concept

The Rose Natural Wine แท้จริงแล้วเกิดขึ้นโดยทีมงานของ Hands & Heart ที่คิดอยากใช้พื้นที่ร้านกาแฟช่วงกลางคืนให้เป็นประโยชน์ แทนที่จะปิดร้านเฉยๆ กอปรกับความชอบดื่มไวน์ และเห็นว่ากรุงเทพฯ กำลังเติบโตเรื่องเครื่องดื่มที่หลากหลายมากขึ้น แต่ปัจจุบันยังเน้นไปที่เบียร์กับค็อกเทลมากกว่า โดยคนยังมองว่า ถ้าดื่มไวน์ ต้องไปที่ร้านอาหาร ซึ่งไม่ตอบโจทย์คนรักไวน์เป็นหลักเท่าไร ทางร้านจึงคัดเฉพาะเนเชอรัลไวน์ (Natural Wine) หรือไวน์ที่เน้นการใส่สารเพิ่มเติมน้อยเท่านั้น และแทบจะเปิดขายทุกขวดในร้านแบบแก้วต่อแก้ว เพื่อให้คนรักไวน์ได้ลองไวน์หลายประเภทได้อย่างเต็มที่จริงๆ

 

ไวน์ลิสต์ที่ Rose แม้จะมีให้เลือกไม่มาก แต่ทุกตัวที่อยู่ในลิสต์ผ่านการชิมและคัดมาอย่างดี มีทั้งโลกใหม่และโลกเก่า และเป็นเนเชอรัลไวน์ทุกขวด ซึ่งแตกต่างจากไวน์ปกติที่มีการใส่ซัลไฟต์ เพื่อยืดอายุไวน์ให้อยู่ได้นานขึ้น หรือการแต่งกลิ่นและรส เพื่อให้ไวน์มีรสชาติคงที่แบบเดียวกันทุกปี ทั้งที่ในความเป็นจริง องุ่นจะไม่มีวันให้รสชาติคงที่เสมอต้นเสมอปลายทุกปี เพราะขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมและสภาพอากาศ และไวน์ปัจจุบันล้วนแต่ผลิตแบบเน้นปริมาณ และมีกระบวนการผลิตแบบอุตสาหกรรม ขั้นตอนหรือกระบวนการที่ต้องใช้ระยะเวลานานหรือความเชี่ยวชาญพิเศษ ก็มักจะมีการทดแทนด้วยอะไรบางอย่างเสมอ

 

The Rose Natural Wine

The Rose Natural Wine

กุ้งออร์แกนิกส่งตรงจากฟาร์มในจังหวัดสตูล

 

ส่วนเนเชอรัลไวน์ หากพูดง่ายๆ ก็เหมือนการย้อนกลับไปสู่กระบวนการผลิตที่สามัญและเป็นพื้นฐานที่สุด ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการธรรมชาติและระบบนิเวศที่เกื้อหนุนจุนเจือทุกองค์ประกอบในไร่ให้สามารถผลิตองุ่นมาทำไวน์ที่มีคุณภาพเยี่ยมและมีคาแรกเตอร์เฉพาะตัว แบบเติมสารเพิ่มเติมน้อยที่สุด หรือไม่เติมเลย เช่น สารซัลไฟต์ ตัวการที่หลายคนโทษหนักหนาว่าทำให้เกิดอาการปวดหัวยามเช้านั่นเอง

 

นอกจากนี้ เนเชอรัลไวน์ยังแบ่งประเภทเป็นไวน์ ออร์แกนิก (Organic Wine) และไวน์ไบโอไดนามิก (Biodynamic Wine) สำหรับออร์แกนิกไวน์ คอนเซปต์ไม่ต่างอะไรจากวัตถุดิบออร์แกนิกทั่วไป ที่เน้นการผลิตและขั้นตอนที่ปราศจากสิ่งแปลกปลอมและสารเคมี มีการควบคุมคุณภาพและกรรมวิธีดั้งเดิมในการผลิตไวน์ ส่วนไบโอไดนามิกไวน์ เป็นไวน์ที่เกิดขึ้นภายใต้ระบบนิเวศที่ทุกองค์ประกอบต่างเกื้อหนุนค้ำจุนกัน อาจเป็นฟาร์มแบบผสมผสานที่มีทั้งปศุสัตว์และเกษตรกรรม ตั้งอยู่บนทำเลที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุและแหล่งน้ำแร่บริสุทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้นอาจมีการคำนึงถึงรายละเอียดปลีกย่อยที่ส่งผลต่อคุณภาพและรสชาติของไวน์ เช่น การเก็บองุ่นเฉพาะวันข้างขึ้น เพราะแร่ธาตุในดินถูกน้ำดันขึ้นสูง ทำให้องุ่นได้รับแร่ธาตุเต็มเปี่ยม เป็นต้น

 

The Rose Natural Wine

 

The Dishes

ก่อนจะจิบ เราหาอะไรรองท้องกันเสียหน่อย ที่นี่มีของกินเล็กๆ น้อยๆ ให้กินแกล้มไวน์ แถมยังเน้นวัตถุดิบออร์แกนิกจากผู้ผลิตท้องถิ่นอีกด้วย เช่น เนื้อวัวจากสุรินทร์ กุ้งจากสตูล หรือแม้แต่ยีสต์ที่เลี้ยงเองมานานกว่า 15 ปี

 

แกล้มไวน์เบาๆ ด้วยของกินชิ้นเล็กพอดี (สอง) คำ กับ Small Bite (ชิ้นละ 75 บาท/ 3 ชิ้น 190 บาท) ขนมปังบาแกตต์เปิดหน้า มีให้เลือก 3 หน้าด้วยกัน Salmon Mulberry แซลมอนรมควันท่ีทางร้านทำขึ้นเอง ท็อปด้วยซาวครีม อัลมอนด์สไลซ์ แล้วเพิ่มรสชาติด้วยมัลเบอร์รีบัลซามิกผสมน้ำผึ้งรสเปรี้ยวอมหวาน Mushroom Lover เห็ดทอดกับเบคอน กระเทียม และใบไธม์ โรยหน้าด้วยพาร์เมซานชีสขูดฝอย Mussel Tomato หอยแมลงภู่ชิ้นโตราดซอสมะเขือเทศกับซาวครีม

 

The Rose Natural Wine

The Rose Natural Wine

(บน) เนื้อย่างจากสุรินทร์ ราดซอสชิมิชูรี, (ล่าง) Small Bite รองท้อง

 

ต่อด้วยเมนูที่แนะนำให้กินคู่กับไวน์แดง Slices of Thai Surin Beef (250 บาท) เนื้อย่างจากสุรินทร์ราดซอสชิมิชูรี (Chimichurri) สไตล์อาร์เจนตินา หั่นบางกำลังดี กินเพลินๆ ไม่เลี่ยนและไม่หนักเกินไป Garlic Shrimp (180 บาท) กุ้งออร์แกนิกส่งตรงจากฟาร์มในจังหวัดสตูล นำไปผัดพริกและกระเทียม จะกินแกล้มไวน์แดงหรือไวน์ขาวก็เข้าทั้งนั้น

 

The Rose Natural Wine

เห็ดนางฟ้าชุบแป้งซาวโดว์

 

นอกจากเมนูเนื้อและซีฟู้ดแล้ว ทางร้านยังนำผลผลิตที่ได้จากยีสต์ที่เลี้ยงเองมานานกว่า 15 ปี ผสมแป้งซาวโดว์แทนการชุบแป้งทอดทั่วไป Sourdough Mushroom with Smoked Egg Yolk (140 บาท) เห็ดนางฟ้าชุบแป้งซาวโดว์ ซึ่งแป้งนี้มีความพิเศษตรงที่ผสมยีสต์เลี้ยงเอง และใส่น้ำแร่สปาร์กลิงแทนเบกกิ้งโซดา จากนั้นทอดในน้ำมันรำข้าว จิ้มเห็ดทอดกับซอสไข่แดงออร์แกนิกรมควัน อร่อยนักแล

 

The Rose Natural Wine

2016 Spätburgunder Rosé จากเยอรมนี

 

The Wine

เราได้ลองไวน์จาก 2 ขวด คือโรเซและไวน์ลูกผสม ที่ต่างมีคาแรกเตอร์เฉพาะตัว แต่ดื่มง่าย และแพริงกับอะไรก็เข้าท่า ตัวแรก 2016 Spätburgunder Rosé (330 บาท ต่อแก้ว/ 1,650 บาท ต่อขวด) แค่ตัวสะกดอ่านยาก หลายคนอาจพอเดาออกได้ว่าโรเซขวดนี้มาจากเยอรมนีแน่นอน เอาเข้าจริงขวดนี้ก็ไม่โรเซจ๋า เพราะหากจัดประเภทของไวน์แล้วจะเรียกว่า Light Red ถือเป็นไวน์แดง แต่ทั้งสีและรสชาติค่อนไปทางโรเซ ทำจากองุ่นพันธุ์ปิโนต์ นัวร์ (Pinot Noir) จิบแล้วได้กลิ่นสตรอว์เบอร์รีอ่อนๆ และผลไม้สีแดงทั้งหลาย จะจิบเล่นๆ หรือจิบยาวๆ ไป ก็ได้ความสุนทรีย์ เหมาะจับคู่กับถั่ว และเพื่อที่จะได้กลิ่นและรสชาติที่ดี แนะให้รินใส่ดีแคนเทอร์ก่อนสัก 2 ชั่วโมง เพื่อความหอมอโรมาที่ออกมาได้เต็มที่

 

The Rose Natural Wine

The Rose Natural Wine

คุณล่ะ ชอบไวน์แบบไหน?

 

ขวดที่สอง 2017 Blossoms (395 บาท ต่อแก้ว/ 1,950 บาท ต่อขวด) เนเชอรัลไวน์จากออสเตรเลีย ตัวนี้ค่อนข้างแปลก เพราะเป็นไวน์ลูกผสมระหว่างไวน์ขาวกับไวน์แดง (ชาร์ดอนเนย์กับเมอร์โลต์) โดยคั้นเอาเฉพาะน้ำองุ่นชาร์ดอนเนย์ ส่วนองุ่นเมอร์โลต์นำไปบดจนแตกพร้อมเปลือกแล้วแช่ในน้ำองุ่นชาร์ดอนเนย์ และด้วยกระบวนการบ่มไวน์นี้ก่อให้เกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้ไวน์ที่ได้มีความซ่าอยู่เล็กน้อย ไวน์ตัวนี้แนะนำให้จับคู่ดื่มระหว่างมื้ออาหารมากกว่าที่จะดื่มเดี่ยวๆ

 

เชียร์ส!

 

What You Should Know:

  • ตั้งแต่ 07.00 น. ที่แห่งนี้คือ Hands & Heart ร้านกาแฟสีขาวสุดมินิมัลที่เสิร์ฟกาแฟไทยและเทศ ทั้งซิงเกิลออริจินและเบลนด์ รวมถึงยังมีเมนูอาหารรองท้อง เบเกอรี และบรันช์ อีกด้วย และหลังจาก 18.00 น. Hands & Heart ก็จะเปลี่ยนโฉมไปเป็น The Rose Natural Wine เนเชอรัลไวน์บาร์สุดเซ็กซี่แห่งเดียวในย่านสุขุมวิท 38

 

อ่านเรื่องของ ไวน์ส้ม…ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับส้ม ได้ที่นี่

 

The Rose Natural Wine Bar

Open: วันพุธ-อาทิตย์ เวลา 19.00-24.00 น.

Address: 33 คอนโด Ascella ซอยสุขุมวิท 38 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ

Budget: 500-1,500 บาท

Contact: โทร. 08 1553 3585

Page: www.facebook.com/therosenaturalwine

Map: 

 

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising