สำหรับเรามีร้านอาหารเพียงไม่กี่แห่งที่กล้าพูดได้เต็มปากว่า ที่นี่รสชาติถูกปากทุกคน แต่ว่าร้านอาหารอินเดีย ‘JHOL’ ในซอยสุขุมวิท 18 คือหนึ่งในนั้น เพราะที่นี่นำเสนอรสชาติของประเทศอินเดียตอนใต้ได้อย่างเข้มข้น กินสนุก และเสิร์ฟในรูปแบบของเมนูไฟน์ไดนิ่งดูน่ากิน
ทว่าวันนี้เราไม่ได้กลับมาเยี่ยม JHOL เพื่อชิมเมนูโปรดเพียงอย่างเดียว เพราะไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ Cocktail Bar ที่เปิดอยู่ด้านใน เขาเพิ่งเปลี่ยนเมนูใหม่ทั้งหมด และมาพร้อมกลิ่นอายกับเรื่องราวจากอินเดีย ผสมการนำเสนอที่ดูแปลกใหม่ น่าสนใจไม่แพ้อาหาร
เริ่มแก้วแรกกันเลยดีกว่า ‘Three Eyes in the Dusk (380 บาท)’ เป็นค็อกเทลเหมาะดื่มเรียกน้ำย่อยหรือจิบก่อนเริ่มมื้ออาหาร เพราะมีความสดชื่นจากไซรัปฝรั่ง ไวน์ขาว รวมถึงรสเค็มๆ หวานๆ จากผลบ๊วยตรงขอบแก้ว
ส่วนเบสของเมนูนี้เป็นจินจากประเทศอินเดีย เจ้าของเรื่องเล่าเกี่ยวกับสัตว์ประหลาด 3 ตาอันเป็นที่มาของชื่อค็อกเทล
ร้านเสิร์ฟอาหารมาให้ลองจับคู่กันด้วย ซึ่งแต่ละเมนูมาจากเทสติ้งเมนูประจำร้าน แก้วนี้จึงแนะนำให้จิบพร้อมของกินเล่นอย่างทาร์ทาร์สลัดไส้มะม่วง มะละกอ ผักโขม และ ‘Masala Maska Bun (240 บาท)’ ขนมปังไส้มาซาลาซอส ต้องกินคู่กับเนยผสมเครื่องแกงและกันพาวเดอร์ที่หอมอร่อย
‘Stranger Things (380 บาท)’ ใช้จินตัวเดียวกับแก้วก่อนหน้า แต่มีความหนักแน่นขึ้นมาและได้รสชาติจากไซรัปขนุน พริกไทยดำ บิตเทอร์ช็อกโกแลต และใบแมงลักกับขนุน เมนูนี้จะถูกใจคนชอบรสชาติหวานนำเปรี้ยวตามเป็นพิเศษ
จิบคู่กับเมนู ‘Mini Appam (380 บาท)’ ของโปรดที่เรามากี่รอบก็ชอบเป็นพิเศษ โดย Appam เป็นแป้งแพนเค้กสไตล์อินเดียที่ร้านทำเอง ก่อนท็อปด้วยปู ผักกาด มันม่วงฝอย รสชาติมีความเผ็ดร้อนเบาๆ และเต็มปากเต็มคำจากเนื้อปู
‘The Indian Porn Star (350 บาท)’ เป็นแก้วที่ค่อนข้างถูกใจคนไม่ดื่มค็อกเทลหวานอย่างเรา ร้านทวิสต์เมนูนี้มาจากคลาสสิกค็อกเทล มาร์ตินี โดยใช้วอดก้าวานิลลาผสมวอดก้าเสาวรส ใส่น้ำเสาวรส ท็อปด้วยโฟมยูซุ และสายไหมอินเดียทำจากกระวาน
แก้วนี้จิบคู่กับอีกเมนูเด็ดประจำร้าน ‘Baby Back Injipuli Pork Rils (490 บาท)’ ที่ไม่ว่าใครมาก็ต้องสั่ง เป็นซี่โครงหมูซอสมะขามและขิง เชฟจะนำซี่โครงไปทอดให้เนื้อแน่น ก่อนนำไปย่างให้เปื่อยนุ่มและซอสซึมเข้าเนื้อ กินแล้วชุ่มฉ่ำมีรสชาติดีมาก
เช่นเดียวกับ ‘Ghee Roast Chicken (560 บาท)’ เป็นอีกหนึ่งร้านที่ทำโดซาได้ดีจนเราอยากกลับมากินซ้ำทุกครั้ง โดยเชฟจะเสิร์ฟโดซาเป็นทรงกรวย มาพร้อมไก่ย่างเนยและซอสรสเปรี้ยว ให้เราฉีกโดซาเป็นแผ่นแล้ววางไก่ลงไป ราดซอสนิดหน่อยแล้วกินทีละคำ
อาหารเริ่มหนักก็แน่นอนว่าต้องคู่กับค็อกเทลที่หนักขึ้นเช่นกัน เริ่มจาก ‘The Shaman (350 บาท)’ น่าประทับใจตั้งแต่แก้วที่ใส่ เพราะมาในแก้วไม้รูปเห็ด บาร์เทนเดอร์จะรมควันเครื่องดื่มด้วยไม้แอปเปิ้ลก่อนเสิร์ฟด้วย ทำให้ตั้งแต่เปิดฝาขึ้นมาจนยกแก้วจิบ ทุกคนจะได้กลิ่นสโมกหอมๆ ก่อนตามด้วยเครื่องดื่มที่ใช้เบสจากอีสานรัม ผสมลิเคียวร์มะพร้าว เครื่องเทศ และส้ม
‘Tamarind Margarita (330 บาท)’ เป็นแก้วที่รสชาติน่าสนใจและมีกลิ่นหอมเหมือนกัน เพราะตอนเสิร์ฟจะเผาโรสแมรีด้านบน โดยเมนูนี้ทวิสต์มาจากมาร์การิตา ใช้เบสเป็นเตกีลาผสมบิตเทอร์สมุนไพร มาพร้อมมะขามแคนดี้ให้กินเล่นตัดรสเค็มจากเครื่องดื่มและพริกเกลือรอบๆ แก้ว
ปิดท้ายด้วย ‘Macha, Where Are You Da? (400 บาท)’ แก้วหนักแน่นที่สุดในค่ำคืนนี้ เป็นค็อกเทลใช้เบสจากวิสกี้อินเดีย ก่อนผสมไซรัปพริกไทยดำ บัตเตอร์นัทสควอช ช็อกโกแลต ถั่ว และแคนดี้ขิง เราแนะนำให้ค่อยๆ จิบเคล้ากับอาหาร
ส่วนชื่อค็อกเทลก็น่าสนใจ เพราะเป็นคำสแลงที่ชาวอินเดียใช้พูดเวลาชวนเพื่อนดื่ม
JHOL เป็นร้านอาหารอินเดียไฟน์ไดนิ่งก็จริง แต่เขาเน้นเสิร์ฟเมนูอะลาคาร์ตให้ทุกคนสั่งมากินเล่น กินจริงได้ตามสบาย แถมบรรยากาศร้านก็ชิลๆ กว่าที่คิด ถ้าใครอยากมานั่งคุยกับเพื่อนแล้วสั่งเครื่องดื่ม 2-3 แก้วกับของกินเล่นอีกนิดหน่อย ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลยล่ะ
JHOL
Open: เปิดทุกวัน เวลา 12.00-14.30 น. และ 17.30-21.30 น.
Address: ซอยสุขุมวิท 18
Budget: 500-1,000 บาท
Facebook: https://www.facebook.com/JHOLbkk
Instagram: @jholbkk
Map: https://g.page/Jholbkk?share