หลังจบดีล Jaymart ควักเงิน 1.2 พันล้านบาทเข้าถือหุ้น 30% ในสุกี้ตี๋น้อย ก็มีความเคลื่อนไหวจาก นัทธมน พิศาลกิจวนิช ผู้ก่อตั้งร้าน ถึงทิศทางในอนาคต เบื้องต้นจะได้เห็นความคืบหน้าการ Synergy ร่วมกันทันทีในปี 2566 เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและการเติบโตในอนาคต
นัทธมนเผยว่า สุกี้ตี๋น้อยเปิดมาแล้ว 5 ปี มีจำนวน 42 สาขา จากปี 2564 มี 36 สาขา อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งมีราคา 219 บาทต่อราย
“การวางกลยุทธ์การตลาดที่สามารถครองใจผู้บริโภคจนสามารถสร้างยอดขายกว่า 1,500 ล้านบาทในสิ้นปี 2564 ที่ผ่านมา และในปี 2565 มั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตรับสถานการณ์โควิดผ่อนคลาย บรรยากาศการรับประทานอาหารในร้านของผู้บริโภคกลับมาคึกคัก สนับสนุนยอดขายปีนี้พุ่งเฉียด 4,000 ล้านบาท”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ปิดดีลลงทุน 1.2 พันล้านบาทอย่างเป็นทางการแล้ว ‘JMART’ เดินหน้า Synergy กับ สุกี้ตี๋น้อย แบบ 360 องศา เตรียมดันเข้าตลาดหุ้นไทยใน 2-3 ปี
- “นี่เป็นราคาที่เราพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย” เจ้าของสุกี้ตี๋น้อยกล่าวหลัง Jaymart ควักเงิน 1.2 พันล้านบาทเข้าถือหุ้น 30% เผยปีหน้าเล็งขยายไปสระบุรี สุพรรณบุรี และโคราช
- ‘สุกี้ตี๋น้อย’ เล็งเข้า ‘ตลาดหลักทรัพย์’ ภายใน 3 ปี พร้อมปักเป้าขยายให้ครบ 60 สาขา และรายได้ 3,000 ล้านบาท
สำหรับเป้าหมายในปี 2566 นัทธมนย้ำว่า จะไม่ใช่แค่เดินหากจะเริ่มวิ่ง โดยตั้งเป้าเรื่องสาขาใหม่ในปีหน้า วางแผนจะเปิดเพิ่มไม่ต่ำกว่า 12 สาขา และจะบุกตลาดต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก ในอนาคตยังมองตลาดประเทศเพื่อนบ้านที่จะขยายไปได้อีก
“การจะได้เห็นสุกี้ตี๋น้อยราว 100 สาขาในอีก 5 ปีจากนี้ มองว่าก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องเป็นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ทั้งอาหาร บริการ รสชาติ และผลประกอบการ ที่จะไปพร้อมๆ กัน และจะนำบริษัทฯ เข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์อีก 2-3 ปีจากนี้ เป็นอีก Chapter การเติบโตของเราที่ยั่งยืน” เจ้าของสุกี้ตี๋น้อยกล่าว
การลงทุนของ Jaymart มาจากการที่เห็นว่าบริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (BNN) ซึ่งประกอบธุรกิจร้านอาหารภายใต้แบรนด์ ‘สุกี้ตี๋น้อย’ มีผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่อง
จากปี 2562 มีรายได้ 499 ล้านบาท กำไร 15 ล้านบาท ทะยานสู่ปี 2564 รายได้ 1,564 ล้านบาท กำไร 148 ล้านบาท รวมทั้งอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) สูงถึง 55.80%