×

โบ สาวิตรี เมื่อโฮสต์กลายเป็นเกสต์ ต้องตอบคำถามที่เคยถามคนอื่น และจัดอันดับที่สุดของ We Need To Talk 2017

27.12.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

Time index

07.55 หนึ่งทศวรรษในอเมริกา

11.33 จะเลี้ยงลูกอย่างไรในอนาคต

14.17 แคลิฟอร์เนียเหนือ VS แคลิฟอร์เนียใต้

18.04 เด็กไทย VS เด็กอเมริกัน

20.25 ถ้าต้องประกอบอาชีพอื่น

21.47 คลาสที่ไม่มีใครอยากพลาด

25.38 สีอะไร ใส่ไม่ได้

28.38 ที่ที่ไปทุกวันตอนหน้าร้อน

34.44 ทุกวันนี้สามียังไม่เคยเอ่ยปากขอแต่งงาน

42.48 เกสต์ที่ตื่นเต้นที่จะได้คุยด้วยมากที่สุด

44.36 เกสต์ที่ทำให้ประหม่ามากที่สุด

45.05 เกสต์ที่ทำให้หัวเราะมากที่สุด

45.59 เกสต์ที่ทำให้ประหลาดใจมากที่สุด

48.35 เกสต์ที่ช่วยเปิดหูเปิดตามากที่สุด

49.10 คำพูดที่ยังติดหูและติดใจมากที่สุด

โบ สาวิตรี ในวันนี้รับบทเป็นเกสต์ ในขณะที่ บิ๊ก ภูมิชาย บุญสินสุข ผู้เป็นโปรดิวเซอร์ของรายการ มารับหน้าที่เป็นโฮสต์ ในเอพิโสดพิเศษของ We Need To Talk Podcast ส่งท้ายปลายปี 2017

 

เหตุมาจากการแอบได้ยินเสียงคุณผู้ฟังแว่วมาว่าอยากฟังโบพูดเยอะกว่านี้ เพราะชอบความคล่องแคล่วในการใช้ภาษาอังกฤษ แถมเสียงเพราะน่าฟัง แต่โดยปกติโฮสต์จะพูดมากกว่าเกสต์ไม่ได้ อันนั้นเขาเรียกแย่งซีน วันนี้เลยจัดให้ อีพีนี้โบเป็นเกสต์แล้ว จะพูดเยอะๆ ยังไงก็ได้ หวังว่าคุณผู้ฟังจะฟินสมใจ

 

นอกจากนั้นยังมีการจัดอันดับต่างๆ ให้แขกรับเชิญที่เคยมาออกรายการ ไปฟังกันว่า ใครฮาที่สุด ใครทำโบตื่นเต้นมากที่สุด ใครทำโบประหม่ามากที่สุด เรื่องราวของใครเซอร์ไพรซ์ที่สุด คำพูดประโยคไหนของใครโดนใจที่สุด

 


 

07.55

ตอน ต้น ธนษิต มาเป็นเกสต์ในรายการ โบถามเขาว่า ช่วงเวลาหนึ่งปีที่ไปอยู่และเรียนที่อเมริกาน่าจดจำมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ขอถามด้วยคำถามเดียวกัน แต่คงต้องเปลี่ยนคำว่า หนึ่งปี เป็น สิบปี เพราะโบไปอยู่ที่โน่นหนึ่งทศวรรษเต็มๆ

ที่จริงสิบปีที่ผ่านมาในเมืองไทยของโบก็น่าจดจำมากนะคะ แต่สิบปีในอเมริกาเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราเป็นเราแบบทุกวันนี้ มันเป็นช่วงก่อนโบเป็นวัยรุ่น จนเป็นผู้ใหญ่ พูดได้ว่าโบเติบโตที่นั่น นั่นเป็นช่วงสำคัญของชีวิต และเป็นช่วงที่เราได้ทดลองและสำรวจตัวตน ได้สัมผัสวัฒนธรรมหลากหลาย และพบเจอผู้คนมากมาย อีกอย่างคือ อากาศที่นั่นดีมาก

 

จุดที่น่าจะเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับสิ่งที่เรียกว่า coming-of-age คือตอนปีแรกที่ต้องย้ายจากบ้านลุงมาอยู่หอที่มหาวิทยาลัยนี่แหละค่ะที่รู้สึกว่า เฮ้ย เราเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ เราต้องมาอยู่ร่วมกับรูมเมตที่ไม่รู้จัก ต้องดูแลรับผิดชอบตัวเอง บริหารจัดการเวลาของตัวเอง เพราะตอนนี้ไม่มีใครมาค่อยบอกเราแล้วว่าต้องเข้านอนกี่โมง

 

11.33

โบเคยบอกว่าโบแพลนจะเป็นคุณแม่ในอนาคต จำได้ไหมว่า ตอน พี่น้อย พรู มาเป็นเกสต์ในรายการ โบถามเขาว่า แน่นอนว่าลูกของเราย่อมจะทำให้เราผิดหวังบ้างในอนาคต แต่ถ้าเลือกได้ อะไรคือหนึ่งอย่างที่อยากขอให้เขาทำหรือเป็น และอะไรคือสิ่งที่อยากขอไม่ให้เขาทำหรือเป็น

ที่อยากให้เขาเป็น คือเป็นตัวของตัวเอง โดยไม่ต้องมัวไปกลัวหรือกังวลมากเกินไปว่าคนอื่นจะว่า จะมอง หรือตัดสินเราอย่างไร และสิ่งที่ไม่อยากให้ทำคือ ไม่อยากให้ทำอะไรสักอย่างแค่เพราะว่าคนอื่นเขาทำกัน บางทีความกดดันจากเพื่อนก็เป็นเรื่องยากที่จะรับมือ เด็กยิ่งโตขึ้นยิ่งไปใช้เวลากับเพื่อนมากกว่าพ่อแม่อยู่แล้ว โบอยากให้ลูกของโบคิดได้เอง และสามารถมองเห็นว่า บางทีสิ่งที่คนอื่น หรือแม้แต่คนส่วนใหญ่ทำ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องก็ได้

 

โบอยากให้ลูกของโบสามารถคุยกับโบได้ทุกเรื่อง คือทุกเรื่องจริงๆ นะ เพราะเราเป็นอย่างนั้นกับพ่อแม่เรา และเป็นเองโดยที่ไม่ต้องให้พ่อแม่บอก โบว่าของอย่างนี้มันรู้สึกได้เอง ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เราผิดเราพลาดอะไร พ่อแม่จะไม่ว่าไม่ตัดสิน แต่จะฟัง และช่วย นี่ไงโบเลยคิดว่า สิ่งที่สำคัญกว่าการบอกลูกว่า “คุยกับพ่อแม่ได้ทุกเรื่องนะ” คอการทำให้เขาเห็นว่าเวลาลูกบอกอะไรแล้วเขาไม่โดนเราว่า หรือดุ หรือตี เขาก็จะอยากบอกเราไปเอง เขาจะไม่กลัวที่จะเล่าอะไรๆ ให้พ่อแม่ฟัง

 

14.17

เกสต์ของเราหลายคน เกิด เติบโต และใช้ชีวิตในเมืองนอก ทุกครั้งที่ได้คุยเราก็จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับวัฒนธรรม สังคม และผู้คนจากเมืองและประเทศต่างๆ เลยอยากถามอย่างเดียวกันกับโบว่า ชาวแคลิฟอร์เนียมีลักษณะนิสัยอย่างไรบ้าง

แคลิฟอร์เนียนนั้น จะพูดแบบว่า… (ตรงนี้กรุณาฟังจากพอดแคสต์ เพราะคำพูดถอดได้ แต่สำเนียงถอดไม่ได้) นอกจากจะพูดจาเหมือนคิม คาร์แดเชียน หรือ ปารีส ฮิลตัน แล้ว เรายังติดคำว่า like มากด้วย (หัวเราะ)

 

นอกจากเรื่องวิธีการพูด คนแคลิฟอร์เนียนั้นยังเป็นที่รู้จักดีว่าเป็นสายชิลล์ โดยเฉพาะตอนใต้ มันจะมีความ ‘Dude (ลากเสียง) What’s up (ลากเสียงอีก)!’ อย่างที่เห็นในหนังแหละค่ะ แต่ไม่เยอะขนาดนั้น เพราะแคลิฟอร์เนียเต็มไปด้วยชายหาดและนักเล่นกระดานโต้คลื่น วิถีชีวิตก็จะเป็นแบบนั้น แสวงหาความสุขใส่ตัว เพราะอากาศก็ดี ทะเลก็ดี เลยจะช้าๆ สบายๆ ไม่เครียด ตรงข้ามกับนิวยอร์กที่จะเร่งรีบตลอดเวลา ทุกอย่างต้องเร็ว ทุกคนต้องเอาตัวรอด แต่แคลิฟอร์เนียก็มีความวัตถุนิยมอยู่นะ

 

ส่วนคนแคลิฟอร์เนียเหนือ ภาพจำคือฮิปปี้ รักสันติภาพ ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่ก็คือพวกกินออร์แกนิก ถ้าเป็นเรื่องคกพูดคือจะติดคำว่า ‘hella’ (มาจาก hello of a lot of แล้วย่อเหลือ hell of และต่อมาย่นเหลือแค่ hella แปลว่า very นั่นเอง) เช่น ‘It’s hella hot today!’ ได้ยินยังงี้ รู้เลยว่ามาจากแคลิฟอร์เนียเหนือ

 

18.04

อะไรคือสิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดระหว่างเด็กอเมริกันกับเด็กไทย

เด็กอเมริกันพึ่งพาตัวเองมากกว่าเยอะ ตัดสินใจอะไรเอง อยากได้อะไรก็หางานหาเงินเอาเอง บ้านเราเป็นสังคมโอ๋นะโบว่า เราเป็นครอบครัวที่ใกล้ชิดกัน พ่อแม่ก็จะเลี้ยงลูกเหมือนลูกยังเป็นเด็กตลอดเวลา ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าแบบไหนผิดหรือถูกกว่าแบบไหน มันแค่ต่างกัน อีกอย่างที่โบว่าเห็นได้ชัดคือเด็กอเมริกันมีความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่า ตัวอย่างเช่นเขาจะปลูกฝังให้รู้จักทำงานอาสาสมัคร

 

โบไม่ได้จะบอกว่าเด็กไทยเห็นแก่ตัวหรือคิดถึงแต่ตัวเองอะไรอย่างนั้นนะคะ แต่สังคมเราการแข่งขันสูง โดยเฉพาะในโรงเรียน เด็กมันเลยต้องดูแลตัวเองก่อน ต้องแข่งขัน ต้องกั๊ก รู้อะไรก็ไม่บอกคนอื่น อเมริกาไม่มีแบบนี้ มันเลยไม่ต้องแข่งกันขนาดนั้น คนที่ได้เกรดสูงสุดหนึ่งคนก็จะได้เป็น Valedictorian หรือคนที่ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์จบการศึกษา ก็เท่านั้นเอง

 

20.25

ถ้าดูจากบุคลิก หรืออาจจะเป็นความสามารถพิเศษบางอย่างที่เราไม่รู้ โบคิดว่าตัวเองจะประกอบอาชีพอะไรแล้วรุ่งได้บ้าง นอกเหนือจากงานในแวดวงบันเทิง

นักสืบค่ะ เพราะโบว่าทักษะในการเผือกของเราไม่แพ้ใคร (หัวเราะ) เวลาดูหนังโบทายตอนจบได้ตลอดเลยนะ อีกอย่างที่คนอื่นอาจจะไม่รู้ โบชอบดูสารคดีพวก crime scene investigation ความสืบจากศพต่างๆ

 

21.47

ตอน ณัฐ ศักดาทร มาเป็นเกสต์ในรายการ โบถามเขาว่า สมัยเรียน มีอาจารย์คนไหนที่ประทับใจเป็นพิเศษบ้างไหม แล้วของโบล่ะ

โบเรียนสองเมเจอร์ Political Science กับ International Studies มีอาจารย์เก่งๆ สอนสนุกๆ หลายคนนะ อย่างคนนึงเป็นอดีตซีไอเอ สอนวิชา Transnational Gangs เกี่ยวกับแก๊งข้ามชาติ น่าสนใจมาก สนุกมาก (ลากเสียงยาว) ครูของเราหลายคนคือเป็นคนในสายอาชีพจริงๆ เป็นคนในวงการ เช่น เป็นผู้พอพากษา เพราะฉะนั้นโดยมากก็จะเป็นคลาสกลางคืน แบบ หนึ่งทุ่ม คลาสสามชั่วโมง แต่แค่อาทิตย์ละครั้ง แต่คลาสเต็มตลอด ไม่มีใครโดดเลย ครูสอนสนุกมากค่ะ เรื่องเล่าก็เยอะ เพราะเขาทำมาจริงๆ มีอยู่หนนึง ก่อนเราเข้าห้องเรียน ครูเอาโคเคนมาซุกไว้ใต้เก้าอี้ แล้วเอาหมามาเดินดมหายา ให้เราเห็นขั้นตอนว่าเขาทำกันยังไง อะไรแบบเนี้ย

 

อย่างครูที่เป็นผู้พิพากษานี่ แก่มากแล้วด้วยนะคะ แต่สอนสนุกจริงๆ ประสบการณ์เขาเยอะมาก และเขามีวิธีสอนให้เราสนใจตลอด เห็นไหมว่าครูแก่ๆ ไม่ได้แปลว่าจะสอนน่าเบื่อเสมอไป

 

25.38

ตอน ซู่ชิง มาเป็นเกสต์ในรายการ โบถามเขาว่า เชื่อเรื่องดวงหรือโชคลางไหม แล้วโบล่ะเชื่อกับเขาหรือเปล่า

(หัวเราะ) ก็เชื่อเหมือนกันนะ มีเรื่องนึงจะเล่าให้ฟัง คือตอนสมัยโบอยู่อเมริกานี่ไม่เชื่อเลย ไม่สนใจซักนิด แต่ชอบดูดวงเล่นๆ สนุกๆ นะ ไม่ได้เชื่อมาก ดูเอาบันเทิงน่ะค่ะ แต่พอกลับเมืองไทย แล้วไปออดิชั่น AF ฝั่งแม่โบเนี่ยคนจีน ก็จะค่อนข้างเชื่อ โบเกิดวันเสาร์ และสำหรับคนเกิดวันเสาร์ สีชงคือสีเขียว เขาบอกมาเราก็เชื่อไว้ก่อน เพราะกำลังจะออดิชั่นไง ซึ่งจนถึงบัดนี้ โบก็จะไม่ค่อยมีเสื้อผ้าเขียวเท่าไร ใส่เขียวคือนับครั้งได้ ญาติๆ ก็จะบอกว่า โอเค ตอนอยู่ในบ้าน ถ้าสไตลิสต์จับใส่เขียว ให้ผูกโบแก้เคล็ด อารมณ์แบบ ‘รถคันนี้สีแดง’ อะ นิดนึง (หัวเราะ) เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นนะ เช่นวันไหนมีนัดสำคัญ โบไม่ใส่เขียวเด็ดขาด

 

แล้วรู้ไหมว่าทำไมโบถึงเชื่อขนาดนั้น ต้องย้อนกลับไปในยุคที่กำลังแข่ง AF วันนึงเขาก็จะไปทำป้ายไฟกัน ก็ไปทำมาเป็นป้ายสีเขียวใหญ่ยักษ์ และวันแรกเลยที่เขาใช้ป้ายไฟนั่น ก็คือวันที่โบต้องออกจากบ้าน (หัวเราะ) ทุกคนก็ เพราะป้าย! ป้ายเขียวนั่น! (หัวเราะ) จากนั้นมาก็ฝังหัวเลยค่ะว่า ไม่เขียว ไม่เอาเขียวเด็ดขาด

 

28.38

อันนี้เป็นคำถามที่โบถาม ลิซ่า มาสเตอร์เชฟ ขอถามโบอย่างเดียวกันว่า ย้อนกลับไปที่ชีวิตสมัยอยู่ Irvine, Orange County, California ถ้าเพื่อนหรือญาติพี่น้องแวะไปเยี่ยม จะพาพวกเขาไปเที่ยวไหนหรือทำอะไร

ที่แน่ๆ คือดิสนีย์แลนด์ โบชอบมาก หายใจเข้าออกเป็นดิสนียืแลนด์ ถ้าเขาให้ย้ายเข้าไปอยู่ได้ก็จะทำนะ (หัวเราะ) เคยซื้อตั๋วฤดูกาลแล้วไปทุกวันเลย ช่วงหน้าร้อน ไปเดินเล่น เล่นเครื่องเล่นต่างๆ ดูโชว์ ดูพาเหรด ดูดอกไม้ไฟ ไปหาอะไรกิน เมนูแนะนำคือ ขาไก่งวง ชูโรสก็เด็ด ฟันเนลเค้กก็อร่อย… นี่ให้ปิดตาเดินก็เดินถูกนะ พูดจริงๆ ให้จัดพอดแคสต์เกี่ยวกับดิสนีย์แลนด์ก็ได้นะคะ (หัวเราะ)

 

นอกจากนั้นก็คงจะพาไปทะเล ที่นี่มีหาดสวยๆ ดีๆ เยอะมาก และที่ดีกับเยอะพอกับหาดคือห้าง โดยเฉพาะ South Coast Plaza Mall ค่ะ ขอแนะนำ

 

34.44

ตอน ปอนด์ ใจดีทีวี มาเป็นเกสต์ในรายการ โบพูดว่า “Now we have to talk about your ฝรั่ง husband. Tell us a little bit about him… aka นินทาคุณสามีนั่นเอง” โบเองก็เปรยๆ ถึงคุณสามีในรายการบ่อยๆ วันนี้คุยถึงสักหน่อยไหมครับ

เราเจอกันในงานแต่งงานค่ะ เขาเล่าให้ฟังทีหลังว่าโบเป็น “ผู้หญิงในฝัน” ของเขา เขารู้จักโบจากสื่อมาก่อน แต่โบไม่รู้จักเขา

 

เรื่องของเรื่องคือ เพื่อนโบพยายามจับคู่ให้ ซึ่งโบไม่ชอบอะไรแบบนี้ แต่นางเอาอาหารมาล่อค่ะ (หัวเราะ) แบบ แกๆ ไปทางโน้นกัน ของอร่อยเพียบเลย โบก็ อุ๊ยเหรอๆ เย่ๆ ไปๆ หารู้ไม่ มีผู้ชายอยู่กลางทาง แต่เขามาบอกทีหลังว่าเขาไม่รู้เรื่องนะ เพื่อนโบจัดเองชงเองเรียบร้อย แต่ตอนนั้นเขาก็แค่เข้ามาขอถ่ายรูป แล้วก็จบ

 

เพื่อนโทรมาทันทีวันรุ่งขึ้น บอกว่าพี่เขาชอบมากนะ ไปกินข้าวกับเขาไหม โบก็ แหะๆ ไม่เอา คือเราไม่ชอบฟีลถูกจับคู่แบบนี้ ถ้าจะให้ไปนั่งให้เขาจีบ เราไม่ไป เพื่อนก็บอกว่า มันไม่เสียหายอะไร อย่างน้อยก็ได้เพื่อน โบก็บอกว่า ถ้าในฐานะเพื่อน โอเค ถ้าไปกันเยอะๆ โอเค แต่ให้ไปสองต่อสอง ไม่เอา กดดัน

 

แต่ปรากฏว่าหลังจากได้ไปเจอกัน ได้เริ่มคุยกัน มันก็คลิกน่ะค่ะ มีอะไรหลายอย่างเหมือนกัน เรียนเอก Political Science เหมือนกัน ความเห็นหลายอย่างตรงกัน ก็ค่อยๆ เริ่มคบกัน มีอยู่ครั้งนึงโบบอกแม่ว่า กลัวที่จะเรียกคนคนนี้ว่าแฟนมากเลย เพราะมีความรู้สึกว่า ถ้าเป็นแฟนกับเขา เราต้องลงเอยแต่งงานกับเขาแน่ๆ มันก็จะรู้สึกกลัวขึ้มาหน่อยๆ เพราะเราไม่แน่ใจว่าเราพร้อมแล้วหรือเปล่าสำหรับสเต็ปต่อไป ซึ่ง นี่เขายังไม่ได้ขอเลยนะ (หัวเราะ) คิดล่วงหน้าไปก่อนนู่น

 

แล้วเขาก็ไม่ได้ขอจริงๆ คือไม่มีการคุกเข่าขอแต่งงาน แต่เขาซื้อพวงมาลัยไปกราบพ่อแม่เราเพื่อขอดูแลเรา ซึ่งนั่นคือหลังจากพ่อแม่เขาเรียกเราไปคุยและถามว่าพร้อมหรือยัง และตลอดเวลาที่คบกันเราก็คุยเรื่องการใช้ชีวิตร่วมกันอยู่เรื่อยๆ เขาก็รู้แหละค่ะว่าเรามองไปที่สิ่งเดียวกัน เป้าหมายเดียวกัน และนั่นคือการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

 

โบว่าชีวิตแต่งงานของเราสนุกดีนะคะ ไม่ต้องพยายาม ไม่ต้องเล่นเกม เราทั้งสองคนเป็นตัวของเราเองได้เต็มที่จริงๆ เหมือนเราเป็นเพื่อนสนิทกัน

 

42.13

กลับมาพูดถึงรายการของเรากันหน่อย โฮสต์รายการนี้สนุกไหม

สนุกมากค่ะ โบดีใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรายการที่ไม่เหมือนใคร ได้มีโอกาสพบเจอและพูดคุยกับคนดังมากมายในมุมที่เราไม่เคยรู้หรือเห็นมาก่อน

 

42.48

ในบรรดาเกสต์ทั้งหมดของเรา โบตื่นเต้นตอนที่จะได้คุยกับใครมากที่สุด

พี่น้อยวงพรู พี่ซินดี้ ฟ้าใส (นางงาม) แล้วก็ ลิซ่า (มาสเตอร์เชฟ) ค่ะ พี่น้อยนี่เป็นเพราะว่าเขาอยู่ไกลตัวเรามาก ไม่คิดฝันว่าสักวันจะได้มานั่งคุย เพราะเขาไม่ได้ออกสื่อบ่อยขนาดนั้นด้วยมังคะ ส่วนพี่ซินดี้นี่ก็ไอดอลของโบเลย ตื่นเต้นมาก ดูมาตั้งแต่เด็ก

 

ส่วนฟ้าใสนี่เป็นเพราะโบชอบดูนางงาม เราเห็นน้องเขาแล้วรู้สึกว่าคนนี้เก่ง สวย น่าเชียร์ และเขามีโอกาสชนะเยอะมาก แถมภาษาอังกฤษดีมาก เลยอยากคุย

 

สุดท้าย ลิซ่า โบตามเชียร์คนนี้มาตลอดเหมือนกัน เขาเป็นคนบุคลิกโดดเด่นมาก และตลกดี เลยอยากคุยด้วย

 

44.36

ในบรรดาเกสต์ทั้งหมดของเรา ใครทำให้โบประหม่าที่สุด

พี่เล็ก ฮิวโก้ ค่ะ เขามีรังสีอะไรบางอย่าง ที่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกอึ้งๆ ทึ่งๆ เดินเข้ามานี่ทุกคนต้องหยุดคุยกันแล้วมองไปที่เขาอะ

 

45.05

ในบรรดาเกสต์ทั้งหมดของเรา ใครทำให้โบหัวเราะหนักที่สุด

โอย เลือกไม่ถูกเลย เยอะมาก ตอน ลิซ่า กับ ฟิลลิปส์ นี่ก็ฮามาก หัวเราะจนปวดหน้าไปหมด แต่อันดับหนึ่งเนี่ย โบต้องยกให้อีพีที่ พี่คิริน กับพี่มาเรียมมาคู่กัน ตอนสัมภาษณ์นี่คือหัวเราะจนเกือบตายแบบน้ำตานองหน้าอะ ขนาดไปฟังอีกทีตอนออกอากาศจริงยังนั่งหัวเราะคนเดียวอยู่ในรถเหมือนคนบ้า ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาจะตลกขนาดนี้

 

45.59

ในบรรดาเกสต์ทั้งหมดของเรา ใครทำให้โบประหลาดใจมากที่สุด

ต้น ธนษิต กับพี่คิริน ที่ประหลาดใจกับต้นเพราะเราเป็นเพื่อนกันมานานมาก แต่ตอนได้สัมภาษณ์ยังได้รู้อะไรที่ไม่เคยรู้อีกเยอะมาก อย่างเรื่องที่ต้นเล่นสกีเก่งนี่ก็ไม่เคยรู้เลย ส่วนพี่คิรินนี่ก็อย่างที่บอกไปเมื่อกี้ เห็นหน้าตาหล่อๆ นึกว่าจะเงียบๆ แถมเป็นคนอังกฤษ ก็นึกว่าจะมีความผู้ดี ไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าจะเป็นคนบ๊องขนาดนี้

 

46.52

มีอะไรคาดไม่ถึงอีกบ้างที่ได้ค้นพบตอนสัมภาษณ์

พี่ปอนด์ ใจดีทีวี ไม่ใช่คนที่แค่ตลกเฉยๆ แต่พี่เขาลึกซึ้งมากนะ มีมุมมองเกี่ยวกับชีวิตที่จริงจังอย่างคาดไม่ถึง ขัดแย้งกับภาพความตลกที่เราเห็นในยูทู้บ

 

พี่แคท แคทรียา อิงลิช ขี่มอเตอร์ไซค์! อันนี้ก็เพิ่งรู้ในรายการ ทั้งที่โบรู้จักพี่เขาค่อนข้างดี อันนี้ก็ช็อคเบาๆ

 

ฟิลลิปส์ เป็นอีกคนที่ตลกอย่างคาดไม่ถึง แล้วก็ชอบโคว้ตคำคมนักคิดนักเขียนคนดังอะไรยังงี้ (หัวเราะ) คือ เฮ้ย ทั้งหมดนี้คือท่องจำมาหรือยังไง น้องโคว้ตตลอด

 

และรู้สึกทึงที่ ฟ้าใส (นางงาม) เรียนเอก Kinesiology ด้วย

 

48.35

เอพิโสดไหนที่รู้สึกเปิดหูเปิดตามากที่สุด

โบว่าเรื่องของ โค้ชฟ้าใส ให้แรงบันดาลใจมากเลยนะคะ มันน่าทึ่งมากที่ได้ฟังว่าเขาสู้ชีวิตโดยลำพังได้ถึงขนาดนี้ มาตั้งแต่เด็กมากๆ

 

49.10

คำพูดอะไรของเกสต์คนไหนบ้างที่โบโปรดเป็นพิเศษ

อีพีแรกเลย ของพี่ณัฐ ศักดาทร “Follow your passion, not your calculation.”

 

และพี่มาเรียม “You have to live your life. The most important thing is that time doesn’t stop. The more time you spend grieving and moping, the less time you have to be happy.”

 

51.13

โบค้นพบอะไรเกี่ยวกับตัวเองบ้างจากการได้ทำพอดแคสต์

พบว่า สิ่งที่เคยไม่มั่นใจว่าจะทำได้ แต่มาวันนี้ เราทำได้จริงๆ ด้วย! (หัวเราะ)

 


 

Credits

 

The Host ภูมิชาย บุญสินสุข (โฮสต์รับเชิญ)

The Guest สาวิตรี สุทธิชานนท์ (เกสต์พิเศษ)

Show Creator ภูมิชาย บุญสินสุข

Episode Producers ภูมิชาย บุญสินสุข

อธิษฐาน กาญจนพงศ์

ปวริศา ตั้งตุลานนท์

Episode Editor ภูมิชาย บุญสินสุข

Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ

Coordinator & Admin อภิสิทธิ์​ หรรษาภิรมย์โชค

Art Director กริณ ลีราภิรมย์

Graphic Designer เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล

Photo อธิษฐาน กาญจนะพงศ์

Proofreader พรนภัส ชำนาญค้า

Music Westonemusic.com

  • LOADING...

READ MORE

MOST POPULAR



Close Advertising
X
Close Advertising