×

แคทรียา อิงลิช คุยเรื่องความเป็นสาวแว้น เรื่องรายการ คิดดี้แคท เมื่อ 23 ปีที่แล้ว และเรื่องความน้ำเน่าของละครไทย!

20.09.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

Time index

00.10 Introduction

02.15 We need to talk about ‘The bruises’

06.47 We need to talk about ‘The motorbike’

13.53 We need to talk about ‘The 90s’

17.37 We need to talk about ‘Kiddy Kat’

34.33 We need to talk about ‘The Blacklist’

43.33 What’s Your Take On (ละครไทยน้ำเน่าจริงไหม)

48.48 What If (มีเงินร้อยล้าน จะเอาไปใช้อย่างไร)

     รู้ไหมว่าความฟกช้ำในวันที่แคทรียามาอัด วนทท. พอดแคสต์อีพีนี้ เกิดจากอะไร… อยากรู้ไหมว่าพี่แคทรู้สึกอย่างไรกับละครไทยในปัจจุบัน… และจำประเด็นดราม่าแคทรียากับกองทัพนักข่าวได้หรือเปล่า เรื่องราวที่แท้จริงเป็นอย่างไร ล้อมวงเข้ามาซีคะเด็กๆ เดี๋ยวพี่แคทจะเล่าให้ฟัง… คิดดี่ คิดดี่ แคท แคท…

 

00.09

     สวัสดีค่ะ โบ สาวิตรี นะคะ This is WE NEED TO TALK Podcast พอดแคสต์ทอล์กโชว์ภาษาอังกฤษ สำหรับคนไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษค่ะ

     Hi, you guys. Welcome to our show! Thank you so much for listening.

 

     ตามธรรมเนียมของ WE NEED TO TALK โบจะชวนเกสต์ของเราคุย 3 ประเด็น ถ้าเป็นพี่แคทเนี่ย โบว่าเรื่องแรกที่ต้องชวนคุยด่วนมากที่สุด คือเรื่องความเป็นสาวนักบิด ทำไมโบต้องรีบชวนคุยเรื่องนี้ถึงขนาดนั้น เดี๋ยวคุณผู้ฟังก็จะได้ทราบค่ะ

     เรื่องที่สอง โบอยากชวนพี่แคทเดินทางย้อนเวลาไปหาช่วงที่คุณผู้ฟังหลายคนต้องอินไปด้วยสุดๆ นั่นคือยุค Nineties! ช่วงนั้นมีอะไรที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะในวงการบันเทิงบ้านเรา ใครจำรายการ Kiddy Kat ได้บ้างคะ โอ้ย ดังมากกกก พี่แคทของเราในช่วงนั้นก็ดังมากๆ มีอะไรในยุค 90s ที่พี่แคทประทับใจบ้าง เดี๋ยวโบจะถามให้นะคะ

     และเรื่องสุดท้าย ในฐานะคนบันเทิงที่อยู่ในวงการมานาน พี่แคทเป็นคนหนึ่งที่ ไม่เคยมีข่าวเสียหายเลย เขาดูแลตัวเองอย่างไร ให้ยังมีความเป็นส่วนตัวในชีวิตได้

     ในขณะที่ต้องเป็นคนของประชาชนอยู่ด้วย เรื่องนี้โบจะชวนคุยละเอียดๆ เลยค่ะ รอฟังนะคะ

     เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ได้เวลาเปลี่ยนโหมดเป็นภาษาอังกฤษกันแล้ว พร้อมหรือยังคะ

     Ladies and gentlemen, it would be my pleasure to introduce our guest for this episode of WE NEED TO TALK PODCAST. She acts, she sings, she dances. She is so sweet, and she is so strong.

     Let’s meet her now…

     พี่แคท แคทรียา อิงลิช ค่ะ

 


 

02.15

ก่อนอื่นต้องบอกคุณผู้ฟังก่อนว่า โบรู้สึกขอบคุณแค่ไหนที่พี่แคทอุตส่าห์เดินขึ้นตึกของเรามาที่สตูดิโอพอดแคสต์ชั้น 4 ทั้งๆ ที่มีรอยฟกช้ำเต็มตัว เกิดอะไรขึ้นคะพี่

     อาจมีคนไม่เยอะที่รู้ว่าพี่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์ เมื่อสัปดาห์ก่อนมีอุบัติเหตุเล็กน้อย เพราะฝนตก ถนนลื่น เลยล้ม ข้อศอกถลอก แต่หลังจากนั้นสองสามวัน บนถนนเส้นที่ใช้ประจำจู่ๆ ก็มีด่านงอกขึ้นมาซะงั้น คือพี่ขี่ตามรถคันหนึ่ง แล้วแซง พอแซงปุ๊บ ชนกรวยปั๊บ ล้ม คราวนี้ซี่โครงร้าวเลยค่ะ กระดูกสะโพกกับหัวเข่าก็ช้ำไปด้วย แถมข้อศอกถลอกตรงที่เดิมเลย ซ้ำเข้าไปอีก วันนี้อย่าให้หัวเราะมากนะคะ เจ็บซี่โครง (หัวเราะ)

     ความจริงไม่เจ็บมากอย่างที่คิดนะคะ ตอนล้มนี่คือขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านก่อน ไปเอารถ แล้วขับมาโรงพยาบาล เขาจับเอกซเรย์แล้วบอกว่า ซี่โครงร้าว พี่ก็ อ้อ มิน่าล่ะถึงเจ็บๆ (หัวเราะ) ตอนกลับไปถึงบ้านยังไม่ได้มาโรงพยาบาลทันทีด้วยนะ เพราะคิดว่าแค่ถลอก แต่พอเริ่มเจ็บหน้าอกก็เลยแวะไปตรวจซักหน่อยดีกว่า

     เขาให้มอร์ฟีน พี่ก็หลับไปสามชั่วโมง ตื่นมาก็บอกเขาว่า โอเค พร้อมจะกลับบ้านแล้ว เขาก็บอกว่า ยังๆๆ มอร์ฟีนมันออกฤทธิ์แปดชั่วโมงค่ะคุณ พี่ก็ ไม่เป็นไรนะคะ โอเคแล้ว… คร่อกกกก… หลับไปทั้งๆ ที่ยังคุยกับเขาอยู่เลยอะ

 

06.48

ทำไมชอบขี่มอเตอร์ไซค์คะ

     ชอบมาตั้งแต่วัยรุ่นแล้วค่ะ แต่แม่ไม่ยอมเลย กลัวล้มแล้วเจ็บตัว เสียโฉม สารพัดจะห่วง แต่มาวันนี้พี่ก็ไม่มีอะไรจะเสียละ ขอสนุกกับชีวิตหน่อย เราโตแล้ว มีความรับผิดชอบพอสมควร ก็เลยตัดสินใจขี่มอเตอร์ไซค์ ซึ่งสะดวกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพการจราจรแบบทุกวันนี้ ไปไหนมาไหนก็ง่าย และถ้าพี่บอกว่าสิบห้านาทีถึง สิบห้านาทีพี่ก็ถึงจริงๆ ถ้าขับรถน่ะเหรอ สามชั่วโมง ไปกองถ่ายเนี่ยพี่ถึงตรงเวลานะ คนอื่นเลตกันสองสามชั่วโมง บอกว่ารถติด ไม่ต้องบอก พี่เพิ่งซอกแซกผ่านรถติดนั่นมาเหมือนกัน

     คนที่ไม่ขี่มอเตอร์ไซค์จะรู้สึกทันทีว่ามันอันตราย ก็จริงค่ะถ้าไม่ระมัดระวัง ถ้าขับขี่อย่างไม่รับผิดชอบ อย่างพี่นี่ก็ขี่ช้านะ เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีอะไรพุ่งออกมาจากซอยเมื่อไร และระวังตัวเองไม่พอ ต้องระวังคนอื่นด้วย เช่น รถบางคันที่ไม่ให้สัญญาณไฟเลี้ยว อะไรอย่างนี้ อันตรายมากนะ ตอนพี่ขี่มอเตอร์ไซค์ก็ให้สัญญาณไฟตลอด เพราะพี่อยากให้คนข้างหลัง หรือแม้แต่รถที่สวนมาข้างหน้าเขาเห็นว่าพี่กำลังจะทำอะไร พี่ไม่อยากโดยเสยท้าย เพราะฉะนั้น ใช้ไฟเลี้ยวกันด้วยนะคะทุกคน จำเป็นนะ

 

09.53

สมัยเด็กๆ เวลาจักรยานเราล้ม เราจะแหยงมันไปพักใหญ่ๆ ไม่กล้าขี่ไปอีกนาน ของพี่แคทเป็นแบบนั้นไหมคะ

     ไม่เลยค่ะ อยากกลับไปขี่แล้ว (หัวเราะ) เหตุผลเดียวที่ยังไม่กลับไปขี่คือไม่อยากให้ซี่โครงที่ร้าวอยู่แล้วกลายเป็นซี่โครงหัก นี่ถ้าแค่ช้ำๆ เฉยๆ นะ กลับไปขี่แล้วป่านนี้ ตอนนี้ก็เลยต้องขับรถไปก่อน กลับไปรถติดเหมือนเดิม

     คนชอบนึกว่าพี่ขี่บิ๊กไบค์ ไม่เลย พี่ขี่สกูตเตอร์ เพราะมันขี่ง่ายกว่ากันมาก ขี่บิ๊กไบค์ไหนจะต้องบีบคลัตช์ เปลี่ยนเกียร์ ทั้งหนัก ทั้งใหญ่ คือพี่ขี่ได้นะ แต่มันไม่สะดวกเลยตอนรถติด สกูตเตอร์นี่ใต้เบาะเก็บของได้ด้วยนะ เวลาไปถ่ายละครนี่ใส่บท ใส่เสื้อผ้าหรือรองเท้า แถมมีตะขอหน้าด้วย ห้อยกาแฟได้สบายเลย (หัวเราะ)

 

12.04

ช่วงนี้มารำลึกอดีตกันหน่อยค่ะ พี่แคทนี่ก็ราชินีไนน์ตีส์คนหนึ่ง

     รักยุค 80s 90s มาก งานแรกของพี่คือเป็นตัวประกอบเอ็มวีพี่เจ กองไว้ ตอนนั้นยังจัดฟันอยู่เลย แต่โผล่มาแค่เสี้ยววินาทีเองนะ หลังจากนั้นก็มีงานโฆษณา หลังจากนั้นก็เล่นหนังเรื่องแรก อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป ภาคแรก ตอนนั้นดาราหน้าใหม่แจ้งเกิดเพียบ แอน ทองประสม, ต่าย-สายธาร, สายฟ้า เศรษฐบุตร, แนน-ปรางค์วลัย, บอยสเก๊าท์ (นี่คือตัวท็อปของไนน์ตี้ส์นะคะ!) มีอีกหลายคนที่ไม่ได้เล่นหนังเรื่องนี้ ธัญญ่า-ธัญญาเรศ รามณรงค์, คลาวเดีย จักรพันธุ์, อั๊ต-อัษฎา, โมทย์-ปราโมทย์ แสงศร โมทย์นี่เล่นคู่กันในละครเรื่องแรกของพี่ คุณหญิงจอมแก่น

 

13.53

อะไรคือความทรงจำที่แจ่มชัดที่สุดจากยุคนั้นคะ

     มันเยอะ เลือกแค่หนึ่งอย่างไม่ได้เลย ช่วงนั้นเพิ่งเข้าวงการ มีอะไรเกิดขึ้นมากมายเต็มไปหมด

 

พี่แคททำมาหมดแล้ว นักแสดง นางแบบ พิธีกร นักร้อง นักเต้น

     ทำมาหมดทุกอย่างแล้วจริงๆ ยกเว้นกำกับและอำนวยการสร้าง (อยากทำไหมคะ) กำกับคงไม่นะคะ แต่เคยคิดอยากเป็นโค้ชการแสดงในกองถ่ายละครนะ เพราะเราเห็นอะไรหลายอย่างที่คิดว่า ดีได้กว่านี้นะ ดาราสมัยนี้เข้าวงการกันมาง่าย คุณภาพลดลงไปเยอะ นักแสดงหลายคนแค่ท่องจำบทมาพูด จบ ไม่มีอารมณ์ ไม่เห็นคาแรกเตอร์ บางทีพี่เห็นแล้วคันปากอยากพูก แต่ก็ต้องบอกตัวเองว่า มันไม่ใช่กงการอะไรของเรา แต่การกำกับมันมากกว่านั้น ไม่ใช่แค่เรื่องการแสดง แต่ต้องดูภาพรวมด้วย แล้วภาษาไทยของเราก็ไม่เพอร์เฟกต์ พี่ต้องใช้เวลาอ่านบทนานมาก เพราะยังอ่านภาษาไทยได้ช้า ถ้าจะกำกับต้องทำการบ้านหนักมาก อำนวยการสร้าง ไม่แน่ค่ะ แต่ก็เหมือนกันคือ การบ้านเยอะ เตรียมตัวเยอะ พี่ล่ะนับถือคนทำงานนี้จริงๆ เพราะงานมันละเอียดและหยุมหยิมมาก แต่พวกเขารู้หมดว่าอะไรต้องเป็นยังไง

 

จากทั้งหมดที่เคยทำมา ชอบอะไรที่สุดคะ

     การแสดงกับร้องเพลงค่ะ สองอย่างนี้ชอบพอๆ กัน งานแสดงนี่พี่พยายามหาอะไรที่เราไม่เคยทำมาก่อนเหมือนกันนะ อยากได้ความท้าทายมาขัดเกลาฝีมือของเรา อย่างบทร้ายๆ จิตๆ นี่อยากมาก ร้องเพลงกับเต้นรำก็ชอบ แต่งานพิธีกรนี่ไม่ค่อยนะ

 

17.37

พูดถึงงานพิธีกร สิ่งหนึ่งที่คนจะจำพี่แคทได้มากที่สุดคือจากรายการเด็ก คิดดี้แคท ยังร้องเพลงประจำรายการได้อยู่เลย โบเป็นแฟนตัวจริงเลยนะ

     มีคนมาบอกกับพี่อย่างนี้เยอะมาก เพราะพวกเขาโตมากับเรา ตอนนั้นพี่สิบหก ตอนนี้สี่สิบกว่าแล้ว เด็กๆ ที่มาร่วมรายการนี่คือ สาม สี่ ห้าขวบ ตอนนี้โตกันหมดแล้ว ถ้าเจอก็เข้ามาทักว่า หนูไปรายการพี่ตอนหนูอยู่อนุบาล โอย ตายแล้ว

     มีอยู่ทีหนึ่ง ไปให้สัมภาษณ์นิตยสาร น้องผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาบอกว่าตอนหนูสี่ขวบหนูไปรายการ คิดดี้แคท แล้วเอารูปที่เคยถ่ายคู่กันมาให้ดูด้วย ในรูปเขาใส่เสื้อสีเหลือง วันนั้นเขาก็เลยใส่เสื้อสีเหลืองมาเหมือนกัน เพื่อมาถ่ายรูปกับพี่อีกครั้ง

     รายการแบบนี้มีไม่ค่อยเยอะแล้วนะ น่าเสียดายจัง ในรายการสมัยนั้นเราร้องเพลง เราเต้นรำกัน ครอบครัวมาเล่นเกมด้วยกัน ได้สนุกด้วย ได้ความรู้ด้วย

 

ตอนรู้ว่าต้องเป็นพิธีกรรายการเด็ก กังวลหรือตื่นเต้นมากกว่ากัน พี่แคทรักเด็กอยู่แล้วหรือเปล่าคะ

     รักเด็กค่ะ เรื่องเด็กไม่ห่วง ห่วงตรงการต้องเป็นพิธีกรมากกว่า เพราะพี่เป็นประเภทไม่มีบทจะพูดไม่ออก ไหลไม่เก่ง แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไม่เก่ง ถึงไม่ค่อยรับงานพิธีกร เราไม่ถนัด แต่เรามีพี่เสือกับพี่กระต่ายและลุงต้นไม้ (หัวเราะ) พอมีลูกคู่คอยช่วยก็ไหวอยู่ค่ะ

     การจัดรายการกับเด็กๆ นี่ดีนะ แต่ปวดหัวนิดหน่อยตอนเริ่มซนกัน เด็กน่ะ อยู่ไม่สุข นิ่งไม่ได้นานก็ต้องลุกขึ้นวิ่งแล้ว เหนื่อย แต่ก็สนุก

 

อะไรคือสิ่งที่ชอบที่สุดในการทำงานกับเด็กคะ

     ซื่อใส ตรงไปตรงมา คิดอะไรพูดอย่างนั้น พูดออกมาหมด อ่านง่าย เข้าใจง่าย

 

ถ้าเด็กๆ ในตอนนั้นได้ฟังอยู่ตอนนี้ อยากบอกอะไรพวกเขาบ้างคะ

     พี่ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำที่ดีของน้องๆ นะ ป่านนี้คงโตกันหมดแล้ว บางคนมีลูกแล้วด้วยซ้ำ และถ้ายังติดตามกันอยู่ก็ขอบคุณมากๆ ด้วยนะคะ

 

24.04

มาคุยเรื่องชีวิตส่วนตัวของ แคทรียา อิงลิช กันดีกว่าค่ะ พี่แคทมีงานอย่างต่อเนื่อง เราไม่เคยเห็นพี่แคทหายไปไหนเลย พี่แคทอยู่ในสายตาของเราตลอด แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ไม่ได้รู้เรื่องพี่แคทเยอะขนาดนั้น โดยเฉพาะยุคนี้ที่โซเชียลมีเดียจะบอกทุกอย่างเราทั้งหมด

     มันเยอะไปนะ บ้าคลั่งอะ พี่เป็นคนมีความเป็นส่วนตัว ยังต้องการพื้นที่ส่วนตัวเอาไว้หลบความบ้าคลั่งของวงการบันเทิงบ้าง และคนก็จะอยากรู้อยากเห็นเรื่องของเราไปเสียหมด ทำอะไรน่ะ ใส่ชุดอะไรน่ะ คบกับใครอยู่น่ะ กินอะไรอยู่น่ะ พี่ว่าพี่ก็ไม่ต้องบอกทุกคนตลอดเวลาว่าเราทำอะไรอยู่ใช่ไหม เพิ่งตื่นนะ กินข้าวอยู่นะ ไปห้องน้ำก่อนนะ ไม่ต้อง อย่างตอนเริ่มเล่นอินสตาแกรมใหม่ๆ นี่ก็ตั้งเป็นไพรเวตนะ แต่มาคิดอีกที แล้วจะมีไอจีไว้ทำไม ทำใจอยู่พักใหญ่ ก็เปิดเป็นพับลิก แล้วพี่ก็พบว่า เราควบคุมมันได้นะ มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น คือพี่ก็ไม่ใช่ว่าจะกลัวกับการเปิดขนาดนั้น เราแค่มีบางส่วนของชีวิตที่อยากเก็บไว้เป็นของตัวเอง ไม่แบ่งให้ใคร เพราะเราไม่อยากให้ใครมาบงการชีวิตของเรา เราไม่อยากเป็นเหยื่อของสังคม เรามีชีวิตนี้ชีวิตเดียว เราอยากใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากใช้ และเราเคารพในความเป็นส่วนตัวของคนอื่น แล้วก็หวังว่าคนอื่นจะเคารพในความเป็นส่วนตัวของเราด้วย

     กลับมาที่เรื่องอินสตาแกรม เมื่อก่อนเคยโพสต์รูปทุกวัน แต่นั่นไม่ใช่ตัวพี่ ไม่ได้เป็นคนชอบอะไรแบบนั้น ทีนี้พอเริ่มไม่ค่อยโพสต์ แฟนๆ ก็เริ่มถามว่า เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรหรือเปล่า เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไรเล้ย ที่ไม่ได้โพสต์ก็แค่ไม่อยากโพสต์เฉยๆ ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ แต่ตอนนี้เขาชินแล้วนะ เพราะรู้แล้วว่า ถ้าเราอยากโพสต์ เราก็จะโพสต์ ถ้าเรามีอะไรอยากพูด เราก็จะพูด และถ้าไม่มีอะไรอยากบอก เราก็จะอยู่เฉยๆ เพราะบางทีเราก็อยากอยู่นิ่งๆ อะ พี่เป็นคนอย่างนั้น พี่ว่าพี่เป็นอินโทรเวิร์ต ไม่สังคมเยอะ เพื่อนก็ไม่เยอะ เพราะสบายตัวสบายใจดีกับเพื่อนที่คบกันมานานแล้ว คือเราก็คบหาเพื่อนใหม่ๆ นะ เพื่อนร่วมงาน เพื่อนที่กองถ่าย เราก็เข้ากับเขาได้ง่ายดี ไม่มีปัญหา แต่ไม่ใช่ทุกคนจะรู้ว่าที่จริงพี่เป็นคนยังไง เพราะยังมีบางแง่มุมที่เราไม่ใช่จะเปิดกับใครก็ได้

 

26.02

 

“You can control it. It’s not necessarily scary. I’m not saying that I’m scared of opening up, but it’s the part of me that I know belongs to me, not anybody else. And I don’t want people to control my life, because it’s my life. I don’t want to be a victim of the society. I have one life, just like everybody else, and I want to live it the way I want to live it. I respect people’s privacy and I hope people respect mine.”

 

27.37

 

“I was posing stuff (on InStagram) everyday. But that’s not me. I don’t feed off of that. So once I started to slow down and I started disappearing for like a week or so, my fans would be like, are you okay? What happened? What’s wrong? I’m still here! There’s nothing wrong with me! I just don’t post anything because I don’t feel like it.”

 

29.37

     ที่ตลกอันหนึ่งคือ เวลาได้รู้จักคนใหม่ๆ อย่างเช่นในกองละครที่กำลังถ่ายทำตอนนี้ ระบำมาร ทางช่องเจ็ด นักแสดงส่วนใหญ่พี่ยังไม่เคยทำงานด้วย ตอง-ภัครมัย รู้จัก แต่ วีรภาพ, น้องเปรี้ยว -ทัศนียา, น้องแบงค์-อาทิตย์ ไม่เคยเจอพี่มาก่อน ทีนี้วันฟิตติ้ง เราก็ได้ยินละ ทุกคนกำลังคุยกันหัวเราะกันสนุกสนาน แต่พอพี่เดินเข้าไปถึงปั๊บ เงียบสนิท พี่ก็ เอ่อ ทำไมเหรอ ทุกคน ปรากฏว่าเขากลัวพี่กัน! พอหลังๆ เริ่มรู้จักกัน เริ่มคุยกัน วี-วีรภาพ เข้ามาบอกว่า พี่แคท ขอบคุณนะครับ พี่ก็ เรื่องอะไร วีบอก ขอบคุณที่คุยกับผม พี่ก็ หา อะไรนะ วีบอก ผมกลัวพี่มากกก พี่หน้าดุมากกก ไม่จริง ไม่ใช่ เราไม่ดุเลย แต่นั่นคือสิ่งที่ทุกคนพูดตรงกันหมดก่อนที่เขาจะได้รู้จักพี่จริงๆ คือ พี่แคทหน้าดุมาก แต่หน้าพี่เป็นงี้เองไง ไม่ได้ทำอะไรเล้ย (จะให้เดินยิ้มไปรอบๆ ทั้งวันก็ไม่ใช่หรือเปล่า) ไม่ใช่นางงามไง

 

32.05

เราไม่ค่อยได้ยินว่ามีใครเกลียดพี่แคทเนอะ

     มีนะ มี โชคดีที่ไม่เยอะหรอก แต่มีแหละ คือเวลาคนไม่รู้จักเรา แล้วไปฟังเรื่องเรา จากคนที่ก็ไม่รู้จักเราอีกเหมือนกัน หรือ คนที่บังเอิญมาเจอเราแบบผิดจังหวะอะ คือพี่เป็นคนนะคะ พี่มีหลากหลายอารมณ์ บางทีพี่ก็โกรธ บางทีพี่ก็หัวเสีย มีเครียด มีเศร้า มีหงุดหงิด เหมือนมนุษย์ทุกคนบนโลกนั่นเอง แต่ไม่มีใครได้เห็นพี่ยี่สิบสี่ชั่วโมง และทุกวัน แล้วพอบังเอิญได้มาเห็นจังหวะไม่ดีของเรา จบเลย เอาไปพูดแล้ว โห วันก่อนเจอพี่แคท กำลังเหวี่ยงเลย เดี๋ยวก่อน นั่นคือแค่เศษเสี้ยวของเราเท่านั้น แต่เอาไปสรุปแล้วบอกต่อแล้วเรียบร้อย
โดนหาว่าเรื่องมากตอนทำงานด้วยนะคะ อะไรกัน พี่นี่ทำงานด้วยง่ายที่สุดแล้วนา แต่พี่ยอมรับว่าพี่เป็นคนลงรายละเอียด พี่ชอบตั้งคำถาม เพราะพี่อยากรู้ให้ชัดว่าพี่ต้องทำอะไรอย่างไร มันเป็นความรับผิดชอบของเราไง อย่างในงานแสดง พี่ก็จะซักเรื่องตัวละคร ว่า ทำไมพี่ต้องทำอย่างนี้ล่ะคะ ทำไมเรื่องมันเป็นแบบนี้ แล้วทำไมตัวละครตัวนี้ต้องทำอย่างนี้ ไม่ได้ถามเพราะจะไม่ทำ แต่อยากเข้าใจ ลึกลงไปในตัวละครตัวนั้น เพราะเราต้องเป็นตัวละครตัวนั้น

 

34.33

พี่แคทอยู่ในวงการมา 27 ปี ข่าวเสียหายนี่ไม่มีเลยนะคะ

     มีหนหนึ่งนะ แต่มันเป็นความเข้าใจผิด ตอนนั้นนักข่าวขึ้นบัญชีดำพี่เลยนะ เรื่องเกิดจากคอนเสิร์ตการกุศลหนหนึ่งที่ต้องขึ้นเวทีกับพี่มอส แถลงข่าวกลางสยาม ซึ่งร้อนมาก วันนั้นมีสามงาน และงานที่สามคือสด เลตไม่ได้เลย แต่งานหนึ่งนี่เลตมาแล้วนะ พี่เลยถามทีมว่า เดี๋ยวลงเวทีมาต้องสัมภาษณ์กับสื่อต่อไหม เขาก็บอกว่า ไม่ต้องๆ ไปได้เลย แต่พอถึงเวลาจริง ทีมมาบอกอีก พี่แคท สื่ออยากคุยด้วย พี่ก็ถามว่านานไหม เพราะต้องรีบไปจริงๆ นะ เขาตอบว่า ไม่นานๆ สิบนาทีเสร็จ โอเค งั้นเดี๋ยวขอซับหน้าแป๊บ แล้วจะตามละไป พี่มอสลงไปก่อนแล้ว แล้วพอพี่ตามไปถึง ก็ไปยืนอยู่เฉยๆ ประมาณ 20 นาที ผู้ช่วยพี่ก็เร่งว่า ต้องไปแล้วนะ แต่เขาก็ยังไม่สัมภาษณ์เราเสียที พี่เลยบอกทีมงานว่าต้องไปแล้วนะ เขาก็บอก โอเค เดี๋ยวบอกนักข่าวให้ พี่ก็ออกมา ไปงานที่สอง แล้วก็ไปงานที่สาม แล้วตอนนั้นแกรมมี่ก็โทรเข้ามา ถามว่า นี่ไปทำอะไรเอาไว้ พี่ก็ หนูทำอะไรไว้เหรอ เขาก็บอกว่า ตอนนี้นักข่าวเขาแบนแคทกันหมดแล้วนะ พี่ก็ถามว่า ทำไม เขาบอกพี่พูดว่าจะไม่ให้สัมภาษณ์ พี่ก็บอกว่า ไม่เคยพูดอย่างนั้นเลย เราไปยืนรออยู่ตั้งนานไม่มีใครถามอะไรสักคำ แล้วพอถึงเวลาต้องไป เราก็ต้องไปไง เพราะฉะนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของเรานะ แต่นี่กลายเป็นว่า แคทพูดว่า จะไม่ให้สัมภาษณ์

     อยู่มา 27 ปีพี่ไม่เคยพูดสักครั้งว่าจะไม่ให้สัมภาษณ์ ถ้าไม่มีเวลา พี่จะบอกว่า ขอโทษทีนะคะ คราวนี้ไม่มีเวลาคุยด้วยจริงๆ หนหน้าถ้าได้เจอ เราคุยกันนะ เราเสียใจนะที่คนเข้าใจเราแบบนี้ โดยเฉพาะนักข่าวที่รู้จักเรามาตั้งนาน เขารู้นี่ว่าพี่เป็นคนยังไง ทำไมเขาคิดกับเราไปได้ขนาดนั้น

     เคยไปงานแต่งงาน แล้วเจอนักข่าวถามว่า “กล้ามาด้วยเหรอ” พี่ก็ เดี๋ยวนะคะ ทำไมถามอย่างนั้น เขาบอกว่า ทำตัวอย่างนั้นแล้วยังจะกล้ามาเจอหน้ากันอีกเหรอ ขอโทษก็ไม่เคย พี่ก็ถามว่าให้ขอโทษเรื่องอะไร พี่ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ขอโทษแทนคนที่ทำให้เข้าใจผิดก็แล้วกัน

     แล้วพอได้เคลียร์กันจริงๆ ตรงนั้น ทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ ทุกวันนี้ยังเจอกัน ยังคุยกัน ยังให้สัมภาษณ์ตามปกติ ไม่มีอะไรผิดใจกันแล้ว

 

40.20

สังคมเราจะใส่ความกดดันให้กับผู้หญิงเป็นพิเศษอยู่อย่าง มีแฟนหรือยัง ทำไมยังไม่มีแฟน พี่แคทมีคำแนะนำสำหรับคนที่ต้องรับมือคำถามแบบนี้อยู่เรื่อยๆ ไหมคะ

     อย่าตกเป็นเหยื่อของสังคม ทุกอย่างเราเลือกเอง อยากมีแฟนก็มี ไม่อยากก็ไม่ต้องมี มีเมื่อเราไม่พร้อม ไม่ใช่เมื่อสังคมต้องการให้เรามี ถ้าเรามีแล้วมีความสุข ก็มีไป ถ้ามีแล้วไม่ดีก็ไม่ต้องมี แล้วก็ไม่ใช่เรื่องของคนอื่นที่จะต้องมายุ่ง

     บางทีคนเราก็ฟังคนอื่นเยอะเกินไปนะ ความสัมพันธ์ที่ควรเป็นเรื่องของคนสองคนกลายเป็นเรื่องของสิบคน ร้อยคน ล้านคนไปแล้ว

 

43.33

ช่วงต่อไปชื่อ What’s Your Take On เลือกหนึ่งจากสามหัวข้อนี้มาถกกัน

  • Student uniform เราควรเลิกบังคับให้นักเรียนใส่เครื่องแบบหรือไม่
  • Thai lakorn ละครไทยน้ำเน่าจริงเหรอ
  • Cashless society สังคมไทยไร้เงินสด ดีไหม ชอบไหม

     ตอบตรงประเด็นไปเลยก็คือ ใช่ค่ะ ละครไทยน้ำเน่าจริง (หัวเราะ) เพราะเรื่องมันไม่ไปไหนอะ มีพระเอก มีนางเอก มีตัวร้าย แล้วนางตัวร้ายก็จะพยายามมาขัดขวางความรักของพระเอกนางเอกทุกที แล้วก็ตบกัน แล้วก็เข้าใจผิดกัน ตัวยร้ายแพ้ พระเอกนางเอกได้กัน จบ

     แต่เอาจริงๆ มันก็เป็นสิ่งที่เจอกันได้จริงในชีวิตนี่แหละ ละครเลียนแบบชีวิต แล้วชีวิตก็เลียนแบบละครอีกที วนไป แต่ประเด็นคือ คนไทยเราช่างจินตนาการจะตาย ความสามารถก็มากมาย แต่ปรากฏว่าไม่ค่อยได้ใช้ มันน่าเสียดายนะ อย่างหนังไทยนี่เขาไปไกลแล้ว ไประดับนานาชาติแล้ว เพราะเขากล้าออกนอกกรอบ เราทำอย่างเดียวกันกับละครไทยได้ไหมนะ พอเราออกจากคอมฟอร์ตโซน เราจะเก่งขึ้นด้วยนะ เพราะเราต้องปรับตัวและพัฒนา

     พูดแล้วพูดอีกทีว่าพี่เสียดาย เพราะบุคลากรเก่งๆ เราเยอะ ทั้งโปรดิวเซอร์ คนเขียนบท ศิลปิน ที่ควรจะไปได้ไกล แต่ไม่มีโอกาส เพราะข้อจำกัดที่เราสร้างขึ้นเอง

 

47.07

 

“Thai movies have become international because they’ve taken risks and have done something outside the comfort zone. Why can’t we do that for Thai soaps and lakorns?…

 

47.47

 

“In a way, taking risks is also good for actors so we can get better with our art… There are so many great Thai producers, writers, artists that can go so far, but they’re not reaching their potential because of the limits here…”

 

48.48

ช่วงสุดท้ายของรายการคือ What If จับคำถามจากโหลแล้วตอบเลยค่ะ คำถามค่ะ “ถ้าให้เงินพี่แคทหนึ่งร้อยล้านบาทเดี๋ยวนี้ ไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย พี่แคทจะใช้เงินอย่างไรคะ”

     พี่จะซื้อเรือยอชต์ ซื้อโรงแรม ซื้อเครื่องบิน… ไม่หรอกค่ะ ถ้ามีร้อยล้านจริง พี่ก็คงยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมนี่ละ ไม่ซื้อล้างซื้อผลาญจนหมด เพราะใครจะไปรู้ว่าสักวันหนึ่งเราจะต้องการเงินขึ้นมาจริงๆ แต่ก็คงซื้อของให้ตัวเองบ้างแหละ (หัวเราะ) ให้ที่บ้าน ให้การกุศล แล้วก็ยังคงใช้จ่ายอย่างระมัดระวังต่อไป พี่ไม่คิดว่าร้อยล้านนี่ใช้ทั้งชาติไม่มีวันหมดหรอกนะ หมดสิ

 


 

Credits

 

The Host สาวิตรี สุทธิชานนท์

The Guest แคทรียา อิงลิช

 

Show Creator ภูมิชาย บุญสินสุข

Episode Producers ภูมิชาย บุญสินสุข

อธิษฐาน กาญจนพงศ์

ปวริศา ตั้งตุลานนท์

Episode Editor ภูมิชาย บุญสินสุข

Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ

Coordinator & Admin อภิสิทธิ์​ หรรษาภิรมย์โชค

Art Director กริณ ลีราภิรมย์

Graphic Designer เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล

Music Westonemusic.com

FYI

จ๊อบแรกของ แคทรียา อิงลิช คือเป็นตัวประกอบเอ็มวีตัวนี้ (โผล่มาหนึ่งวิ)

กองไว้ เจ-เจตริน

 

หนังเรื่องแรกของแคทรียา อิงลิช

อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป

 

ละครเรื่องแรกของแคทรียา อิงลิช

คุณหญิงจอมแก่น

 

พยายามหาคลิปรายการแต่หายากมาก เจอแต่เพลง

เพลงประจำรายการ Kiddy Kat

 

ฟอลโลว์และส่อง แคทรียา อิงลิช ตามอัธยาศัย

Katreeya English InStagram

 

ละครเรื่องล่าสุดของ แคทรียา อิงลิช

ระบำมาร

  • LOADING...

READ MORE

MOST POPULAR



Close Advertising
X
Close Advertising