×

ต้น ธนษิต คุยภาษาอังกฤษ เรื่องเบื้องหลังการประกวด AF และ ชีวิตนักเรียนนอกที่ไอดาโฮ สหรัฐอเมริกา

22.11.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

Time index

00.10 Introduction

02.18 ดนตรีและการประกวดร้องเพลง

18.34 ชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยนในอเมริกา

     ต้น ธนษิต พยายามออดิชันอยู่ถึง 3 ปีกว่าจะได้เข้าบ้าน AF และก่อนจะได้ตำแหน่งสุดยอดนักล่าฝันในซีซันที่ 8 แทบทุกการสัมภาษณ์ เรามักได้รับรู้แต่เรื่องราวเกี่ยวกับดนตรีและการร้องเพลงที่เขาหลงใหล แต่ในวันนี้ โบ สาวิตรี จะชวนคุยลึกลงไปในหลายๆ เรื่องที่ยังไม่เคยคุยที่ไหนเพื่อให้คุณได้รู้จักหนุ่มคนนี้มากขึ้น

 


 

02.18

การประกวด AF ผ่านไป 6 ปีแล้ว อะไรคือความทรงจำที่ ต้น ธนษิต โปรดปรานที่สุด

     แค่การมีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในบ้านนี่คือสิ่งที่เจ๋งมากแล้วนะ เพราะความจริงไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะได้ เราเป็นแฟนรายการนี้มานาน และคิดมาตลอดว่าขอแค่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ AF ก็ดีใจมากแล้ว ต้นเคยมาสมัครซีซัน 6 กับ 7 ด้วยนะ แต่ไม่ติด

 

03.23

เคยมาออดิชัน 2 ปี 2 ครั้ง แต่ไม่ติด หลายคนอาจถอดใจไปแล้ว อะไรทำให้ต้นยังพยายามอีกเป็นครั้งที่ 3

     ก็เกือบเลิกล้มความตั้งใจไปแล้วนะครับ สมัยสมัครซีซัน 6 กับ 7 เราพยายามมากนะ ถึงกับเดินทางไปสมัครตามจังหวัดต่างๆ คือบินไปออดิชันที่ขอนแก่นก่อน พอไม่ได้ก็กลับมาสมัครที่กรุงเทพฯ อีกรอบอะไรอย่างนี้ เหนื่อยนะ แต่สุดท้ายก็เลิก บอกพ่อแม่ว่าสงสัยไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้แล้วล่ะ เดี๋ยวไปลองอย่างอื่นดีกว่า

     แต่ทีนี้คือแม่เราไปเห็นเขารับสมัครซีซัน 8 ในทีวี แล้วเป็นคนมาบอกเราว่า AF มาอีกแล้ว แม่ว่าต้นน่าจะไปลองอีกทีนะ ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่อยากแล้วล่ะ อยากไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนแล้ว เพราะช่วงนั้นเพิ่งสอบเสร็จพอดี แต่ทีนี้น้องสาวต้นที่เป็นนักร้องเหมือนกันเนี่ยเขาอยากไป เราก็เลยไปกับน้อง แล้วคราวนี้น้องสาวไม่ติด แต่เราติด เราได้เข้าบ้าน

     และคราวนี้ต้องบอกว่าเป็นเพราะพี่ทาทา ยัง ที่เป็นหนึ่งในกรรมการ พอได้ฟังต้นร้องแล้วเขาบอกว่าชอบเรา ทั้งๆ ที่กรรมการคนอื่นไม่มีใครแน่ใจในตัวเราเลย แต่พี่ทาทาเห็นอะไรบางอย่างแล้วบอกให้ร้องต่อ ร้องอีก พี่ทาทาเลยแหละที่เป็นคนเปลี่ยนชีวิตเรา

 

06.33

ครั้งที่ 3 ทำอะไรที่ต่างไปจาก 2 ปีแรกหรือเปล่า ไปเรียนร้องเพลงเพิ่มไหม หรือเตรียมตัวแตกต่างจาก 2 ครั้งแรกอย่างไร

     น่าจะเป็นเพราะต้นเข้าชมรมดนตรีที่ธรรมศาสตร์ เลยได้ประสบการณ์ในการร้องและแสดงสด

 

07.19

ถ้าครั้งที่ 3 ยังไม่ได้ จะกลับมาเป็นครั้งที่ 4 หรือเปล่า

     น่าจะพอแล้วล่ะครับสำหรับ AF น่าจะไปลองรายการอื่น

 

08.49

อะไรคือสิ่งที่ ต้น ธนษิต ได้ต้นพบเกี่ยวกับตัวเองตอนอยู่ในบ้าน AF

     ต้นว่าคือการที่เราได้เอาชนะความกลัว ตอนนั้นจุดแข็งของเราคือเพลงสากล เพลงไทยนี่ไม่ค่อยถนัดเท่าไร แต่ทีนี้มีสัปดาห์หนึ่งที่เราต้องร้องเพลงในแนวที่เป็นจุดอ่อนของเรา เขาก็ให้หมอลำมาเป็นโจทย์เลยครับ เต้ยสาวจันทร์กั้งโกบ เลยครับ คือยากมาก ต้นก็ ตายแน่เรา คือมันยังงี้เลย (09.54 ร้องเป็นตัวอย่างหนึ่งท่อน) ยากมาก แต่พอได้ร้องจริงแล้วมันก็ออกมาดีอย่างนึกไม่ถึงนะ มันทำให้เราคิดได้ว่าเมื่อก่อนเราปิดกั้นตัวเองเกินไป เพราะเรามัวบอกตัวเองว่ามันยากมาก เราทำไม่ได้หรอก มีเวลาแค่สัปดาห์เดียวเนี่ยนะ ไม่มีทางเลย

     แต่พอเราบอกตัวเองว่า เอาวะ ก็ทำเต็มที่แล้วกัน กำแพงบางอย่างมันก็พังลงนะ นี่ไง เราต้องเปิดตัวเองและเราต้องสนุกกับมันให้ได้ เพราะที่สุดแล้วการร้องเพลงคือความบันเทิง เราให้ความสุขกับคนฟัง เราเองก็ต้องมีความสุขและสนุกกับมันด้วย มามัวเครียดทำไม เสียเวลา พอออกมาเราก็ว่ามันดีนะ เราทำได้ไม่เลวเลย

 

11.26

เคล็ดลับเกี่ยวกับการร้องเพลงหรือเกี่ยวกับการทำงานในวงการบันเทิงที่ได้มาจากบ้าน AF คืออะไร

     คือการพยายามเรียนรู้ความหมายของแต่ละเพลงที่เราร้อง เมื่อก่อนต้นเป็นนักร้องประเภทเน้นเทคนิคจนบางครั้งเราลืมพื้นฐานของเพลง นั่นคือการสื่อสารกับคนฟัง ลืมที่จะเข้าให้ถึงความหมายของเพลง แล้วไปตั้งใจกับเทคนิคการใช้เสียงมากกว่า ต้นได้เรียนรู้จากในบ้านนี่แหละว่าเราควรเข้าใจและพยายามสื่อความหมายของเพลงก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยเติมเรื่องเทคนิคหรือลูกเล่นทีหลัง ซึ่งมันควรจะมาอย่างเป็นธรรมชาติขณะที่เราร้องแล้วรู้สึกกับมันจริงๆ มากกว่า

 

ต้น ธนษิต ที่ The Standard

 

13.22

ตอนนี้มีการประกวดร้องเพลงในบ้านเราเยอะมาก ต้นมีคำแนะนำอะไรให้หลายคนที่กำลังคิดจะสมัครแข่งขันบ้าง

     ต้นอยากพูดรวมๆ ว่าสมัยนี้การจะกลายเป็นนักร้องเป็นเรื่องไม่ยากแล้ว แต่สิ่งที่ยังคงยากอยู่ทุกยุคทุกสมัยน่าจะเป็นการอยู่อย่างไรให้ได้นานต่างหาก

     สมัยก่อนการจะได้เป็นนักร้องมันดูห่างไกลจากตัวเรามาก แต่ยุคนี้วิธีเข้าไปในวงการมันเยอะมาก แต่ต้นอยากบอกว่าพอได้เป็นแล้วเราจะยืนอย่างไรให้ยาว ทุกวันนี้ต้นยังเรียนร้องเพลงอยู่เลยนะ เราอยู่กับที่ไม่ได้ ต้องพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ และเรื่องวินัยก็ต้องรักษาให้ดี ไม่ไปทำงานสาย อย่าให้คนอื่นต้องมารอเรา

     บางครั้งเวลาได้โจทย์ยากๆ มา เช่น เพลงพระราชนิพนธ์ ต้องทำการบ้านหนักๆ หรือล่าสุดต้องไปร้องเพลงภาษามาเลย์คู่กับนักร้องมาเลย์ ความรู้สึกคือถ้าเราพลาด มันไม่ได้อายแค่เรา แต่อายมาถึงประเทศไทยด้วย ยอมไม่ได้นะ ฟังและท่องเนื้ออยู่ 3 อาทิตย์

 

16.37

ยุคนี้มีหลายวิธีที่จะได้เป็นนักร้อง บางทีไม่จำเป็นต้องผ่านเวทีประกวดหรือเรียลิตี้โชว์เลยด้วยซ้ำ บางคนร้องเพลงลงยูทูบหรือโซเชียลมีเดียแล้วทั้งร้องดีและโปรโมตตัวเองเก่งก็ดังได้ ต้นคิดว่าวิธีเข้ามาเป็นนักร้องแบบนี้มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรบ้าง เทียบกับวิธีแบบที่พวกเราผ่านกันมา

     ต้นรู้จักนักร้องที่เป็นยูทูเบอร์นะครับ อย่างหนึ่งที่เป็นปัญหาสำหรับพวกเขาคือการสื่อสารและเชื่อมต่อกับคนฟัง โดยเฉพาะเวลาเล่นสด อย่างพวกเราชาว AF นี่ได้ขึ้นเวทีแสดงสดกันทุกสัปดาห์ใช่ไหม นักร้องยูทูเบอร์จะขาดประสบการณ์แบบนั้นเพราะเขาจะชินกับการร้องเพลงหน้ากล้อง ในห้อง หรือสตูดิโอมากกว่า พอได้เจอคนฟังสดๆ อาจจะมีประดักประเดิดบ้าง แต่เรื่องนี้ก็เรียนรู้และแก้ไขกันได้ครับ

 

ต้น ธนษิต ที่ The Standard

ต้น ธนษิต ที่ The Standard

 

18.34

ต้น ธนษิต เคยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ 1 ปีที่สหรัฐอเมริกา

     ที่จริงไม่ได้อยากไปอเมริกาด้วยซ้ำครับ อยากไปญี่ปุ่นมากกว่า อากาศก็ดี อาหารก็อร่อย วัฒนธรรมก็น่าสนใจ อเมริกาไม่ได้อยู่ในความคิดเลย ส่วนหนึ่งน่าจะเพราะคิดว่าเราพอพูดภาษาอังกฤษได้บ้างแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าไปญี่ปุ่นก็จะได้ภาษาที่สาม แต่ปรากฏว่าการแข่งขันมันสูงมาก เขาเอาปีละแค่ 4 คนจากเท่าไรไม่รู้ ซึ่งไม่น่าจะน้อยๆ แต่เราติด waiting list ที่จะได้ไปอเมริกา หรือประเทศอื่นๆ แม่ต้นอยากให้ไปอียิปต์! ซึ่งเราต้องบอกแม่ว่า แม่ๆ แม่ต้องแยกแยะระหว่างการไป ‘เที่ยวอียิปต์’ กับการไป ‘อาศัยอยู่ที่อียิปต์’ นะ เราไม่น่าจะอยากไปดูพีระมิดตลอดเวลา 1 ปีหรือเปล่า (หัวเราะ)

     และแล้วก็ถูกส่งไปอยู่ที่ บอยซี รัฐไอดาโฮ (Boise, Idaho) AFS เขาเลือกให้ เราเลือกเองไม่ได้นะครับ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้เลยว่าบอยซีคืออะไร ไอดาโฮอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ อย่างเดียวที่เคยได้ยินเกี่ยวกับไอดาโฮคือเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องมันฝรั่ง (หัวเราะ) จบ เราก็ไปทำการบ้านซะหน่อย โอ โชคยังดี บอยซีเป็นเมืองหลวงของไอดาโฮก็น่าจะมีความเจริญอย่างเมืองใช่ไหม ไม่ต้องเป็นชาวไร่ปลูกมัน (หัวเราะ) แต่เพื่อนต้นคนหนึ่งนี่ต้องออกล่าสัตว์เลยนะ (หัวเราะ) เราเนี่ยโชคดีแล้ว

 

22.07

ชีวิตประจำวันเป็นอย่างไรบ้างในบอยซี รัฐไอดาโฮ

     สนุกมากครับ หนึ่งปีกับ AFS เป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ดีที่สุดในชีวิต กิจวัตรประจำวันคือไปโรงเรียนนี่แหละ และวันแรกสุดความรู้สึกคือตื่นเต้นมาก และสิ่งที่กลัวที่สุดคือวิธีการเปิด-ปิดล็อกเกอร์ (หัวเราะ) เราคือเด็กไทยเนิร์ดๆ อ้วนๆ ที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองคนหนึ่ง แล้วมาเจอโรงเรียนใหญ่ยักษ์นักเรียน 3,000 คน ที่มีเด็กเอเชียน่าจะแค่ 3 คน และเราก็เป็นหนึ่งในนั้น เดินไปไหนใครก็มองเหมือนเป็นตัวประหลาด แล้วยังต้องมาเจอล็อกเกอร์ที่แบบ เปิดยังไงวะ… เปิดยังไงวะ! คือมีคนเคยสอนแล้วล่ะครับ แต่เราลืม แล้วก็ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้นสัก 5 นาทีได้มั้ง จนมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งมาถามว่า ให้ฉันช่วยไหมเธอ เราก็ได้โปรดเถอะ ช่วยเราด้วย (หัวเราะ)

     เพื่อนที่นั่นดีนะครับ ไม่มีใครแกล้งเรา โชคดีมาก ตอนนั้นเราเตี้ยมาก เพื่อนๆ ก็จะแบบ เธอนี่ตัวเล็กน่าเอ็นดูดีนะ

 

24.19

ได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างที่โรงเรียน

     เข้าวงประสานเสียงครับ นั่นเป็นจุดเปลี่ยนเลยนะ เพราะทำให้เราค้นพบตัวเองและได้รู้ตัวว่าเราอยากร้องเพลง ก่อนหน้านั้นความอยากเป็นนักร้องไม่ได้อยู่ในหัวเลย อยากเป็นหมอ… นี่ถ้าเพื่อนได้ฟังอยู่คงขำกลิ้ง (หัวเราะ) ตอนนั้นคือต้องลงวิชาเลือกไง เหลือว่างอยู่หนึ่งวิชา อ๊ะ มีร้องประสานเสียงด้วย เลยเลือก

 

25.54

ตลอดหนึ่งปีในไอดาโฮ อะไรคือประสบการณ์ที่ดีที่สุดและแย่ที่สุด

     เริ่มจากที่แย่ที่สุดก่อนนะครับ นั่นคือการต้องเปลี่ยนโฮสต์แฟมิลี่ เหตุผลคือเพราะบ้านนี้เขาสูบบุหรี่และสูบตลอดเวลา คือตื่นมาก็จุดบุหรี่สูบเลย แล้วก็สูบในบ้านด้วย ไอ้จะไปบอกให้เขาออกไปสูบนอกบ้านก็ไม่ใช่ที่ เพราะนี่มันบ้านเขาไง (หัวเราะ) แต่นอกจากนี้เขาก็ดีทุกอย่างนะครับ แต่เราก็ไม่ไหวจริงๆ เลยตัดสินใจขอเปลี่ยนบ้าน ซึ่งเสียดายนะ เอาจริงๆ บ้านหลังเบ้อเริ่มเลย มีสระว่ายน้ำด้วย (หัวเราะ) แต่ต้องแลกเพื่อสุขภาพ

     ส่วนความทรงจำที่ดีที่สุด โดยรวมๆ แล้วคงเป็นทุกอย่างที่มีส่วนสร้างให้เรากลายเป็นคนแบบทุกวันนี้ เป็นคนมั่นใจ เป็นคนเข้มแข็ง ก่อนไปอเมริกาเราเป็นเด็กเงียบๆ ที่ไม่ทำอะไรเลย แต่พอไปอยู่ที่โน่นเราต้องปรับ เด็กอเมริกันเนี่ยรู้สึกอะไรเขาจะกล้าแสดงออก คิดอะไรเขาจะกล้าพูดออกมา ต้นว่าต้นได้อะไรพวกนี้กลับมาหมดเลยนะ และมันเปลี่ยนเราไปเลยอย่างสิ้นเชิง

 

ต้น ธนษิต ที่ The Standard

 

30.52

ถ้าในชีวิตนี้ได้ทุกอย่างที่เคยอยากได้แล้ว ได้ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของอาชีพนักร้องแล้ว อะไรจะเป็นความฝันถัดไปของ ต้น ธนษิต

     เดินทางรอบโลกครับ มีที่ที่อยากไปเยอะมาก อยากไปดูแสงเหนือ

 

31.27

ถ้าชีวิตนี้ไม่ต้องการเงินอีกต่อไปแล้ว นอกจากร้องเพลง แต่ละวันของ ต้น ธนษิต น่าจะยุ่งอยู่กับการทำอะไรบ้าง

     ต้นเป็นแฟนตัวยงของแฮร์รี พอตเตอร์ ก็คงอยากไปเดินทางตามรอยหนัง Harry Potter นะ หรือ Game of Thrones ด้วยก็ได้ คืออยากเดินทางไปตามโลเคชันที่เขาถ่ายทำหนังหรือซีรีส์ที่เราชอบอะไรแบบนี้ ถ้ามีเงินจะเดินทางแหลกเลย

 

32.09

มีงานอดิเรกอะไรที่เคยเลิกไปแล้วอยากเอากลับมาทำใหม่บ้างไหม

     ก็ไม่เชิงว่าเลิกไปแล้วนะครับ แต่ไม่มีเวลาให้กับมัน นั่นคือการเล่นสกี เรื่องนี้คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ต้นว่าต้นเล่นสกีเก่งทีเดียวนะ แล้วนี่ก็เป็นกีฬาประเภทเดียวที่เล่นเป็นด้วย ตอนอยู่ไอดาโฮคือไปเล่นสกีทุกอาทิตย์เลย

 

34.40

ต้นคิดว่าตัวเองน่าจะทำอาชีพอะไรได้ดีอีกบ้างนอกจากอาชีพในวงการบันเทิง ถ้าพิจารณาจากความสามารถพิเศษของตัวเอง

     ต้นว่าตัวเองน่าจะเป็นประชาสัมพันธ์ที่ดีได้นะครับ เราเพื่อนเยอะ รู้จักคนเยอะ

 

35.13

อะไรบ้างที่คนทั่วไปมักเข้าใจต้นผิด

     คือด้วยความที่เราเป็นคนหน้าเหวี่ยงโดยธรรมชาติ (Resting bitch face) คนทั่วไปจะไม่รู้ว่าต้นเป็นคนเฟรนด์ลี่นะครับ

 

37.27

Doing impressions!

     (ฟัง ต้น ธนษิต เลียนแบบ บริตนีย์ สเปียร์ส, ไมเคิล แจ็กสัน และเซลีน ดิออน ตามลำดับ)

 

ต้น ธนษิต ที่ The Standard

 

 

38.45

This or That: จะเลือกอะไรระหว่าง Netflix ฟรีตลอดชีวิต กับ Spotify ฟรีตลอดชีวิต

     Spotify ครับ ชีวิตนี้ขาดเพลงไม่ได้… แต่ความจริงเราก็ติดซีรีส์นะ เลือกยากแฮะ

 

39.27

This or That: จะเลือกอะไรระหว่างไม่แปรงฟัน 7 วัน กับไม่ล้างหน้า 7 วัน

     แหยะทั้งคู่ แต่ถ้าต้องเลือก เลือกไม่ล้างหน้าแล้วกันครับ ไม่แปรงฟันนี่ไม่ไหวนะ จะไปคุยกับใครยังไง

 

40.21

This or That: จะเลือกอะไรระหว่างถูกปล่อยทิ้งอยู่คนเดียวในป่าแอมะซอน หรือถูกปล่อยทิ้งอยู่คนเดียวในเมืองที่กำลังทำสงคราม

     เลือกยากอะ แอมะซอนนี่เกิดไปเจออนาคอนด้าหรือจระเข้นี่ทำยังไงดี แต่ในป่าก็จะมีอาหารใช่ไหม แต่เมืองสงครามนี่ก็กักตุนอาหารแล้วหลบอยู่ใต้ดินก็ได้นี่ เอางี้ ต้นเลือกเมือง พี่โบเลือกป่า แล้วมาดูซิว่าใครจะรอด (หัวเราะ)

 

41.30

This or That: จะเลือกอะไรระหว่างแมวที่ร้องทั้งคืน กับหมาที่เห่าทั้งคืน

     แมวแน่นอนครับ ต้นชอบแมว

 

41.50

This or That: จะเลือกอะไรระหว่างร้องเพลงคู่กับคนเมาเหล้า หรือร้องเพลงคู่กับคนเมากัญชา

     เคยผ่านมาแล้วทั้งสองอย่างนะ สนุกดี (หัวเราะ) แต่คนเมาปุ๊นนี่จะสนุกกว่า เพราะคนเมาเหล้าจะร้องเพี้ยน อันนี้พูดจากประสบการณ์เลยครับ (หัวเราะ)

 

43.08

สมมติให้เลือกอย่างเดียวระหว่างบริการฟรีสองอย่างนี้ที่จะมอบให้คุณทันทีเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม จะเลือกอะไรระหว่างพ่อครัวประจำตัว หรือหมอนวดประจำตัว เลเวลคือ มือเทวดาทั้งคู่!

     เลือกพ่อครัวครับ คือหมอนวดก็ดีนะ แต่ต้นมีวิธีลดความเครียดอีกหลายวิธี ฟังเพลง หรือออกไปเที่ยวกับเพื่อน ไม่ต้องนวดก็ได้ พ่อครัวเด็ดกว่านะ อยากกินอะไรเมื่อไรก็บอกให้เขาทำให้กินทันที จะขออาหารดาวมิชลินทุกวันเลย

 


 

 


Credits

 

The Host สาวิตรี สุทธิชานนท์

The Guest ธนษิต จตุรภุช

 

Show Creator ภูมิชาย บุญสินสุข

Episode Producers ภูมิชาย บุญสินสุข

อธิษฐาน กาญจนพงศ์

ปวริศา ตั้งตุลานนท์

Episode Editor ภูมิชาย บุญสินสุข

Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ

Coordinator & Admin อภิสิทธิ์​ หรรษาภิรมย์โชค

Art Director กริณ ลีราภิรมย์

Graphic Designer เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล
Photo นวลตา วงศ์เจริญ

Proofreader ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

Music Westonemusic.com

  • LOADING...

READ MORE

MOST POPULAR



Close Advertising
X
Close Advertising