ส่องเสื้อบอลปี 2017/18 ท่ามกลางสงครามแย่งชิงพื้นที่ระหว่าง ‘ไนกี้-อาดิดาส’

แฟนบอลตัวยงกำลังจะถึงเวลาเสียเงินกันอีกครั้ง! เมื่อบรรดาทีมสโมสรในยุโรปเปิดตัวชุดการแข่งขันใหม่กันอย่างคึกคัก โดยที่ผ่านมามีการนำเทคนิคการนำเสนอชุดแข่งใหม่ในปีนี้มากเป็นพิเศษ

NIKE

เริ่มกันที่แบรนด์ไนกี้ ผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาชื่อดังจากสหรัฐฯ หลังจากถูกอาดิดาสแย่งโลโก้บนหน้าอกเสื้อของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ร่วมงานกันมายาวนานตั้งแต่ปี 2002 ไปเมื่อฤดูกาล 2015-2016 ด้วยสัญญาระยะเวลา 10 ปี

เชลซี

ปีนี้ไนกี้โต้กลับอาดิดาสด้วยการเปิดตัวชุดแข่งขันแรกกับ เชลซี แชมป์พรีเมียร์ลีก เป็นระยะเวลา 15 ปี ดีล 900 ล้านปอนด์ โดยเชลซีจะใส่ชุดของไนกี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งไนกี้ได้ออกแบบให้เสื้อมีสีน้ำเงินเฉดเดียวกับชุดแข่งขันของเชลซีในปี 1970 ขณะที่ชุดเยือนเป็นสีขาวผสมเงิน

Photo: Nike

ท็อตแนม ฮอตสเปอร์

เช่นเดียวกับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ รองแชมป์พรีเมียร์ลีกเลือกใช้ ไนกี้ แทน อันเดอร์ อาร์เมอร์ โดยสเปอร์เปิดตัวในชุด Nike Vapor Kits ที่ใช้เทคโนโลยี Aeroswift ซึ่งถือว่าล้ำสมัยที่สุดในสายการผลิตชุดแข่งขันของไนกี้ขณะนี้

พร้อมกับสัญลักษณ์สโมสรที่นำโล่กลับมาใช้อีกครั้ง เนื่องในวาระสำคัญที่ฤดูกาลนี้จะได้ใช้สนามกีฬาแห่งชาติ เวมบลีย์เป็นสนามเหย้าตลอดฤดูกาลหน้า รวมถึงเป็นการบ่งบอกสัญลักษณ์ของสโมสรแรกที่ประสบความสำเร็จที่สุดในอังกฤษ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยการคว้าแชมป์ลีกสูงสุด และ เอฟเอคัพได้ในปี 1960/61

Photo: Nike

แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ปีนี้ ‘เรือใบสีฟ้า’ ได้ทิ้งขอบเสื้อสีเข้มสำหรับชุดเหย้า โดยใช้สีฟ้าทั้งชุดเพื่อไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 3 ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากชุดแข่งสมัยแชมป์ลีกสูงสุดเมื่อปี 1967/68

เลรอย ซาเน กองกลางชาวเยอรมันเผยว่า “ปีนี้พวกเราจะทำงานหนัก และ เล่นเกมรุกที่รวดเร็วและสนุกกว่าเดิมเพื่อชัยชนะสำหรับแฟนบอล”

Photo: Machester City

บาร์เซโลนา

ขณะที่ทีมอย่างบาร์เซโลนา รองแชมป์ลาลีกา สเปน ได้เปิดตัวชุดภายใต้สีที่คุ้นเคยกับสปอนเซอร์ Rakuten จากญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก โดยชุดแข่งขันจะใช้เทคโนโลยี Nike Vapor เช่นเดียวกับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ขณะที่ชุดเยือนจะเป็นสีฟ้า พร้อมคอนเซปต์เสื้อที่ไม่เคยหลับใหล ‘THE SHIRT NEVER SLEEPS’

Photo: Barcelona

Adidas

ข้ามมาทางฝั่งของ Adidas ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนชุดของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่นิตยสาร Forbes จัดอันดับให้เป็นสโมสรที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ปีนี้เปิดตัวชุดแข่งพร้อมกับกองหลังตัวใหม่อย่าง วิคเตอร์ ลินเดลอฟ โดยย้ายสัญลักษณ์ 3 ขีดเอกลักษณ์ของแบรนด์ไปอยู่ที่หัวไหล่ พร้อมเสื้อคอปกเรียบแบบมีกระดุม ขณะที่ชุดเยือนจะเป็นสีเทาเข้ม ตกแต่งด้วยขอบสีขาวดำในรูปแบบที่คล้ายกับชุดเยือนเมื่อช่วง 1990

นอกจากนี้ชุดของ โซเซ่ มูรินโญ ผู้จัดการทีมจะมีสัญลักษณ์ อาดิดาส และ โลโก้สโมสรเป็นสีขาวดำ ในระหว่างทัวร์แมตช์อุ่นเครื่อง

Photo: Manchester United

เรอัล มาดริด

ขณะที่แชมป์ยุโรปสองสมัยล่าสุดอย่าง เรอัล มาดริด ปีนี้เปิดตัวด้วยคลิปวิดีโอภายใต้คอนเซปต์ ‘Here to Create’ หรือมาที่นี่เพื่อสร้างสรรค์ โดยเน้นการตัดต่อภาพทั้งเด็กและนักเตะที่เชื่อมต่อกันผ่านความสำเร็จของทีมในอดีตและปัจจุบัน โดยชุดใหม่ของทีมใช้สีขาวขอบฟ้า และเลือกใช้ฟอนต์ตัวอักษรแบบเก่า เหมือนชุดปี 1996/97 ขณะที่ชุดเหย้าปีนี้จะเป็นสีดำขอบฟ้าเช่นกัน

บาเยิร์น มิวนิค

เปิดตัวชุดแข่งย้อนยุคที่ได้แรงบันดาลใจจากชุดแข่งปี 1974 ซึ่งประสบความสำเร็จทั้งเวทียุโรปและในประเทศ โดยมีลวดลายเส้นสีขาวตัดกับชุดเอกลักษณ์สีแดง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเตะ แฟนกีฬา และทุกคนที่เข้าร่วมในสนาม

ยูเวนตุส และ เอซี มิลาน

ปีนี้ยูเวนตุสมาพร้อมกับโลโก้ใหม่ โดยระลึกถึงชุดแข่งขันในปี 1940 ด้วยชุดแข่งลายตรงแนวตั้ง และคอปกตั้งเพื่อรักษาความคลาสสิกไว้ เช่นเดียวกับมิลานที่มาในชุดเอกลักษณ์แดง-ดำ

Photo: Juventus

Photo: AC Milan

ลิเวอร์พูล

ขณะที่ ลิเวอร์พูล เปิดตัวชุดพิเศษครบรอบ 125 ปีของการก่อตั้งสโมสร ด้วยโลโก้ใหม่ซึ่งมีลิเวอร์เบิร์ด อยู่ตรงกลางและขนาบข้างด้วยปี 1892 และ 2017 โดยชุดแข่งถูกออกแบบโดย New Balance ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากชุดแข่งเมื่อปี 1984 และกลับมาใช้สี ‘Shankly Red’ เพื่อเป็นเกียรติให้กับตำนาน บิล แชงคลีย์

Photo: Liverpool

อาร์เซนอล

ปืนใหญ่อาร์เซนอลปีนี้มาในชุด Puma พร้อมกระดุม และสีแดงที่เข้มกว่าปกติ โดยสีนี้มีที่มาจากโลโก้ของสโมสร

Photo: Arsenal

เซาแธมป์ตัน ชุดดีเด่นปีนี้

ส่วนรางวัลการนำเสนอชุดดีเด่นในครั้งนี้ เรามอบให้กับ เซาแธมป์ตันทีมอันดับ 8 ของพรีเมียร์ลีก ซึ่งปีนี้จัดทำ แอนิเมชัน เป็นการต่อสู้ระหว่างนักเตะของพวกเขากับวัยร้าย (ซึ่งหน้าเหมือนโรนัลด์ คูมัน ผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน) ที่ขโมยแผนการพัฒนาเยาวชนของสโมสร ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดตัวชุดรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจไม่น้อย

Superhero status: attained. ? #MadeForHeroes #saintsfc pic.twitter.com/se6fqGPW9M

— Southampton FC (@SouthamptonFC) 16 มิถุนายน 2560

เห็นได้ชัดว่าการจากเปิดตัวในครั้งนี้ แต่ละสโมสรมีความพยายามท่ีจะสื่อเอกลักษณ์และประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของสโมสรผ่านการโปรโมตชุดแข่งขันใหม่ ทั้งในลักษณะของภาพนิ่ง กราฟิก และ วิดีโอ รวมถึงรูปแบบใหม่ของเซาแธมป์ตัน ซึ่งช่วยสร้างความรู้สึกใหม่ๆ ให้กับแฟนบอลที่มีโอกาสได้สวมใส่ชุดแข่งในฤดูกาลหน้าว่าประวัติศาสตร์ เกียรติยศ และอุดมการณ์ของสโมสรนั้นมีอะไรบ้าง

ขณะที่การแข่งขันระหว่างแบรนด์ไนกี้และอาดิดาสเห็นได้ชัดว่ามีการแย่งชิงพื้นที่ชุดแข่งของสโมสรชั้นนำในยุโรปอย่างชัดเจน โดยใช้เม็ดเงินจำนวนมหาศาลในการดึงดูดให้สโมสรต่างๆ ตัดสินใจเปลี่ยนโลโก้ผู้สนับสนุนบนหน้าอก