TASTE: ‘ข้าวจานโปรด’ ร้านอาหารไทยที่เสิร์ฟอาหารพร้อมความทรงจำในวันวาน

ข้าวจานโปรดที่เคยกินในสมัยก่อนที่พอได้กินทีไร เหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นก็จะย้อนเข้ามาในความทรงจำอยู่เสมอ และไม่ว่าจะเป็นอาหารจานโปรดแรกจากคุณแม่ อาหารถูกปากของยายข้างบ้าน หรือรสชาติที่ชอบของคุณป้าร้านข้าวในมหาวิทยาลัย ในเมนูที่ธรรมดาเหล่านั้น คงล้วนเป็นข้าวจานโปรดของใครหลายๆ คน

และในยุคสมัยที่หลายๆ คนต้องอยู่ไกลบ้านและต่างถิ่น การที่จะได้กลับไปชิมอาหารมื้อโปรดมื้อเดิมก็กลายเป็นเรื่องยากเสียแล้ว

เราเคยเห็น ตุ่น-ประดินันท์ อัครชิโนเรศ จากร้าน Khao ย่านเอกมัยมาก่อนหน้านี้ ซึ่งนี่เป็นร้านอาหารใหม่ของเธอที่อยากหยิบเอาความทรงจำอันแสนอบอุ่นที่ติดอยู่กับมื้ออาหารเหล่านั้นกลับมา กลายเป็นที่มาของร้านอาหาร ‘ข้าวจานโปรด’ ร้านอาหารไทยที่มีรายการอาหารกว่าร้อยรายการออกมาให้ลองชิม ไม่ว่าจะเป็น แกงรัญจวน หมูสไลซ์, ห่อหมกปู พริกแกงปักษ์ใต้, เมี่ยงส้มโอ หรือแม้แต่ของหวานอย่าง ข้าวตอกตั้ง ชาตะไคร้ ก็มีให้ได้ลิ้มลองเช่นกัน

จานที่รักของมื้อนี้คงขอเลือกเป็น ‘ผัดพริกขิงกากหมูไข่เค็ม’ จานที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่กลับเป็นจานที่ชอบมากที่สุด ด้วยสัมผัสของกากหมูที่กรอบอย่างพอดี พริกขิงที่ไม่ได้รสจัดจนเกินไป บวกกับไข่เค็มที่เข้ามาเพิ่มความเค็มมันในตอนสุดท้าย ทำให้ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด ยิ่งกินพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ แล้วยิ่งอร่อยและสมบูรณ์แบบ

และถึงแม้ว่าในร้านจะมีรายการอาหารที่มีต้นตำรับมาจากต่างชาติอย่าง เครปซูเซตต์ หรือ สตูไก่ แต่ ‘ข้าวจานโปรด’ ก็มีความตั้งใจที่จะปรุงออกมาให้กลายเป็นรสชาติที่คนไทยคุ้นเคยให้ได้มากที่สุด

มีของคาวจานโปรดแล้ว ก็ต้องมีของหวานจานโปรด มื้อนี้ก็ขอยกให้เป็น ‘ขนมปังทอด สังขยาใบเตย’ เริ่มจากตัวขนมปังที่เหนียวนุ่มด้วยสัมผัสแบบกรอบนอกนุ่มใน ตัวเนื้อสังขยาใบเตยที่เข้มข้น แต่ก็ไม่ได้หวานจนเกินไป และผลไม้รสเปรี้ยวที่ตกแต่งอยู่รอบจานนั้นก็ทำให้ขนมปังทอด สังขยาใบเตยจานนี้เป็นจานที่ไม่น่าเบื่อ เพราะเมื่อกินทั้งหมดคู่กันแล้ว ดันกลายเป็นรสชาติหวานซ่อนเปรี้ยวที่สามารถกินได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องหาอะไรกินเพิ่มเพื่อตัดรสชาติหวานเลี่ยน

ทางด้านเครื่องดื่ม ร้าน ‘ข้าวจานโปรด’ ก็ยังคงทำออกมาได้ดีเช่นกัน กับ ‘ลิ้นจี่กับมินท์ สมูทตี’ แก้วนี้ ที่ไม่ได้ทำให้รสชาติไหนโดดออกมาเป็นพิเศษ แต่ทำให้รสชาติทุกอย่างเข้ากันได้ดี ได้ทั้งความสดชื่นจากมินต์และความหวานจากลิ้นจี่ เป็นรายการอาหารสุดท้ายที่ปิดมื้อพิเศษนี้ได้อย่างสวยงาม

นอกจากรสชาติอาหารที่โดดเด่นแล้ว ลักษณะการตกแต่งของร้านก็เป็นที่สะดุดตาเช่นกัน กับโถงสูง 7.7 เมตร ที่ตกแต่งด้วยต้นมะกอกและวอลล์เปเปอร์ใบไม้โทนสีเขียว ทำให้ได้บรรยากาศเหมือนนั่งอยู่ในสวน Glass House ได้ทั้งบรรยากาศที่สบาย เป็นกันเอง และได้กินอาหารในรสชาติที่คุ้นชิน คงจะเป็นการสร้างความทรงจำใหม่ที่ดีอยู่ไม่น้อย