×

10 ประเด็นคอร์รัปชันในสังคมไทยที่ต้องจับตาต่อปี 2018

28.12.2017
  • LOADING...

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) จัดอันดับ 10 ประเด็นคอร์รัปชันในสังคมไทย และเปิดพื้นที่ให้สังคมโซเชียลได้แชร์ความคิดเห็น และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในประเด็นต่างๆ จากแฟนเพจเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลในการร่วมแก้ไขปัญหาต่อไป ในระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2560 ถึง 15 มกราคม 2561

 

โดย 10 ประเด็นคอร์รัปชันที่ว่านี้ สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ ประเด็นร้อนในสังคม ประเด็นที่เกี่ยวกับความล่าช้า ประเด็นปัญหาเชิงโครงสร้าง และประเด็นที่รอการแก้ไขระยะยาว

 

1. การทุจริตที่เกี่ยวข้องกับคนใกล้ชิดรัฐบาล ได้แก่ การแสดงบัญชีทรัพย์สินของรัฐมนตรีตามกฎหมาย ป.ป.ช. (กรณีแหวนและนาฬิกาหรู) การซื้อเครื่องตรวจจับความเร็วรถยนต์แบบมือถือ การเหมาเที่ยวบินไปประชุมที่ฮาวาย การอนุมัติให้เอกชนใช้ป่าชุมชนสร้างโรงงาน และอีกหลายเหตุการณ์ที่ตกเป็นข่าวในช่วงที่ผ่านมา แต่การชี้แจงจากผู้เกี่ยวข้องยังขาดความชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์หาความจริงต่อไป

 

2. ส่วยภูเก็ต ส่วยและสินบนยังเป็นปัญหารุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ จนทำให้สามารถเจอคอร์รัปชันทุกรูปแบบที่มีในประเทศไทยได้ที่จังหวัดนี้ ดังนั้นหากรัฐบาลมุ่งมั่นขจัดปัญหาการคอร์รัปชันที่ภูเก็ตให้สำเร็จได้ ก็สามารถนำมาตรการเหล่านี้ไปใช้กับทุกจังหวัดได้เช่นกัน

 

3. คดีเงินทอนวัด เป็นคดีที่ไม่มีความคืบหน้าและเงียบไป เป็นพฤติกรรมคอร์รัปชันที่สั่นคลอนความรู้สึกคนไทย เพราะมีอัตราสินบนแต่ละครั้งมากถึงร้อยละ 85 มีผู้เกี่ยวข้องที่เป็นพระผู้ใหญ่และข้าราชการสำนักพระพุทธศาสนาจำนวนมาก แต่คดีดูเหมือนไม่มีความคืบหน้า ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลพฤติกรรมการทุจริตอย่างชัดเจน

 

4. คดีสินบนโรลส์-รอยซ์ เป็นการทุจริตข้ามชาติที่เกี่ยวโยงกับรัฐวิสาหกิจชั้นนำของประเทศอย่าง การบินไทย ปตท. และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเชื่อว่าต้องมีนักการเมืองใหญ่เป็นผู้บงการ แม้ว่าบริษัท โรลส์-รอยซ์ ผู้จ่ายสินบนจะถูกทางการอังกฤษสอบสวนดำเนินคดีมากว่า 4 ปี และเรื่องเพิ่งถูกเปิดเผยในไทยได้ปีเศษ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่เห็นความคืบหน้าจาก ป.ป.ช. อัยการ และ ปปง. ว่าคดีไปถึงจุดไหนแล้ว

 

5. คดีทุจริตสวนปาล์มน้ำมันของ ปตท. ที่ประเทศอินโดนีเซีย จากการขาดทุนที่มากกว่าสองหมื่นล้านบาทจากการนำเงินไปลงทุนในโครงการสวนปาล์มที่อินโดนีเซียของ ปตท. เชื่อว่าจะมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นนักการเมืองใหญ่ผู้กุมอำนาจเบื้องหลังรัฐวิสาหกิจแห่งนี้่มานาน ร่วมกับอดีตผู้บริหารระดับสูง ซึ่งจนถึงวันนี้นอกจากจะยังไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำผิดได้แล้ว สื่อมวลชนเองกำลังถูกคุกคามจากการสืบหาข้อมูล

 

6. การปฏิรูปตำรวจ ซึ่งตำรวจเป็นหน่วยราชการอันดับต้นๆ ที่ถูกระบุว่ามีการคอร์รัปชันมาก ทำให้ความยุติธรรมในสังคมถูกบิดเบือน ดังนั้นประชาชนจึงคาดหวังที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตำรวจ แต่นอกจากข่าวตามสื่อมวลชนแล้ว สังคมกลับไม่เคยได้รับรู้แนวทางการปฏิรูปตำรวจ หรือความคืบหน้าใดๆอย่างเป็นทางการเลย

 

7. อภิสิทธิ์ชนกับการบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นธรรม ข่าวการหลบหนีหรือไม่ถูกนำตัวขึ้นศาลดำเนินคดีของนักการเมืองและคนโกงที่ร่ำรวยหรือมีอิทธิพล เพราะสามารถติดสินบนเจ้าหน้าที่เพื่อแลกกับการช่วยเหลือเป็นพิเศษ หรือบางรายถ้าต้องติดคุกก็สามารถซื้อหาอภิสิทธิ์ได้ เช่น การได้ไปอยู่ในสถานพยาบาล การได้เลื่อนชั้นนักโทษ ลดโทษ พักโทษและได้รับอภัยโทษเร็วขึ้น เหล่านี้ล้วนเป็นประเด็นที่ต้องจับตาและหาทางแก้ไข เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่า คนโกงต้องได้รับการลงโทษ

 

8. กฎหมาย ป.ป.ช. ฉบับใหม่ เนื่องจาก ป.ป.ช. เป็นองค์กรหลักในการต่อต้านคอร์รัปชัน แต่ความมีประสิทธิภาพและความเป็นธรรมในการใช้อำนาจยังเป็นเรื่องที่ถูกตั้งคำถามจากสังคมตลอดมา โดยในการแก้ไขกฎหมายครั้งล่าสุดนี้ก็ยังมีข้อกังขาเกี่ยวกับบทบาทอำนาจและวิธีปฏิบัติงานที่ลดความเข้มข้นลงหลายประเด็น รวมทั้งการแก้ไขบทเฉพาะกาลเพื่อต่ออายุการดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. ที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ

 

9. รัฐธรรมนูญ มาตรา 63 มาตรานี้เป็นหัวใจของรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง ที่กำหนดให้รัฐต้องให้การสนับสนุนประชาชนในการรวมตัวกันต่อต้านคอร์รัปชันโดยได้รับการปกป้องจากรัฐ โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลมอบหมายให้ ป.ป.ท. ไปดำเนินการร่างกฎหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง แต่เมื่อร่างเสร็จแล้วกลับไม่ใช้ หากแต่ให้นำหลักการทำนองเดียวกันไปเขียนเพิ่มเติมไว้ในกฎหมาย ป.ป.ช. จำนวน 4 มาตรา และเขียนเพิ่มเติมในกฎหมาย ป.ป.ท. อีก 8 มาตรา ซึ่งวิธีการนี้นอกจากจะไม่เข้มข้นครอบคลุมเมื่อเทียบกับการมีกฎหมายเฉพาะแล้ว ยังอาจเป็นวิธีการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 278 ได้

 

10. กฎหมายปราบโกงที่หายไป อนาคตที่ไม่ชัดเจนของ พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ (พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ 2540 เดิม) และ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งๆ ที่กฎหมายนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการเอาชนะคอร์รัปชันที่ได้รับการเห็นชอบจาก สปช. และ สปท. รวมทั้งอยู่ในแผนของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศฯ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่รู้ว่าเรื่องไปถึงไหน รัฐบาลจะสนับสนุนจริงจังหรือไม่ และจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

 

Photo: thaigov.go.th

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising