×

ทำความรู้จักเทรนด์การบ่มไวน์สไตล์ลูกครึ่ง จากน้ำไวน์จบในถังวิสกี้ แบบนี้ก็มีด้วย

10.08.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • จับกระแสเทรนด์การบ่มไวน์ที่จบในถังวิสกี้ที่หาใช่เรื่องใหม่เอี่ยม แต่อาจได้รสชาติเครื่องดื่มแบบลูกครึ่งที่น่าสนใจไม่เบา
  • โฉบไปเยี่ยมชม A.Stiller Coopers โรงงานทำถังไม้สำหรับบ่มไวน์ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางไร่ไวน์ในบารอสซา รัฐแอดิเลด ในออสเตรเลียตอนใต้ เพื่อชมกระบวนการเผาไม้และทำถังวิสกี้ซึ่งนำมาบ่มไวน์แดง จนออกมาเป็นไวน์พิเศษที่มีทั้งความเป็นน้ำองุ่นและวิสกี้ไปพร้อมๆ กันอย่างน่าทึ่ง

ขณะที่ไวน์ออร์แกนิก (Organic Wine) หรือไวน์ธรรมชาติ (Natural Wine) กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่นักดื่มไวน์ แต่หารู้ไม่ว่ายังมีอีกเทรนด์หนึ่งที่กำลังมาแรงแซงโค้งในแวดวงของคนวงไวน์ไม่แพ้กัน นอกจากนั้นยังสร้างเสียงฮือฮาเป็นสีสันแก่การดื่มได้อย่างน่าตื่นเต้น เทรนด์ที่ว่าคือการบ่มไวน์ในถังวิสกี้หรือเบอร์เบินนั่นเอง

 

นี่เป็นกระแสที่ริเริ่มขึ้นจากการทดลองของไร่ไวน์ที่แคลิฟอร์เนียในปี 2014 ซึ่งปลุกเทรนด์นำไวน์มาบ่มในถังเบอร์เบินให้ไปไกลทั่วโลก และนับเป็นเวลานับทศวรรษมาแล้วที่เหล่าผู้กลั่นเหล้าต่างนำเหล้าสกอตช์ (Scotch) มาเอจ (Age) หรือบ่มในถังเบอร์เบิน จนปัจจุบันผู้ผลิตจิน เบียร์ กระทั่งเมเปิลไซรัปก็จอยเทรนด์การบ่มในถังเบอร์เบินกับเขาด้วย!

 

แต่สำหรับไวน์ ประวัติศาสตร์การบ่มในถังไม้โอ๊กนั้นยาวนานกว่านั้นมาก แต่การบ่มในถังเบอร์เบินเป็นสไตล์ใหม่จริงๆ หรือ หรือเป็นเพียงเกมการตลาดสนุกๆ เท่านั้น

 

จิมมี่ คีน Public Relations & Promotions Manager ของแบรนด์ Jacob’s Creek บอกเล่าเรื่องราวของกระบวนการทำไวน์ที่จบในถังวิสกี้

 

ชาวฝรั่งเศสมีวิธีการบ่มไวน์ตามธรรมเนียมในถังไม้โอ๊กฝรั่งเศสที่เรารู้จักกัน ขณะที่ชาวอเมริกันเริ่มเปลี่ยนจากการใช้ถังไม้โอ๊กฝรั่งเศสในการบ่มไวน์อเมริกัน เนื่องจากราคาที่สูงลิ่วทั้งจากต้นทุนและค่าขนส่ง ทำให้ผู้ผลิตไวน์ฝั่งแดนมะกันในอดีตเริ่มหันมาใช้ถังเหล้าเบอร์เบินแทน ทั้งนี้ปัจจุบันผู้ผลิตไวน์กลับนำเทคนิคนี้กลับมาใช้ใหม่ หาใช่เพื่อลดต้นทุน แต่เพื่อเสริมรสชาติของการจิบไวน์ให้ล้ำไปอีกขั้น

 

การนำไวน์มาบ่มในถังเบอร์เบินหรือวิสกี้เป็นขั้นตอนสุดท้ายจะช่วยเติมให้ไวน์มีกลิ่นหอม เสริมรสชาติให้เข้มข้นและโดดเด่น ซึ่งให้รสที่แตกต่างจากไวน์ดั้งเดิม เพิ่มความหอมทั้งรสและกลิ่นคาราเมล ใบเมเปิล วานิลลา น้ำตาลทรายแดง ไปจนถึงรสเผ็ดร้อนของเครื่องเทศ ซึ่งนั่นเป็นคาแรกเตอร์ของเหล้าวิสกี้และเบอร์เบิน ส่วนไวน์ที่นำมาใช้บ่มนั้นมักใช้องุ่นสายพันธุ์คาเบอร์เน็ต ซาวิญง, ชีราซ, ซินฟานเดล หรือชาร์ดอนเนย์ เป็นต้น ซึ่งเมื่อยิ่งบ่มนานเท่าไร รสชาติและระดับแอลกอฮอล์ก็ยิ่งทวีคูณขึ้นเท่านั้น

 

ในตลาดไวน์ทั่วโลกทุกวันนี้ก็มีหลายแบรนด์ที่ใช้กรรมวิธีที่ว่าเพื่อดึงดูดคนรักทั้งไวน์และวิสกี้ให้ได้ลิ้มลองรสชาติใหม่ๆ ที่เป็นเสมือนลูกครึ่งของวงการเครื่องดื่มก็ไม่ปาน เช่นเดียวกับ Jacob’s Creek ที่เปิดตัวไวน์ Double Barrel มาวางขายในบ้านเราไม่นาน

 

(บน) แอนดรูว์ สติลเลอร์ ให้เราดมกลิ่นของแผ่นไม้โอ๊กที่อวลอบไปด้วยความหอมของวิสกี้, (ล่าง) ชมกรรมวิธีการเผาถังไม้กันแบบสดๆ

 

เรามีโอกาสได้พบ จิมมี่ คีน Public Relations & Promotions Manager ของแบรนด์ Jacob’s Creek ที่พาเราโฉบไป A.Stiller Coopers โรงงานทำถังไม้สำหรับบ่มไวน์ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางไร่ไวน์ในบารอสซา รัฐแอดิเลด ในออสเตรเลียตอนใต้ เพื่อชมกระบวนการทำถังวิสกี้ซึ่งนำมาบ่มไวน์แดงจนออกมาเป็นไวน์รุ่น Double Barrel ของ Jacob’s Creek โดยมี แอนดรูว์ สติลเลอร์ ผู้เชี่ยวชาญการทำถังบ่มไวน์เป็นผู้บอกเล่ากรรมวิธีสุดพิเศษนี้

 

จิมมี่เล่าว่าไวน์รุ่น Double Barrel นี้ใช้สายพันธุ์องุ่นชีราซ ซึ่งมีต้นกำเนิดจากเมืองบารอสซาของออสเตรเลียเอง รวมถึงสายพันธุ์คาเบอร์เน็ต ซาวิญง ซึ่งมีต้นกำเนิดจากเมืองคูนาวาร์รา โดยรุ่น Double Barrel นี้เป็นไวน์ที่ผ่านการบ่มในถังไม้ถึง 2 ชนิดด้วยกัน ซึ่งบ่มครั้งแรกในถังไวน์ดั้งเดิม ซึ่งอาจเป็นถังไม้โอ๊กแบบฝรั่งเศสหรืออเมริกันโอ๊กที่มีเนื้อละเอียด และหลังจากบ่มไวน์จนได้ที่แล้วจึงนำไปผ่านการเผาอย่างช้าๆ ด้วยอุณหภูมิความร้อนที่ต่ำ จากนั้นจึงเริ่มกระบวนการย้ายไวน์ไปบ่มต่อในถังไม้โอ๊กวิสกี้ที่ทำจากไม้โอ๊กแบบอเมริกันที่มีเนื้อหยาบ แล้วจึงเผาอย่างรวดเร็วด้วยความร้อนที่สูง ซึ่งกระบวนการนี้นี่เองที่ทำให้เกิดสีในวิสกี้ ทั้งยังเสริมความหวานและรสสัมผัสที่นุ่มนวลเป็นเอกลักษณ์

 

สภาพของถังวิสกี้หลังจากบ่มไวน์เสร็จสิ้นแล้ว

 

จิมมี่ยังเสริมอีกว่าใช้ถังไม้โอ๊กอเมริกันในการบ่มไวน์ชีราซ ส่วนคาเบอร์เน็ต ซาวิญงใช้ถังไม้โอ๊กฝรั่งเศส ซึ่งการบ่มแบบ Double Barrel นั้นยังช่วยทำให้ไวน์เข้มข้น กลมกล่อม และนุ่มนวลยิ่งขึ้น โดยสายพันธุ์ชีราซนั้นจะต้องผ่านการควบคุมอุณหภูมิในการบ่มที่คงที่ในถังไวน์ จากนั้นจึงนำมาบ่มต่อในถังสกอตช์วิสกี้ ซึ่งขั้นตอนในถังนี้เองที่ช่วยเสริมให้รสชาติของไวน์เข้มข้น รวมถึงออกรสเปรี้ยวนิดๆ จากแทนนิน ทั้งยังมีความหวานจากเครือผลไม้ตระกูลเบอร์รี ออกรสช็อกโกแลตนิดๆ และจบท้ายอย่างนุ่มนวล นี่เป็นไวน์ที่มีความซับซ้อน (Complex) ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

 

ขณะที่น้ำองุ่นจากสายพันธ์ุคาเบอร์เน็ต ซาวิญงนั้นจะใช้องุ่นที่สุกงอมเต็มที่ โดยควบคุมอุณหภูมิขณะบ่มในถังไวน์ดั้งเดิมเพื่อให้ได้กลิ่นและสีที่ถูกต้อง โดยจะบ่มราวๆ 12-18 เดือน จากนั้นนักชิมไวน์จึงจะเข้ามาทำการชิมเพื่อให้ได้รสที่ใช่ที่สุด จากนั้นจึงลงท้ายที่การบ่มขั้นตอนสุดท้ายในถังไม้โอ๊กจากไอริชวิสกี้ที่เผาจนแห้งเกรียมเป็นสีเข้ม

 

Jacob’s Creek รุ่น Double Barrel

 

ซึ่งขั้นตอนนี้แอนดรูว์แสดงให้เราดูถึงสีสุดแสนจะเข้มของไม้ ทั้งยังเผยอีกว่าคานที่ใช้ภายในถังนั้นมีความแคบ ซึ่งความแคบนี้เองที่ทำให้ไวน์ได้รับออกซิเจนที่หมุนเวียนอย่างพอเหมาะที่จะเสริมรสชาติของน้ำไวน์ให้เข้มข้น และดึงลักษณะหอมหวานจากน้ำตาลในไม้ของไอริชวิสกี้ออกมาได้อย่างดีอีกด้วย โดยผลลัพธ์ที่ได้ออกมาจึงเป็นไวน์แดงที่มีความเข้มข้น มีความเป็นผลไม้ อาจมีกลิ่นสดชื่นของมินต์นิดๆ ทั้งยังให้รสชาติที่นุ่มนวลกลมกล่อม และทิ้งรส (Length) ไว้ในปากได้อย่างยาวนานอีกด้วย

 

ทั้งนี้ไม่ว่าการบ่มไวน์ในถังวิสกี้หรือเบอร์เบินจะเป็นแผนของการตลาดหรือไม่ แต่เท่าที่รู้น่าจะดึงดูดคนรักวิสกี้ที่อยากลองอะไรใหม่ๆ รวมถึงนักจิบไวน์ที่ (แอบ) หลงรักรสชาติหอมหวานแบบวิสกี้ให้เข้ามาลิ้มลองไม่ยากเลย

 

ส่วนคนที่รักไวน์ขาว เราขอกระซิบบอกว่าเร็วๆ นี้ Jacob’s Creek กำลังนำไวน์ชาร์ดอนเนย์แบบที่บ่มในถังวิสกี้ (Double Barrel Chardonnay) มาให้ได้ชิมกันเร็วๆ นี้ด้วย จะมีรสนุ่มลึกทวีคูณเสน่ห์กว่าเก่าแค่ไหน ต้องคอยติดตาม!

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

FYI
  • หากไม่อยากลุกออกจากบ้านให้วุ่นวาย สามารถช้อปปิ้งไวน์ออนไลน์ได้แล้วที่นี่
  • ผู้บรรลุนิติภาวะควรดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ และไม่ควรขับขี่ยานพาหนะหากบริโภคแอลกอฮอล์
  • หมายเหตุ: สุราเป็นเหตุก่อมะเร็ง เซ็กซ์เสื่อม ก่อให้พิการและเสียชีวิต เป็นเหตุทะเลาะวิวาทและอาชญากรรม สามารถทำร้ายครอบครัวและทำลายสังคมได้
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising