ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed เปิดเผยรายละเอียดสรุปผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินระหว่างวันที่ 16-17 มีนาคมที่ผ่านมา โดยระบุชัดว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างสดใส และมีหลักฐานบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวได้ดี แต่กระนั้นก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้ Fed ต้องยุติมาตรการซื้อคืนพันธบัตรและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน
ในส่วนของประเด็นด้านเงินเฟ้อที่นักลงทุนหลายฝ่ายวิตกกังวลกัน Fed คาดหวังว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะขยับปรับขึ้นในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า เพราะปัญหาขาดแคลนในเรื่องของซัพพลาย แต่ก็เชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อจะขยับขึ้นอยู่ในเกณฑ์ 2% ในระยะยาว ดังนั้นจนกว่าที่อัตราเงินเฟ้อจะคงที่ที่ 2% และตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุด Fed จะยังคงมาตรการอัดฉีด (QE) และมาตรการซื้อคืนพันธบัตรต่อไป
การยืนยันหนักแน่นในครั้งนี้ของ Fed ช่วยคลายความวิตกของนักลงทุนส่วนหนึ่ง ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ท่าทีของ Fed ครั้งนี้อย่างน้อยก็สามารถวางใจได้ว่า Fed จะยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำและมาตรการซื้อคืนพันธบัตรต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้
รายงานการประชุมของ Fed ครั้งล่าสุดที่เสริมจุดยืนของ Fed ที่จะยังคงอดทนต่อไปก่อนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ดัชนี S&P 500 และดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ปิดตลาดปรับตัวในแดนบวกเมื่อวานนี้ หลังจากที่ปรับตัวลดลงในช่วงเปิดตลาด
โดยดัชนี Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.05% ปิดที่ 33,446.26 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.15% ปิดที่ 4,079.95 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ลดลง 0.07% ปิดที่ 13,688.84 จุด
เมื่อวานนี้ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ดัชนีหลักในตลาด Wall Street ต่างทรงตัวอยู่ในกรอบแคบๆ ตลอดทั้งวัน ก่อนที่ดัชนี S&P 500 จะดีดตัวขึ้นมาได้ในช่วงท้าย หลังมีการเผยแพร่รายงาน Minutes ของ Fed ที่ระบุว่า Fed อยากใช้เวลาสักระยะเพื่อรอดูความคืบหน้าทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะในด้านเป้าหมายการจ้างงานสูงสุดและเสถียรภาพของเงินเฟ้อก่อนปรับขึ้นดอกเบี้ย
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
