อีลอน มัสก์ ร้องต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ช่วยห้าม OpenAI ไม่ให้เปลี่ยนรูปแบบธุรกิจไปเป็นบริษัทแสวงหาผลกำไรอย่างสมบูรณ์ (For-Profit) หลังกล่าวหาว่า OpenAI ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทแสวงหาผลกำไรจำกัด (Capped-Profit) ได้ขอให้นักลงทุนตกลงที่จะไม่ลงทุนในบริษัทคู่แข่ง รวมถึง xAI ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพของมัสก์
ย้อนกลับไปเมื่อวันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน ทนายความที่เป็นตัวแทนของ อีลอน มัสก์ และบริษัท xAI ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI ของมัสก์ รวมถึง ชิวอน ซิลิส อดีตสมาชิกบอร์ดบริหาร OpenAI ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ให้ศาลห้าม OpenAI ให้หยุดร้องขอนักลงทุนหลีกเลี่ยงการให้เงินทุนแก่คู่แข่งอื่นๆ รวมถึง xAI
เอกสารที่ยื่นต่อศาลล่าสุดสะท้อนถึงวิวาทะทางกฎหมายระหว่าง อีลอน มัสก์, OpenAI และ แซม อัลต์แมน ซีอีโอของ OpenAI รวมถึงฝ่ายที่เกี่ยวข้องและผู้สนับสนุนรายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น รีด ฮอฟฟ์แมน นักลงทุนด้านเทคโนโลยี และ Microsoft
ก่อนหน้านี้มัสก์ฟ้อง OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT เมื่อเดือนมีนาคม 2024 ที่ศาลรัฐซานฟรานซิสโก ก่อนที่จะถอนฟ้องและยื่นคำร้องใหม่อีกครั้งในศาลรัฐบาลกลางหลายเดือนต่อมา
โดยทีมทนายความของมัสก์ในคดีระดับรัฐบาลกลางกล่าวในคำฟ้องว่า OpenAI ละเมิดกฎหมายป้องกันการผูกขาดของรัฐบาลกลาง หรือ RICO
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ทีมทนายความของมัสก์ขยายคำฟ้องให้ครอบคลุมถึงข้อกล่าวหาที่ว่า Microsoft และ OpenAI ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด หลัง OpenAI ถูกกล่าวหาว่าบริษัทขอให้นักลงทุนตกลงที่จะไม่ลงทุนในบริษัทคู่แข่ง รวมถึง xAI ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพน้องใหม่ของมัสก์
โฆษกของ OpenAI กล่าวในแถลงการณ์ว่า “ความพยายามครั้งที่ 4 ของ อีลอน มัสก์ ซึ่งนำคำฟ้องที่ไม่มีมูลความจริงมาใช้ซ้ำอีกครั้งยังคงไม่มีมูลความจริงโดยสิ้นเชิง”
ทั้งนี้ ตั้งแต่มัสก์ประกาศเปิดตัว xAI ในเดือนกรกฎาคม 2023 ก็ได้เปิดตัวแชตบอต Grok และระดมทุนได้เพิ่ม 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ดันมูลค่าบริษัทไปสูงถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทนายความของมัสก์ระบุต่อศาลด้วยว่า “ปัจจุบัน Microsoft และ OpenAI พยายามที่จะเสริมสร้างความโดดเด่นนี้โดยตัดการเข้าถึงเงินทุนการลงทุนของคู่แข่ง (การคว่ำบาตรแบบกลุ่ม) ขณะที่ยังคงได้รับประโยชน์จากข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเชิงการแข่งขันที่แบ่งปันกันมาหลายปีในช่วงปีแห่งการก่อร่างสร้างตัวของ AI”
ทนายความเขียนอีกว่า เงื่อนไขที่ OpenAI ขอให้นักลงทุนตกลงถือเป็นการ ‘คว่ำบาตรแบบกลุ่ม’ ซึ่งเป็นการ ‘ปิดกั้นการเข้าถึงเงินทุนการลงทุนที่จำเป็นของ xAI’
ก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม Microsoft สละตำแหน่งผู้สังเกตการณ์ในบอร์ดของ OpenAI แม้ว่า CNBC จะรายงานว่าคณะกรรมการการค้าแห่งสหพันธรัฐจะยังคงติดตามอิทธิพลของบริษัททั้งสองแห่งที่มีต่ออุตสาหกรรม AI ต่อไป
ทนายความของมัสก์ยังกล่าวด้วยว่า OpenAI ควรถูกห้ามไม่ให้รับประโยชน์จากข้อมูลที่ละเอียดอ่อนทางการแข่งขันที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง หรือมาจากการประสานงานผ่านการเชื่อมโยงระหว่าง Microsoft และ OpenAI”
ทั้งนี้ OpenAI เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 ในฐานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และต่อมาในปี 2019 ก็ถูกแปลงเป็นรูปแบบที่เรียกว่า ‘หาผลกำไรจำกัด’
โดยปัจจุบัน OpenAI กำลังอยู่ในระหว่างการแปลงเป็นรูปแบบบริษัทสาธารณประโยชน์ที่มุ่งแสวงหาผลกำไรอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีความน่าดึงดูดใจต่อนักลงทุนมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ Microsoft ลงทุนเกือบ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐใน OpenAI แต่เปิดเผยในเดือนตุลาคมว่า บริษัทจะบันทึกการขาดทุน 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจาก OpenAI
ย้อนไปในเดือนตุลาคม OpenAI ปิดรอบการระดมทุนครั้งใหญ่ ซึ่งประเมินมูลค่าสตาร์ทอัพนี้ไว้ที่ 1.57 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ Thrive Capital เป็นผู้นำในการระดมทุน ขณะที่นักลงทุนรวมถึง Microsoft และ NVIDIA ก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน
ปัจจุบัน OpenAI กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นจากสตาร์ทอัพ เช่น xAI, Anthropic และ Google
ตามข้อมูลล่าสุดจาก Menlo Ventures คาดการณ์ว่าตลาด AI เชิงสร้างสรรค์จะสร้างรายได้สูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายใน 1 ทศวรรษ และการใช้จ่ายของธุรกิจสำหรับ AI เชิงสร้างสรรค์พุ่งสูงขึ้น 500% ในปีนี้
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา CNBC ได้ติดต่อทนายความของมัสก์ แต่ทนายความไม่ได้ตอบรับคำขอแสดงความคิดเห็น
อ้างอิง:
