เราขอติดแฮชแท็ก #foodporn ให้กับ Carne (การ์เน่) ร้านเนื้อแห่งใหม่ล่าสุดในซอยสุขุมวิท 23 ที่จริงจังเรื่องเนื้อ และไม่ใช่แค่เนื้อวัวเท่านั้น ยังรวมถึงหมู ไก่ และปลา แถมยังเชี่ยวชาญด้านการย่าง อบ และรมควัน จากฝีมือสองเชฟอเมริกันและชิลี ที่ผนึกกำลัง เวลา และประสบการณ์ในการปรุงเนื้อให้ดีงามสมกับชื่อร้าน ซึ่งหมายถึง ‘เนื้อ’ ในภาษาสเปน

The Vibe

แยกที่สองจากปากซอยสุขุมวิท 31 เบื้องหลังกำแพงอิฐแดง คือทางเข้าที่นำไปสู่ตัวร้าน โดยมีรูปปั้นวัวกระทิงตัวใหญ่คอยต้อนรับ บรรยากาศภายในมีความอบอุ่น เน้นโทนสีน้ำตาลและไม้เป็นหลัก แซมด้วยท่อนไม้ ฟืน และมีด เป็นของตกแต่งร้าน ถ้ายังพอมีเวลา ลองแวะจิบค็อกเทลที่บาร์ด้านหน้า แล้วค่อยย้ายไปดินเนอร์ที่โต๊ะภายหลัง

บรรยากาศภายในร้าน

The Concept

Carne เกิดจากส่วนผสมของสองความคิดจากฝั่งลูกค้าและผู้ประกอบการ ที่ต่างฝ่ายต่างมีเรื่องน่าคิดที่ไม่ค่อยแก้ได้สักเท่าไร ฝั่งลูกค้ามักจะมีภาพจำจนชินตาว่าร้านเนื้อหรือสเต๊กเฮาส์มักจะตั้งราคาอาหารสูงลิ่ว และถ้าผู้คนเลือกที่จะไป ก็คงเนื่องในโอกาสพิเศษเท่านั้น ส่วนด้านผู้ประกอบการที่ต้องดีลกับซัพพลายเออร์ที่เจอกับวัตถุดิบบ่อยๆ ก็เห็นว่า วัตถุดิบบางส่วนหรือบางเกรด แม้จะไม่ใช่ส่วนที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่อร่อยหรือต้องทิ้งเสียทีเดียว ครั้นจะนำมาขาย เพิ่มในลิสต์เมนู กลับกลายเป็นว่าขายไม่ค่อยออก ลูกค้าไม่สั่ง เพราะไม่คุ้นชื่อ และคิดว่าของดีจะต้องแพงและเกรดสูงที่สุดเท่านั้น

ท้ายสุดแล้ว ความคิดเหล่านี้ก่อให้เกิดบรรทัดฐานใหม่ในการสั่งอาหาร และทำให้พลาดของดี รสชาติอร่อยล้ำไม่แพ้กันในราคาที่ถูกกว่า และใช้วัตถุดิบชั้นรองที่ร้านส่วนใหญ่ไม่คิดจะนำมาใช้ ซึ่งสิ่งนี้เองที่ทำให้ Carne ได้แก้ปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น และอยากให้ทุกคนเปลี่ยนความคิดใหม่ว่าร้านเนื้อที่ดีไม่จำเป็นต้องมีราคาแพงหูฉี่ และเมนูที่ไม่ได้ใช้วัตถุดิบชั้นเยี่ยมมาประกอบอาหาร ก็สามารถอร่อยในแบบของตัวเองได้ หากปรุงอย่างเข้าใจในตัววัตถุดิบและถูกขั้นตอน

เนื้อ (สัตว์) หรือ Carne คือเมนูหลักของที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว ไก่ หมู หรือปลา ตลอดจนเมนูที่ผ่านการย่าง อบ หรือรมควัน โดยมีเชฟชาวอเมริกันและเชฟชาวชิลีเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความอร่อยในทุกจาน วัตถุดิบที่ใช้มีทั้งวัตถุดิบนอกและของไทยแท้ รวมถึงเนื้อที่ใช้ทั้ง Prime Cut และ Secondary Cut แต่ทางร้านแนะนำให้ลอง Secondary Cut เพราะหารับประทานได้ยาก เนื่องจากร้านเนื้อและสเต๊กเฮาส์ส่วนใหญ่จะมีแต่เนื้อไพรม์คัต ส่วนสไตล์ของอาหารนั้นมีทั้งกลิ่นอายสเปน ลาตินอเมริกา และอเมริกาใต้

เมนูเหมือนจะเฮลตี้ แต่ใส่เบคอนกรอบด้วย

The Food

เมื่อมาถึงโต๊ะ ทางร้านต้อนรับด้วยอเปอริทีฟช็อตเรียกน้ำย่อย ซึ่งเป็นมะกรูดเชลโลที่ทวิสต์มาจาก Limoncello เหล้าเลมอนรสหวาน โดยเปลี่ยนจากเลมอนเป็นมะกรูด หอมอโรมา แถมยังให้รสชาติที่ไม่หวานเกิน ติดขมปลายลิ้นเล็กน้อย ดื่มเพื่อเรียกน้ำย่อย หากยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะสั่งอะไรเป็นเมนคอร์ส ระหว่างนี้แนะนำให้สั่ง Pan de Cassava (150 บาท) มากินเล่นไปพลาง เพราะนี่คือขนมปังชีสอันเป็นที่นิยมในแถบอเมริกาใต้ ได้ความหอมและรสเข้มข้นจากชีสกอร์กอนโซลา ลูกเดียวเอาไม่อยู่แน่นอน

ปลาเนื้อขาวจากเกาะลันตา

จานถัดมาเพิ่มความสดชื่นขึ้นอีกนิดด้วย Sea Bass Ceviche (320 บาท) ปลาเนื้อขาวสดใหม่ส่งตรงจากเกาะลันตา นำมาปรุงสไตล์เซวิเชด้วยซอสแบบเปรู ท็อปด้วยซัลซาชมพูกับอะโวคาโดและชิปส์มันม่วง ให้รสจัดจ้านคล้ายยำที่เราคุ้ยเคย แถมเรียกน้ำย่อย จนเรารู้สึกหิวยิ่งขึ้นไปอีก

ลิ้นวัววากิวย่างถ่าน

มาถึงเมนูเนื้อๆ กันบ้าง เราแนะนำ Wagyu Beef Tongue (380 บาท) ลิ้นวัววากิวผ่านการสโลว์คุกข้ามคืนจนนุ่ม แล้วนำไปย่างถ่าน แล้วราดซอสซัลซาแบบอุ่นที่ทำจากมะเขือเครือและเมล็ดแตงโม

Ember Roasted Beetroot (260 บาท) บีทรูทอบในเตาถ่านร้อนๆ หน้าตางดงาม ท็อปด้วยผักวอเตอร์เครส ควินัวขาวและดำ ถั่วพีแคน และเดรสซิ่งสีเขียวข้นที่สกัดจากผักสด คลุกเคล้าทุกองค์ประกอบให้เข้ากัน แล้วตักชิมเพื่อสัมผัสความสดกรอบและรสชาติเต็มเปี่ยมของบีทรูทสลัด

บีทรูทอบในเตาถ่านร้อนๆ และข้าวโพดย่างไฟ

ผักอีกสักจาน Sweet Corn Succotash (150 บาท) ข้าวโพดย่างไฟจนไหม้เล็กน้อย ใส่ไส้กรอกโชริโซและพริกหวานเพิ่มรสชาติ คลุกเคล้าในเดรสซิ่ง Smoked Aioli ที่หอมกลิ่นรมควัน ลองชิมคำแรกแบบไม่คลุกดูก่อน จากนั้นค่อยผสมทุกอย่างให้เข้ากัน แล้วชิมดูอีกครั้ง

หน้าตาเหมือนริซอตโต แต่แท้จริงแล้วเป็นพาสต้า

Risi (480 บาท) หน้าตาเหมือนริซอตโต แต่แท้จริงแล้วเป็นพาสต้า หุงพร้อมมิโสะมันปู แล้วโรยทรัฟเฟิลฝานเน้นๆ กับสเปกแฮมรมควัน อ้อ เชฟผสมเนื้อปูด้วย เอาเป็นว่าใครที่ชอบความครีมมี ความทรัฟเฟิล ความหอมมัน จานนี้คงเข้าลิสต์ท็อปเท็นเป็นแน่

Carne Rib Eye

มาถึงไฮไลต์ของร้าน ทั้งเนื้อวัว ไก่ และหมู เราลองหม่ำไพรม์คัตกันก่อน Carne Rib Eye (500 บาทต่อ 100 กรัม) เนื้อริบอายย่างถ่าน ปรุงรสอ่อนๆ ด้วยดอกเกลือและพริกไทย เสิร์ฟพร้อมชิลลี่จูส์และมันฝรั่งอบฝานบางครึ่งซีก

แล้วก็มาที่ Secondary Cut Skirt Asada (890 บาท) เนื้อกะบังลมย่างถ่านไม้จนมีกลิ่นหอมยวนยั่วเฉพาะตัว ความพิเศษอยู่ที่เนื้อสัมผัสที่เหนียวหนึบเด้งฟันพร้อมกับความนุ่มชุ่มลิ้น ในจานมาพร้อมผักซาโยเต้หรือฟักแม้วย่างเคลือบน้ำผึ้ง กินเปล่าๆ ก็ได้ หรือจิ้มกับชิมิชูรีซอสก็ดี

เนื้อกะบังลมย่างถ่านไม้ และไก่เบญจาย่าง

โต๊ะไหนมีคนไม่กินเนื้อ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีอะไรกิน เราได้กลิ่นหอมฉุยมาแต่ไกล จนกระทั่งพนักงานยกมาที่โต๊ะถึงรู้ว่า นี่คือ Fire Grilled Chicken Roulade (480 บาท) ไก่เบญจาย่าง ซึ่งเจ้าไก่เบญจานี้มีความพิเศษกว่าไก่ประเภทอื่น เพราะเป็นไก่ออร์แกนิกที่ถูกเลี้ยงด้วยข้าวไรซ์เบอร์รี และเลี้ยงแบบอิสระในฟาร์มเปิด เชฟนำไก่มาม้วนแล้วยัดไส้สมุนไพรแบบที่ชาวฝรั่งเศสเรียกว่า Roulade ย่างจนหนังไก่แห้งเกรียมและมีกลิ่นไหม้พร้อมรสขมเล็กน้อยที่เกิดจากการย่าง แต่เพิ่มความอร่อยโดยรวมให้จานนี้อีกเท่าตัว รองฐานด้วย Hominy Purée ที่ทำจากข้าวโพด ใครชอบกินไก่อยู่แล้ว จานนี้คงเข้าลิสต์เมนูโปรดได้ไม่ยาก แต่หากไม่ชอบไก่ เราอยากให้เปิดใจกว้าง แล้วลองชิมดูสักคำ

Pork Tomahawk สุดชุ่มฉ่ำ

ในเมื่อมีเนื้อโทมาฮอว์กแล้ว ทำไมจะมีหมูบ้างไม่ได้ล่ะ? Pork Tomahawk (590 บาท) จานนี้คือหมูไทยคุโรบูตะหมักกับโคจิแดงและเครื่องเทศ ย่างกับถ่านกะลามะพร้าว แล้วอบในเตาถ่านต่อจนสุกกำลังดี ได้รสสัมผัสนุ่ม จนเกือบลืมว่ากำลังเคี้ยวหมูอยู่ ส่วนมันก็แทรกมาแบบพอดี ไม่ได้เยอะจนเลี่ยน หรือน้อยจนกลืนไม่ลง ยิ่งกินคู่กับสับปะรดภูแลซัลซาและพิวเร่มันหวานญี่ปุ่น ยิ่งอยากเบิ้ลโทมาฮอว์กหมูแบบนี้อีกสักจาน

El Padrino เครื่องดื่มระดับเจ้าพ่อ 

The Drinks

เบรกรสชาติจัดจ้านของอาหารด้วยค็อกเทลกันสักหน่อย El Padrino (295 บาท) คำนี้หมายถึง ‘เจ้าพ่อ’ ในภาษาสเปน แน่นอนว่ารสชาติมาแบบเจ้าพ่อแน่นอน ใครคุ้นเคยกับคลาสสิกค็อกเทลคงชินกับรสชาติแนวนี้ ค็อกเทลเบสด้วยเหล้าพิสโก้ที่ผ่านการอินฟิวส์กับดอกเก๊กฮวย เติมเหล้าเวอร์มุธ อมาโร และบิตเตอร์กลิ่นส้ม จิบทีละนิดเพื่อให้เข้าถึงกลิ่นและรสที่ซับซ้อน บาร์เทนเดอร์เพิ่มลูกเล่นให้ค็อกเทลเจ้าพ่อแก้วนี้ด้วยก้านอบเชยลนไฟนิดๆ มองแล้วคล้ายซิการ์ก็ไม่ปาน

Huacachina สีขาวฟองละมุน

Huacachina (290 บาท) ค็อกเทลสีขาวพร้อมฟองนุ่มที่ใช้เหล้าวอดก้าเป็นเบส ตามด้วยตะไคร้ แตงกวาญี่ปุ่น กานพลู ใบเตย เลมอน น้ำมะพร้าว และน้ำดอกส้ม รสชาตินุ่มเบาและดื่มง่าย

What You Should Know

• สมุนไพรและดอกไม้ที่ตกแต่งบนจานอาหาร ทางร้านปลูกเองที่สวนเล็กๆ หลังบ้านเจ้าของ
• Roulade หมายถึงอาหารที่ถูกนำไปม้วน ไม่ว่าจะเป็นหมู เนื้อ ไก่ หรือเนื้อสัตว์ หรือวัตถุดิบชนิดใดก็ได้
• Carne และ The Local by Oamthong Thai Cuisine ที่อยู่ข้างกัน เป็นร้านอาหารเครือเดียวกัน กินเนื้อที่นี่เสร็จ ครั้งหน้าลองไปชิมอาหารไทยดีกรีมิชลิน บิบ กูร์มองด์ ที่นั่นบ้างก็ไม่เลวนะ

Carne

Open: เปิดบริการทุกวัน เวลา 17.30-23.30 น.

Address: ซอยสุขุมวิท 23 กรุงเทพฯ

Budget: 1,000-2,000 บาท

Contact: 08 6069 2288

Website: www.facebook.com/carnebkk

Map: