บทที่สามสิบสอง
เรื่องราวของความลับนั้นเมื่อถูกเฉลยออกมาแล้วมันกลับง่ายดายจนข้าพเจ้าคาดเดาไม่ถึง ข้าพเจ้าพยายามขบคิดว่าเพราะเหตุใดกันเล่าข้าพเจ้าจึงละเลยความจริงที่แลเห็นได้ชัดแจ้งเช่นนั้นไปได้ หลังการปรากฏตัวของบุหลัน บุหรงที่เคยติดต่อกับข้าพเจ้ากลับหายไป เธอหายไปพร้อมกับการพังทะลายของ รสา ดาราห์ ในคืนนั้น และแทบจะทันควัน ข้าพเจ้าก็ได้พบกับหญิงสาวที่อ้างตนว่าเป็นพี่น้องฝาแฝดกับเธอ หญิงสาวที่เป็นคู่รักของ ศรี อรพินโท เรื่องเล่าของเธอที่ว่าด้วยชีวิตในวัยเด็กซึ่งถูกกระทำจากแม่เลี้ยงใจร้ายเป็นเทพนิยายเก่าแก่ที่ปรากฏขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าพเจ้าควรเฉลียวใจต่อเรื่องเล่าที่ว่านี้ แต่ก็นั่นเอง ความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจจากการพบว่าหญิงสาวที่ตนเองหมายปองได้กลายเป็นผู้ที่มีเจ้าของอื่นครอบครองแล้วทำให้ข้าพเจ้าไม่อาจขบคิดในเรื่องราวอื่นได้นอกจากการผลักไสความจริงว่าเธอเป็นหญิงสาวอีกคน ไม่ใช่คนที่ข้าพเจ้าร่วมเสน่หาด้วยในคืนก่อนหน้านั้น
หากการเดินทางมาสู่ชวาและดินแดนที่ห่างไกลนี้คือการเปิดประตู่สู่เรื่องราวลึกลับดำมืดจำนวนมากมาย การเดินทางไปเสียจากมันคือการปิดประตูบานดังกล่าวเสียให้สนิท ข้าพเจ้าพบบุหรงเป็นครั้งแรกในยามเย็นขณะที่เธอโดยสารรถของมาเม็ต ก่อนที่จะพบเธออีกในอาการกึ่งจริงกึ่งฝัน ก็ใครไหนเล่าจะจัดการเสียให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้หากไม่ใช่ตัวมาเม็ตเอง เขาล่วงรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าข้าพเจ้าหาใช่ ไฮน์ริช เบิล ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาดังที่ประโคม หากแต่เป็นฟรังซัวส์ อูแบง ผู้ที่เป็นบุคคลที่มือนั้นเปื้อนกลิ่นคาวเลือดและต้องการจะหลีกเร้นจากความจริงข้อนี้ การส่งบุหรงมาเตือนข้าพเจ้าให้ออกเสียจากชวานั้นก็ด้วยเหตุที่ว่าเขาไม่อาจแน่ใจว่าข้าพเจ้าจะร่วมมือเข้ากับฝ่ายใด แต่ท่าทีที่ไม่มีทางเป็นมิตรได้เลยระหว่างข้าพเจ้ากับพันตรี โทรุ ซากาโมโตะ ได้ชักนำให้พวกเขาเปลี่ยนใจ อาจเป็นการดีเสียกว่าที่จะได้ข้าพเจ้าเป็นพวก อีกทั้งเมื่อข้าพเจ้าอยู่ภายใต้การดูแลของมาเม็ต การจะสังหารหรือปิดปากข้าพเจ้าเสียเมื่อข้าพเจ้าแปรพักตร์ก็สามารถกระทำการได้สะดวกอยู่ ดังนั้นการจัดวาง รสา ดาราห์ ขึ้นอย่างเร่งด่วนที่อาคารด้านหน้าของร้าน บุหงา รำไพ นั้นก็เพื่อผูกข้าพเจ้าเข้ากับการเป็นสมัครพรรคพวกนั่นเอง ก็บุรุษใดเล่าที่จะใจแข็งพอที่จะปฏิเสธคำขอจากสตรีที่เขาได้ผูกใจปฏิพัทธ์ลงเสียแล้ว
แผนการณ์ทั้งหมดนั้นเป็นไปอย่างเเนบเนียนไร้ช่องโหว่เว้นเสียแต่จะมีบางอย่างที่นอกเหนือการควบคุม ซึ่งน่าเศร้าที่บางอย่างที่อยู่นอกเหนือการควบคุมนั้นมีอยู่จริงภายใต้นามว่า โทรุ ซากาโมโตะ
ปฏิบัติการตรวจค้นทั่วเมืองบันดุงของ พันตรี โทรุ ซากาโมโตะ ในคืนนั้นทำให้ รสา ดาราห์ ต้องหายสาบสูญไปโดยพลัน ศรี อรพินโท กล่าวกับข้าพเจ้าว่าพวกเขามีความตั้งใจจะสนทนากับข้าพเจ้าหลังข้าพเจ้าตื่นขึ้น และหากเป็นไปได้แล้ว พวกเขาถึงกับจะจัดงานวิวาห์ระหว่างข้าพเจ้ากับบุหรงให้เลยทีเดียว แต่เหตุการณ์อันไม่คาดฝันภายใต้การนำของบุรุษที่พวกเขาเกลียดชังทำให้ทุกอย่างบิดเบี้ยวไปหมด ทุกสิ่งถูกเคลื่อนย้าย ทุกสิ่งถูกกลบเกลื่อน ไม่เว้นเเม้แต่ชายผู้เป็นเจ้าของร้าน บุหงา รำไพ น่าเศร้านักที่เขาต้องตกเป็นเหยื่อกระสุนของ โทรุ ซากาโมโตะ อย่างไร้คุณค่าเพียงเพื่อแลกกับเงินปิดปากจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นเอง บุหรงถูกส่งไปรออยู่ที่ที่ตั้งของกลุ่มต่อต้านฯ ในขณะที่ ศรี อรพินโท และมาเม็ต เฝ้ารอการตื่นขึ้นของข้าพเจ้า และเมื่อ พันตรี โทรุ ซากาโมโตะ ยืนกรานที่จะเข้าไปตรวจตราอาคารหลังที่รสา ดาราห์ เคยดำรงอยู่ การปะทะกันจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อข้าพเจ้าฟังคำสารภาพของ ศรี อรพินโท ถึงตรงนี้ จิตใจของข้าพเจ้าก็หม่นเศร้าลงอย่างยิ่ง อันที่จริงเมื่อข้าพเจ้ารับรู้ว่าบุหรงและบุหลันเป็นบุคคลเดียวกันแล้ว ข้าพเจ้าควรตระหนักเสียตั้งแต่ต้นว่าบุหรงหรือบุหลันไม่มีทางเป็นคนรักของ ศรี อรพินโท ได้เลย เพราะหยดเลือดบนเตียงในคืนนั้นบ่งบอกว่าเธอเป็นสาวบริสุทธิ์ และชายคนแรกที่เธออนุญาตให้แตะต้องนั้นคือข้าพเจ้าเอง
เจ้าสาวที่ข้าพเจ้าคู่ควรกับการวิวาห์บัดนี้ได้กลายเป็นเถ้าถ่านไปเสียแล้ว
คำพูดต่อจากนั้นของ ศรี อรพินโท กลายเป็นอากาศธาตุสำหรับข้าพเจ้า ไม่ว่าจะความจริงที่ว่า บุหรงหรือบุหลันคือลูกสาวเพียงคนเดียวของอับดุล อาฟิซ ครอบครัวที่ทรงอิทธิพลแห่งโบกอร์ เธอถูกส่งไปเรียนที่อัมสเตอร์ดัมตั้งแต่วัยรุ่น ที่นั่นเองที่เธอได้พบกับศรี อรพินโท ซึ่งถูกส่งตัวไปในฐานะข้าราชการหนุ่ม ทั้งคู่พบปะกับเหล่าคนหนุ่มสาวหลายคนที่นั่นและร่วมอุดมการณ์ที่จะปลดปล่อยชวาเสียจากการตกอยู่ภายใต้การเป็นอาณานิคม เมื่อสงครามอุบัติขึ้นในยุโรป พวกเขาพากันเดินทางกลับบ้านเกิดของตนเอง ศรี อรพินโท ลาออกจากราชการ หลบหนีหายไปในป่าทึบ บุหรงดำรงตนในฐานะผู้สืบทอดกิจการของตระกูล และเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินคนสำคัญ ในช่วงที่อยู่ในยุโรปนั้น พวกเขาผูกมิตรกับชาวต่างชาติที่รักชาติจำนวนมาก และชื่อของข้าพเจ้าถูกส่งผ่านมาถึงพวกเขาในฐานะของมือสังหารที่ผ่านสงครามมาจำนวนมาก และพร้อมจะรับงานสำคัญเสมอเมื่อค่าจ้างสูงส่งเพียงพอ
พวกเขาเสนอค่าจ้างที่สูงมากในการว่าจ้างข้าพเจ้าในครั้งนี้ นั่นคือการใช้ตัวของบุหรงเองเป็นมัดจำ
ข้าพเจ้าอำลา ศรี อรพินโท ในเย็นนั้น เมื่อข้าพเจ้าสัมผัสมือของเขา ความรู้สึกที่บอกต่อตนเองว่านี่คือการจากลาที่จะไม่มีคำว่า จนกว่าเราจะพบกันอีก ซึ่งความรู้สึกที่ว่านี้ได้รับการยืนยันว่าเป็นจริงในอีกหลายปีต่อมา มาเม็ตเปิดประตูรถ ข้าพเจ้าขึ้นนั่งที่ด้านหลังของรถและรู้สึกว่าตนเองกลับสู่การเป็น ไฮน์ริช เบิล อีกครั้ง มาเม็ตเองก็ดูจะกลับสู่ความเป็นมาเม็ตผู้เป็นสารถีรถที่เงียบขรึม เราทั้งคู่ดูจะจงใจทิ้งทุกอย่างที่เคยเผชิญและผจญภัยร่วมกันไปเสียให้หมดสิ้น ภายหลังการจากไปของบุหรง
ที่พักของข้าพเจ้ายังคงเป็นเช่นเดิม ข้าพเจ้าละทิ้งมันไปไม่กี่วันนับจากการออกเดินทางในคืนนั้นเพื่อไปยังร้าน บุหงา รำไพ แต่มันเปลี่ยวร้างและหม่นหมองราวกับปราสาทที่ถูกทิ้งร้างมานับแต่ยุคกลาง ฝุ่นผง หยากไย่ ใยแมงมุม เกาะอยู่ตามมุมต่างๆ เศษเถ้าบุหรี่ในที่เขี่ยบุหรี่ เอกสารภาษามธุเรศ เสื้อผ้าและของใช้ของข้าพเจ้ากลายเป็นสิ่งแปลกหน้าอย่างสิ้นเชิง มีแต่วัตถุจากอดีตที่รอการทำลายและละทิ้ง มีเพียงสิ่งเดียวที่ปรากฏขึ้นใหม่ในสถานที่แห่งนั้น นั่นคือ จดหมายจาก พันตรี โทรุ ซากาโมโตะ
จดหมายฉบับนั้นประกอบด้วยซองจดหมายสี่เหลี่ยมผืนผ้า ข้าพเจ้าส่องมันกับแสงไฟจากโคมไฟ ข้างในนั้นมีกระดาษจดหมายแผ่นบางแผ่นหนึ่ง หน้าซองจ่าหน้าถึงข้าพเจ้า ไม่มีแสตมป์ ดังนั้นมันจึงถูกส่งมาโดยใครสักคนที่ไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์อย่างแน่แท้
ข้าพเจ้าจุดบุหรี่ขึ้นสูบ เอนกายกับเก้าอี้หวายที่ระเบียงบ้าน จดหมายของกรมพระฯชักนำข้าพเจ้ามาที่นี่ ส่วนจดหมายฉบับนี้จะชักนำข้าพเจ้าไปยังที่ใดนั้นข้าพเจ้าไม่อาจรู้ได้ ข้าพเจ้าใช้มีดด้ามเล็กเปิดซองมันออก ตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นปรากฏขึ้นเต็มแผ่นกระดาษที่บรรจุอยู่ภายในนั้น
“ถึง ฟรังซัวส์ อูแบง”
เมื่อท่านได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ข้าพเจ้าคงหาชีวิตไม่แล้ว และถ้าท่านไม่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้ นั่นก็หมายความว่าท่านได้หาชีวิตไม่แล้วเช่นกัน นี่เป็นจดหมายที่ต้องถูกอ่านโดยเงื่อนไขที่ว่าต้องมีใครสักคนในระหว่างเราจากโลกนี้ไป อาจเป็นผม อาจเป็นคุณ ไม่มีใครรู้ได้ ในยามที่ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ ผมยังมีชีวิตอยู่ แต่ในยามที่มันถูกเปิดอ่านจะต้องมีใครคนใดคนหนึ่งจากโลกนี้ไป ผมแน่ใจเช่นนั้น และผมหวังว่าคนคนนั้นจะเป็นผม เพราะผมอยากให้คุณได้อ่านจดหมายฉบับนี้และกระทำบางอย่างเพื่อผม
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เราทั้งคู่ต้องเป็นศัตรูกัน โดยเฉพาะในสงครามที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเราเลย มีคำกล่าวว่านายทหารญี่ปุ่นล้วนครอบครองทุกอย่างที่ได้มาในสงครามเว้นเสียแต่ความรู้สึกส่วนตัว ดังนั้นสิ่งที่ผมจะเล่าให้คุณฟังจึงหวังว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกเป่าร้องโดยวิญญาณของนายทหารญี่ปุ่น ซึ่งนั่นคงไม่ทำให้ผิดจากหลักการใดๆกระมัง
ผมจำเป็นต้องสังหารบุหรง ขอให้คุณเข้าใจด้วยว่านั่นคือสิ่งเดียวที่ผมถูกส่งมากระทำในการศึกครั้งนี้ ฉากเบื้องหน้าของผมในการคุมกำลังเป็นเพียงกลลวง ทั้งหมดที่ผมกระทำคือการดึงเธอออกมาสู่ที่แจ้ง มาสู่ความตาย แต่นั่นเป็นสิ่งที่ยากยิ่งเพราะเธอหลบซ่อนอยู่ในเงามืดแทบตลอดเวลา เธอเป็นนกที่บินอยู่ภายใต้เงาแห่งดวงจันทร์
อดิรัต ฮาฟิช ชื่อที่แท้จริงของเธอ ไม่ว่าเธอจะมีชื่อใดก็ตามสำหรับคุณ ชื่อที่แท้จริงของเธอคือ อดิรัต ฮาฟิช
นับจากเข้าครอบครองชวาของกองทัพญี่ปุ่น สิ่งเดียวที่ทำความลำบากใจให้กับพวกเราคือทุนอันไม่จำกัดของฝ่ายต่อต้าน เราอาจปราบปราม กำจัดกำลังของคู่ต่อสู้ได้ แต่ตราบใดที่พวกเขายังมีทุนในการต่อสู้ มันก็เปรียบเสมือนกับการตัดหัวสัตว์ประหลาดไฮดรา หนึ่งหัวที่พร้อมจะงอกมาใหม่อย่างมากมาย ไม่มีประโยชน์ที่จะมุ่งไปที่การจัดการคน ชาวชวามีคนที่พร้อมจะลุกขึ้นสู้กับกองทัพญี่ปุ่นได้ไม่จบสิ้นหากพวกเขายังสามารถหาปืน ได้รับอาหารอย่างพอเพียง พวกเรารู้ว่าทุนทั้งหมดมาจากตระกูลฮาฟิชเมื่อปีกลาย แต่กว่าจะรู้ว่าทั้งหมดนั้นถูกบริหารโดย อดิรัต ฮาฟิช ก็เมื่อต้นปีนี้เอง การทำลายเครือข่ายของเธอเป็นไปด้วยความยากลำบาก ครอบครัวของเธอมีธุรกิจทั้งน้ำมัน ดีบุก ยางพารา ข้าวสาร และทองคำ การไล่ล่าเครือข่ายของเธอนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก บางครั้งเธอปรากฏตนที่บอร์เนียว บางคราเธอปรากฏตัวที่มลายู บาหลี ไกลจนแม้กระทั่งโชนัน อาดิรัต ฮาฟิช คุมกองทัพทางการเงินขนาดใหญ่ที่เราไม่อาจเดาทางได้ อีกทั้งเธอยังคงความชาญฉลาด กลุ่มคนที่พร้อมจะปกป้องเธอ ทางเดียวที่จะนำเธอออกมาสู่ที่แจ้งดังที่ผมกล่าวได้คือรอให้เธอปรากฏตัว โดยเฉพาะการปรากฏตัวเมื่อเธอเองตกหลุมรักใครสักคน
โอกาสของพวกเรามาถึงเมื่อผมได้รับการแจ้งว่าเธอไปพบคุณนับแต่วันแรกที่คุณมาถึงที่นี่ พวกเราเริ่มสงสัยคุณและคิดว่าคุณเป็นใครจึงสำคัญต่อเธอนัก การดักรถของคุณในวันนั้นไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ เธอหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหลังสนทนากับคุณในคืนนั้น และผมเชื่อว่าการคาดคั้นความจริงจากคุณย่อมไม่ก่อประโยชน์ใดๆ พวกเราทำได้แต่เพียงรอ รอเท่านั้นเอง
โชคดีที่การรอนั้นไม่นาน รสา ดาราห์ ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน พวกเราเชื่อว่าเธอต้องอยู่เบื้องหลัง และไม่ผิดจากคาด เราพบเธอและพบคุณอีกครั้งด้วย
นั่นเองคือทั้งหมดที่เราติดตามคุณอย่างไม่ลดละ เราเชื่อว่าเธอรักคุณ และเช่นเดียวกับนกที่แม้จะรักอิสระสักเพียงใด แต่สำหรับผู้ปกปักมันแล้วไม่ช้าก็เร็ว มันต้องบินกลับสู่อ้อมแขนของผู้ที่รักเป็นแน่
เราทุ่มเททุกอย่าง ตีวงเข้ามา และในคืนก่อนหน้าที่ผมจะออกข่าวการประหารชีวิตเพื่อนร่วมงานของเธอ ผมได้นั่งเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงคุณ ผมเชื่อว่าผมจะได้ตัวเธอ แต่หากไม่ ผมก็ยินดีที่จะตาย ผมเหนื่อยล้ากับสงครามเต็มที มิสเตอร์ไฮน์ริช เบิล สงครามจะจบลงในไม่ช้านี้แล้ว แม้จะมีการออกข่าวเพียงใดก็ตาม ทั้งคุณและผมล้วนรู้ดีว่าสงครามใกล้จะจบสิ้นลงแล้ว ญี่ปุ่นจะเป็นผู้แพ้สงคราม และชวาจะเป็นอิสรภาพในที่สุด ผมฝืนความจริงข้อนั้นไม่ได้ ดังนั้นสิ่งเดียวที่ผมจะกระทำได้คือทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ผมต้องสังหารเธอให้สำเร็จ หรือไม่ผมก็ต้องสังหารตนเองให้จบสิ้นไป
หวังว่าเมื่อคุณได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ผมจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ อดิรัต ฮาฟิช ยังมีชีวิตอยู่ และเธอยังมีชีวิตอยู่ในอ้อมแขนของคุณ ผมได้สูญเสียคนรักของผมไปในสงคราม และผมไม่ปรารถนาที่จะให้คุณต้องเผชิญสิ่งเดียวกับผม แต่โปรดให้อภัยผม ในฐานะของนายทหารญี่ปุ่น พวกเราไม่เคยได้เป็นตัวของตัวเองเลย
โทรุ ซากาโมโตะ
(ติดตาม ‘ตอนจบ’ ของ วายัง อมฤต ได้ต่อในวันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม 2561)
ติดตามอ่าน วายัง อมฤต ตอนก่อนหน้าได้ที่
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 1-2)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 3-4)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 5)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 6-7)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 8)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 9)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 10)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 11-12)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 13)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 14)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 15-16)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 17)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 18)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 19)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 20)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 21)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 22)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 23)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 24)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 25)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 26)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 27)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 28)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 29)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 30)
- วายัง อมฤต นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์ (บทที่ 31)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์