วานนี้ (3 กรกฎาคม) เกิดเหตุธารน้ำแข็งถล่มในเทือกเขาแอลป์ของอิตาลี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย บาดเจ็บอีก 8 ราย ขณะทีมกู้ภัยยังคงระดมกำลังกันช่วยเหลือเหยื่อจากอุบัติเหตุต่อเนื่องในวันนี้ (4 กรกฎาคม)
เหตุธารน้ำแข็งถล่มเกิดขึ้นที่ยอดเขามาร์โมลาดา ซึ่งมีความสูงกว่า 3,300 เมตร และเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาโดโลไมต์ โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบจำนวนนักปีนเขาทั้งหมดที่ขึ้นไปในบริเวณดังกล่าว แต่คาดว่าตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตอาจมีจำนวนมากขึ้นอีก
มิเชลา คาโนวา โฆษกหน่วยฉุกเฉิน กล่าวกับสำนักข่าว AFP ว่า “หิมะ ก้อนน้ำแข็ง และเศษหินได้พังถล่มลงมาบริเวณทางเข้าในช่วงที่มีนักปีนเขาอยู่หลายกลุ่มด้วยกัน ซึ่งบางคนก็ถูกเศษซากน้ำแข็งและหินพัดกลืนหายไป” ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งหมดได้นำตัวส่งโรงพยาบาลในพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว
ทั้งนี้ น้ำแข็งปริมาณมหาศาลได้ถล่มลงมาบริเวณใกล้กับปุนตาร็อกกา (Punta Rocca) ซึ่งเป็นเส้นทางที่นักปีนเขานิยมใช้เดินทางเพื่อไปถึงยอดเขา และถึงแม้วันนี้สภาพอากาศจะเป็นใจให้สามารถเดินหน้าปฏิบัติการกู้ภัยต่อได้ แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องทำงานด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากยังมีความเสี่ยงที่ธารน้ำแข็งอาจพังถล่มเพิ่มขึ้นอีก
เจ้าหน้าที่ระบุว่า คลื่นความร้อนในช่วงฤดูร้อนของอิตาลี ส่งผลให้อุณหภูมิของยอดเขามาร์โมลาดาสูงแตะ 10 องศาเซลเซียสเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (2 กรกฎาคม) ซึ่งถือว่าเป็นอุณหภูมิที่สูงกว่าระดับปกติ นอกจากนี้ อุณหภูมิเฉลี่ยที่สูงขึ้นจากภาวะโลกร้อนก็ได้ทำให้ธารน้ำแข็งมาร์โมลาดาละลายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา เฉกเช่นเดียวกับธารน้ำแข็งในพื้นที่อื่นๆ ทั่วโลกซึ่งมีสภาพไม่ต่างกัน
ภาพฟุตเทจที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ ได้เผยให้เห็นช่วงเหตุการณ์ที่ธารน้ำแข็งและเศษหินสีเทาพังถล่มลงมากวาดกลืนทุกสิ่งที่ขวางหน้า ขณะที่การกู้ภัยเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากหินและน้ำแข็งที่ถล่มลงมาได้ทับถมร่างของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจนเป็นอุปสรรคต่อการค้นหา รวมถึงยังมีความเสี่ยงที่ธารน้ำแข็งอาจพังถล่มลงมาอีกดังที่กล่าวไปข้างต้น เพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นในช่วงไม่นานนี้ทำให้ธารน้ำแข็งละลายตัว ส่งผลให้มีน้ำสะสมอยู่ที่ด้านล่างจำนวนมาก ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้น้ำแข็งยุบตัวลงมาได้
ภาพ: PIERRE TEYSSOT / AFP
อ้างอิง:
