ภายในเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมงจากเหตุการณ์ลอบสังหารที่เมืองบัตเลอร์ มลรัฐเพนซิลเวเนีย โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี และตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงชัยเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยหน้า ก็ได้ประกาศตัวคู่หูคนใหม่ของเขาในการลงชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี
โดยทรัมป์ได้เลือกนักการเมืองรุ่นใหม่อย่าง เจ.ดี. แวนซ์ ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองในฐานะสมาชิกวุฒิสภาจากมลรัฐโอไฮโอไม่ถึง 2 ปีมาเป็นเบอร์สองของเขา แทนที่ ไมค์ เพนซ์ อดีตรองประธานาธิบดีที่แตกคอกับทรัมป์ หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เพนซ์ไม่ยอมโหวตไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งที่แล้วตามที่ทรัมป์ร้องขอ หลังจากที่ทรัมป์พ่ายแพ้ให้กับไบเดนในการเลือกตั้งปี 2020
แวนซ์เป็นใคร? และอะไรคือแรงจูงใจที่ทำให้ทรัมป์ตัดสินใจเลือกเขาแซงหน้านักการเมืองที่มีประสบการณ์การเมืองสูงกว่าอีกหลายๆ คน บทความนี้จะวิเคราะห์ถึงกลยุทธ์ของทรัมป์ต่อการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน และทิศทางของพรรครีพับลิกันในยุคหลังทรัมป์
เจ.ดี. แวนซ์
แวนซ์เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีอายุเพียง 39 ปี ซึ่งถ้าหากเขาและทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ เขาจะกลายเป็นรองประธานาธิบดีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์เป็นอันดับที่ 3 (เป็นรองแค่ จอห์น บริกเคนริดจ์ และ ริชาร์ด นิกสัน)
แวนซ์สร้างชื่อมาจากการเขียนหนังสือเรื่อง Hillbilly Elegy ซึ่งเป็นหนังสือบรรยายชีวประวัติของตัวเขาเองที่เติบโตมาในแถบชนบทยากจนของมลรัฐโอไฮโอ ซึ่งในหนังสือบรรยายถึงความยากจน การขาดโอกาสทางเศรษฐกิจและปัญหายาเสพติดที่คนขาวในเขตชนบทอย่างเขาต้องพบเจอ และเขาก็ได้วิพากษ์วิจารณ์พรรคเดโมแครตอย่างรุนแรงว่านโยบายของพวกเขาทอดทิ้งคนขาวและเอาใจแต่คนผิวสีในเมือง หนังสือเล่มนี้เป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้อ่านที่มีแนวคิดแบบอนุรักษนิยมและติดอันดับหนังสือขายดีของ The New York Times
แวนซ์เริ่มเป็นที่รู้จักในแวดวงการเมืองในช่วงของการเลือกตั้งในปี 2016 ซึ่งมักจะออกมาให้สัมภาษณ์โจมตีทรัมป์อยู่เสมอๆ โดยบอกว่าทรัมป์ไม่มีคุณสมบัติที่ดีพอจะเป็นผู้นำของประเทศ เพราะทรัมป์มักจะพูดเท็จ มีประวัติทุจริตในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และปัญหาเรื่องการหย่าร้างจากการมีสัมพันธ์นอกสมรส
อย่างไรก็ตาม เมื่อแวนซ์ตัดสินใจลงสนามทางการเมืองจริงๆ ด้วยการลงสมัคร สว. ของมลรัฐบ้านเกิดอย่างโอไฮโอ เขาก็กลับลำ 180 องศาด้วยการกลับมาเป็นผู้สนับสนุนทรัมป์อย่างเต็มตัว เพราะเขารู้ว่าฐานเสียงของพรรคนั้นภักดีกับทรัมป์มากขนาดไหน ซึ่งนั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของเขา เพราะทรัมป์ได้ให้การสนับสนุนแวนซ์เป็นการตอบแทนจนทำให้เขาชนะการเลือกตั้งจนได้เป็นผู้แทนพรรครีพับลิกันและชนะการเลือกตั้งทั่วไปในที่สุด จนได้เป็น สว. คนใหม่ของโอไฮโอ
America First
ถึงแม้ว่าการที่แวนซ์ตัดสินใจกลับมาสนับสนุนทรัมป์ก่อนที่เขาจะลงมาเล่นการเมืองจะดูเหมือนเป็นเรื่องของการฉวยโอกาสเพื่ออนาคตทางการเมืองของเขาเอง แต่ว่ากันตามจริงแนวคิดทางการเมืองของเขานั้นก็ตรงกับแนวคิดแบบ America First ของทรัมป์แทบจะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดำเนินนโยบายเอาใจคนขาวในเขตชนบทด้วยแนวคิดการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบ Protectionism เช่น การตั้งกำแพงภาษี, การทำสงครามการค้ากับจีน และการลดการนำเข้าแรงงานจากเม็กซิโกเพื่อสร้างงานอุตสาหกรรมในเขตชนบท และนโยบายการต่างประเทศแบบไม่ยุ่งกับประเทศอื่น (Isolationism) เพื่อนำเงินงบประมาณมาใช้จ่ายกับประชาชนในประเทศแทนที่จะเอาไปช่วยเหลือประเทศอื่น โดยเฉพาะการใช้จ่ายทางการทหารเพื่อปกป้องพันธมิตร NATO ซึ่งแวนซ์เป็น สว. เพียงไม่กี่คนของพรรครีพับลิกันที่พูดมาอย่างชัดเจนเสมอว่าสหรัฐอเมริกาต้องยุติการช่วยเหลือยูเครนได้แล้ว
ทรัมป์มั่นใจว่าจะชนะ
ปกติแล้วการเลือกคู่หูมาลงชิงชัยในตำแหน่งรองประธานาธิบดีนั้น พรรคและผู้สมัครประธานาธิบดีมักจะเลือกคู่หูมาเติมในสิ่งที่ตัวเองขาดเพื่อเพิ่มคะแนนเสียงให้กับตัวเอง
แม้แต่ทรัมป์เองในการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 นั้น เขาก็ได้เลือกเพนซ์มาเป็นคู่หูเพราะเพนซ์มีภาพของความเป็นนักการเมืองสายอนุรักษนิยม เคร่งศาสนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรัมป์ในขณะนั้นยังขาด ด้วยปัญหาเรื่องการมีสัมพันธ์นอกสมรสและการหย่าร้างหลายครั้ง ซึ่งทำให้ฐานเสียงสายอนุรักษนิยมเคร่งศาสนาของพรรคสงสัยในความเป็นอนุรักษนิยมแท้ในตัวของทรัมป์ ทำให้เขาต้องเอาเพนซ์มาอุดรอยรั่วตรงนี้
แต่อย่างไรก็ดี ทรัมป์ไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองกับฐานเสียงสายอนุรักษนิยมเคร่งศาสนาอีกแล้ว เพราะทรัมป์เป็นคนทำให้กฎหมายทำแท้งเสรี (Roe v. Wade) ต้องถูกล้มไปจากตุลาการศาลสูงสุดสามคนที่เขาแต่งตั้งเข้าไปในช่วงการดำรงตำแหน่งสมัยแรกของเขา ซึ่งการล้มกฎหมายทำแท้งเสรีนี้เป็นความปรารถนาสูงสุดของสมาชิกพรรคสายเคร่งศาสนามาหลายสิบปี
ในการเลือกตั้งรอบนี้ นักวิเคราะห์ทางการเมืองหลายคนเคยวิเคราะห์ไว้ว่า ทรัมป์น่าจะเลือกนักการเมืองผิวสี เช่น มาร์โก รูบิโอ (เชื้อสายฮิสแปนิก) สว. ของมลรัฐฟลอริดา หรือ ทิม สกอตต์ สว. ของมลรัฐเซาท์แคโรไลนา (แอฟริกัน-อเมริกัน) เพื่อเพิ่มคะแนนในหมู่ชนกลุ่มน้อยในเขตเมือง หรือเลือกคนที่มีภาพลักษณ์กลางๆ อย่าง ดัก เบอร์กัม ผู้ว่าการรัฐนอร์ทแคโรไลนา หรือ เกล็น ยังคิน ผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย เพื่อดึงดูดคะแนนจากคนที่อยู่กลางๆ โดยเฉพาะในเขตชานเมือง
แต่การที่ทรัมป์เลือกคนที่แทบจะเป็นโคลนนิ่งของเขาอย่างแวนซ์ แปลได้ว่าเขามั่นใจในผลโพล และคิดว่าการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้อยู่ในมือของเขาแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องใช้รองประธานาธิบดีไปหาเสียงจากใครอีก และเขาควรที่จะเลือกคนที่จะยังคงเอาแนวคิด America First มาเป็นทายาท เพื่อกำหนดทิศทางในการขับเคลื่อนพรรครีพับลิกันต่อไป หลังจากที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครบ 2 สมัยแล้ว
เกาะติด การเลือกตั้งสหรัฐ 2024 ได้ที่ เว็บไซต์พิเศษ : เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 และ Facebook : THE STANDARD
ภาพ: Melina Mara / The Washington Post via Getty Images