คน Gen Z ที่โตมากับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น มีมุมมองที่แตกต่างจากภาพลักษณ์ที่คนทั่วไปมองว่าพวกเขาต้องการความยืดหยุ่นในการทำงานหรือให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสังคมมากกว่าเงินเดือน จากผลสำรวจของ EduBirdie พบว่าสิ่งที่ Gen Z ต้องการมากที่สุดในการทำงาน คือการมีรายได้มากกว่าพ่อแม่!
ผลสำรวจจากคน Gen Z จำนวน 2,000 คน เผยให้เห็นว่า แม้ว่า Work-Life Balance และความสุขในการทำงานจะเป็นเป้าหมายที่สำคัญ แต่เงินก็ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โดย 31% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าเป้าหมายหลักในอาชีพการงานของพวกเขาคือการหาเงินให้ได้มากๆ เทียบกับเพียง 12% ที่ระบุว่าต้องการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม
ผลสำรวจนี้สอดคล้องกับโพสต์บน Reddit ที่ผู้ใช้ Gen Z คนหนึ่งระบุว่า ‘คนรุ่นก่อนต้องเข้าใจว่า Gen Z จะไม่ทำงานหนักเพื่อชีวิตที่ธรรมดา’ โดยโพสต์นี้ยังแสดงความไม่พอใจกับคนรุ่น Baby Boomer ที่บอกให้ Gen Z และ Millennials ยอมรับกับเงินเดือนที่ต่ำกว่า 60,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ประมาณ 2.1 ล้านบาท) ซึ่งไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตที่ดี
แม้ว่าข้อเรียกร้องนี้อาจดูเหมือนเป็นการเรียกร้องสิทธิ์เกินควร แต่ Gen Z มีมุมมองที่เป็นเหตุเป็นผล พวกเขาไม่ต้องการเสียสละและใช้ชีวิตแบบจำกัดหากพวกเขาทำงานหนัก เงินเดือนที่ต่ำไม่เพียงพอสำหรับมาตรฐานการครองชีพที่ดี
ไม่ได้หมายความว่า Gen Z เป็นคนโลภหรือไม่มีความทะเยอทะยาน พวกเขามีความฝันทางการเงินที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการมีบ้านเป็นของตัวเอง ชำระหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา และมีอิสรภาพทางการเงินจากครอบครัว แต่การเติบโตในเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและวิกฤตการณ์ต่างๆ ทำให้ Gen Z เข้าใจว่าการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นต้องใช้เงินเดือนที่สูงกว่าคนรุ่นก่อนๆ
Ksenia Hubska หัวหน้าฝ่ายข้อมูลของ EduBirdie กล่าวกับ Fortune ว่า “วิถีการทำงานและการใช้ชีวิตของ Gen Z สะท้อนถึงความฝันแบบอเมริกันยุคใหม่ พวกเขาให้ความสำคัญกับความสุขมากกว่าเงิน ให้ความสำคัญกับครอบครัว และมุ่งสู่อนาคตที่มั่นคง” โดยสรุป Gen Z ต้องการชีวิตที่ดีที่ปู่ย่าตายายในยุค Baby Boomer มี แต่ไม่ยอมรับมาตรฐานการครองชีพที่ต่ำต้อย
เงินคือพระเจ้า: สิ่งที่ Gen Z ยอมเสียสละ
ผลสำรวจของ EduBirdie แสดงให้เห็นว่า คน Gen Z ยินดีที่จะเสียสละอย่างมากเพื่อเงินเดือนที่สูงขึ้น โดย 41% ยอมสละการทำงานทางไกล 37% ยอมเลิกทำงานอดิเรกและอาชีพเสริม และ 31% ยอมเจอเพื่อนน้อยลง
ในขณะที่คนรุ่น Millennials ให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance แต่ Gen Z กลับมีแนวคิดที่แตกต่างออกไป พวกเขามองว่าการมีรายได้สูงเป็นกุญแจสำคัญในการมีชีวิตนอกเหนือจากการทำงาน และเป็นหนทางในการมุ่งเน้นไปที่สุขภาพ ครอบครัว และการแสวงหาความชอบ
แรงผลักดันนี้สามารถทำให้ Gen Z มีรายได้มากกว่าพ่อแม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่คน Millennials อาจทำได้ยาก ผลสำรวจพบว่า 63% ของ Gen Z ตั้งเป้าหมายที่จะร่ำรวย แม้ว่าพ่อแม่ของพวกเขาจะไม่ได้ร่ำรวยก็ตาม และ 20% กล่าวว่า พ่อแม่ของพวกเขาร่ำรวยและพวกเขาต้องการบรรลุสถานะเดียวกันนั้น
ในทางตรงกันข้าม งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า Millennials กว่าครึ่งคาดว่าจะได้รับมรดกอย่างน้อย 350,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 12.2 ล้านบาท) จากพ่อแม่ ซึ่งอาจทำให้พวกเขาพอใจกับรายได้ที่เท่ากับพ่อแม่
อย่าหาว่า Gen Z ขี้เกียจ!
แม้ว่าจะมีชื่อเสียงว่าเป็นคนรุ่นขี้เกียจ แต่ข้อมูลของ EduBirdie แสดงให้เห็นว่า Gen Z มีแรงจูงใจสูงในการทำงาน เพียงแต่พวกเขามีเป้าหมายที่ต่างจากคนรุ่นก่อนๆ พวกเขายินดีที่จะทำงานหนัก แต่ไม่ใช่เพื่อชีวิตที่พวกเขามองว่าธรรมดา
สำหรับบริษัทที่พยายามดึงดูดพนักงาน Gen Z ให้กลับมาทำงานในออฟฟิศ การเพิ่มค่าตอบแทนอาจเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด Gen Z แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขายินดีที่จะเสียสละและประนีประนอม หากหมายความว่าจะได้รับเงินเดือนที่สูงขึ้น
หากนายจ้างต้องการความสามารถและประสิทธิภาพในเรื่องงานของ Gen Z พวกเขาอาจต้องทบทวนสิ่งที่พวกเขานำเสนอในแง่ของเงินเดือนและโอกาสในการก้าวหน้าในอาชีพ
คนรุ่นนี้จะไม่ถูกดึงดูดให้กลับมาทำงานในออฟฟิศด้วยมาตรการครึ่งๆ กลางๆ หรือค่าจ้างที่ธรรมดา พวกเขาต้องเห็นเส้นทางสู่ ‘ความฝันแบบอเมริกันยุคใหม่’ ของพวกเขาที่มีความมั่งคั่งและ Work-Life Balance
ภาพ: Klaus Vedfelt / Getty Images
อ้างอิง:
