สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Truong My Lan เศรษฐินีด้านอสังหาริมทรัพย์ของเวียดนาม ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงและคอร์รัปชัน คิดเป็นเงินมากถึง 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 4.3 แสนล้านบาท
เจ้าหน้าที่ของเวียดนามระบุว่า การฉ้อโกงครั้งนี้ดำเนินการโดยใช้บริษัทนอมินีจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลเพื่อให้เพิกเฉยต่อการกระทำผิด ขณะเดียวกันก็ให้ธนาคารที่ Lan มีอำนาจควบคุมโดยผิดกฎหมาย ปล่อยเงินกู้ให้กับตัวเธอและพวกพ้อง คิดเป็นมูลค่ามากถึง 11% ของ GDP เวียดนามในปี 2022 (ราว 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์)
ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาล 24 คน ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลความมั่นคงปลอดภัยของระบบธนาคาร ถูกกล่าวหาว่ารับสินบนจาก Lan เพื่อปกปิดการกระทำผิด
Lan เป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของเวียดนามที่ชื่อว่า Van Thinh Phat Group เตรียมที่จะขึ้นศาลเพื่อเริ่มต้นการพิจารณาคดีในวันที่ 5 มีนาคมนี้ และหากพบว่ากระทำความผิดจริงอาจได้รับโทษสูงสุดคือประหารชีวิตหรือจำคุก
คดีฉ้อโกงครั้งประวัติศาสตร์นี้เป็นเพียงหนึ่งในหลายคดีที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามจริงจังกับการปราบปรามการทุจริต คดีนี้สะท้อนถึงความท้าทายของประเทศกำลังพัฒนาอย่างเวียดนาม ขณะที่พยายามดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติเพื่อก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลกให้กับบริษัทต่างๆ อย่าง Apple Inc. และ Samsung Electronics Co.
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับความสามารถของรัฐบาลในการปกป้องระบบธนาคาร ตลาดพันธบัตร และเศรษฐกิจโดยรวม ท่ามกลางกระแสความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
Zachary Abuza ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองในอาเซียนของ National War College กล่าวว่า “หน่วยงานตรวจสอบของรัฐบาลกำลังถูกกดดันอย่างหนัก พวกเขาปรับตัวไม่ทันกับการเติบโตของเศรษฐกิจ เงินมหาศาลหลั่งไหลเข้าประเทศ ขณะที่กำลังคนไม่เพียงพอ และคนทำงานยังได้รับเงินเดือนเพียงน้อยนิด”
ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เวียดนามเป็นประเทศที่เติบโตร้อนแรงที่สุดในอาเซียน เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้ามามากกว่า 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2023 เพิ่มขึ้น 3.5% จากปีก่อนหน้า
ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อปีของแรงงานในเวียดนามอยู่ที่ราว 4,000 ดอลลาร์ แต่จำนวนของชาวเวียดนามที่มีความมั่งคั่งมากกว่า 30 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 82% เป็นจำนวน 1,059 ราย ในระหว่างปี 2018-2022 จากข้อมูลของ Knight Frank Wealth Report
หนึ่งในปัญหาสำคัญของเวียดนามคือเรื่องของความโปร่งใส สำนักข่าวต่างชาติอย่าง Bloomberg เข้าถึงข้อมูลได้อย่างจำกัด เช่น รายงานของตำรวจ และข้อมูลส่วนใหญ่มักจะถูกเผยแพร่ผ่านสื่อที่กำกับโดยรัฐบาล
สำนักงานอัยการสูงสุดของเวียดนามได้ยื่นฟ้องประธานกรรมการของกลุ่มบริษัท Van Thinh Phat Group ในข้อหายักยอกเงินกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์จากธนาคาร Saigon Commercial Bank (SCB) ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ถึงเดือนตุลาคม 2022 ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มากกว่ามูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) ของธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ในเวียดนาม
ล่าสุด อสังหาริมทรัพย์กว่า 700 หน่วยของ Van Thinh Phat Group ที่อยู่ระหว่างการขายถูกอายัดไว้โดยรัฐบาล และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 156 แห่งถูกควบคุมโดยรัฐบาลเช่นกัน รวมทั้งการอายัดทรัพย์สินหลายล้านดอลลาร์ ไม่ว่าจะเป็นเงินสด รถหรู เรือยอชต์ และอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งอายัดเงินในธนาคารมูลค่ามากกว่า 1.8 ล้านล้านดอง
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเร็วสุดต่อเศรษฐกิจเวียดนามคือความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่อาจหดหายไป
Nguyen Tri Hieu นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ 3 แห่ง กล่าวว่า “นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นในตลาดพันธบัตร”
ตามข้อมูลของสมาคมตลาดพันธบัตรเวียดนาม ปีนี้มีหุ้นกู้ภาคเอกชนที่จะต้องชำระคืนประมาณ 279.2 ล้านล้านดอง ซึ่งรวมถึงพันธบัตรอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 115.7 ล้านล้านดองด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้บริษัทหลายแห่งประสบปัญหาในการชำระหนี้
BMI หน่วยงานของ Fitch Solutions ระบุว่า อีกหนึ่งผลกระทบที่ต้องจับตาคือ การเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามที่อาจผิดไปจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนาม และการที่โครงการกว่า 1,200 แห่งหยุดชะงักจากปัญหาสภาพคล่อง เนื่องจากผู้ประกอบการไม่สามารถเข้าถึงเงินทุนได้มากเท่ากับในอดีต
อ้างอิง: