ใครนับบ้างว่าจนถึงสิ้นปีนี้ตัวเองออกไปนั่งดื่ม เช็กอินบาร์ใหม่แล้วทั้งหมดกี่แห่ง? และถ้าคนไหนไปมาครบทั้งลิสต์ที่เรากำลังจะพูดถึงนี้ ก็ขอยกให้เป็นผู้ชนะไปเลยแล้วกัน (พูดจริงๆ)
เพราะฉะนั้นมาดูกันเลยว่าตลอดปี 2023 มีบาร์ไหนที่ทุกคนพลาดไป หรือบาร์ไหนที่ลืมชวนเพื่อนไปเช็กอินกันบ้าง กับลิสต์พิเศษส่งท้ายปี ‘34 New Bars 2023’ รวมบาร์เปิดใหม่น่าสนใจตลอดปีนี้จาก THE STANDARD LIFE
ว่าแต่…บาร์โปรดของทุกคนอยู่ในลิสต์นี้ด้วยหรือเปล่า?
Ray Cocktail Bar
หลังจากเปิด Rimshot ไปได้ไม่นานนัก นี่คืออีกหนึ่งโปรเจกต์ล่าสุดของเครือ Sugar Ray ที่มาสั่นสะเทือนวงการบาร์และค็อกเทลอีกครั้งกับ Ray Cocktail & Bite บาร์ที่ใส่ความญี่ปุ่นในค็อกเทล และให้ผู้คนดื่มด่ำกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่าสิ่งที่อยู่หลังบาร์
ค็อกเทลที่นี่แบ่งเป็น 3 หมวด หมวดแรก Simple จะออกแนวสดชื่นดื่มง่าย หมวดถัดมา Sophisticated รสชาติจะซับซ้อนกว่าค็อกเทลปกติ และหมวดสุดท้าย Japanese Classics เป็นเครื่องดื่มที่ได้แรงบันดาลใจจาก Tokyo Cocktail Book
Open: ทุกวัน 18.30-01.30 น.
Address: ซอยเจริญกรุง 72/1
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/ray-cocktail-and-bite/
4th Wall
บาร์คลาสสิกค็อกเทลแห่งใหม่ที่เปลี่ยนเมนูทุกวัน เพราะมีค็อกเทลกว่า 500 สูตร แต่ทุกคนไม่ต้องกลัวว่าแก้วโปรดจะหายไป เพราะทุกวันสามารถสั่งนอกเมนูได้ ใครอยากดื่มอะไรก็สั่งเลย เพียงแต่เมนูที่เลือกมาให้เป็นเมนูแนะนำ โดยแบ่งเป็น 3 หมวด คือ 1st, 2nd และ 3rd เรียงลำดับตามความแรง ดื่มง่ายไปดื่มยาก แก้วเปิดไปแก้วปิด
Open: วันจันทร์-อังคาร และวันพฤหัสบดี-อาทิตย์ เวลา 16.00-00.00 น.
Address: ถนนไมตรีจิตต์
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/4th-wall-bkk-cocktail-bar/
oben Bar
ชื่อร้านเป็นภาษาเยอรมัน เมื่อแปลเป็นภาษาอังกฤษหมายความว่า Above, Beyond the Surface หรือ Upstairs ในความหมายสแลง ซึ่งสอดคล้องกับทำเลบาร์นั่นเอง เพราะบาร์ไวน์ oben อยู่ชั้นลอยของคาเฟ่ BONCI การขึ้นไปต้องเดินอ้อมหลังอาคารเข้าทางลานจอดรถ เพราะบาร์เปิดหลังจากที่ร้านกาแฟปิดแล้ว
เมนูที่บาร์เป็นแผ่นพับ ด้านหนึ่งเป็นลิสต์ไวน์ โดยแต่ละประเภทจะมีเพียง 2 ฉลากให้เลือก และบางขวดก็รินขายเป็นแก้ว ส่วนอีกด้านเป็นเมนูของกินเล่น ซึ่งทุกโต๊ะจะถูกเสิร์ฟด้วยนาโชส์ชิปเป็นของกินเล่นแกล้มไวน์อยู่แล้ว ไม่ต้องสั่งเพิ่ม
oben
Open: วันพุธ-อาทิตย์ เวลา 19.00-00.00 น.
Address: ถนนพหลโยธิน (ชั้น 2 คาเฟ่ BONCI)
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/oben/
The Carnival BKK
จากคาเฟ่ดีไซน์เก๋เท่เคล้ากลิ่นอายแคลิฟอร์เนียตอนใต้ใกล้ชายแดนเม็กซิโก ที่ถูกคิดมาแล้วว่าทำคอนเทนต์มุมไหนก็สวย อย่าง FO SHO BRO สู่การขยายพื้นที่ด้านหลังเป็นบาร์คราฟต์เบียร์ The Carnival Bar BKK หนึ่งในแพลนที่ถูกซุ่มทำมานานนับปี และยังเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายมาเติมเต็มอาณาจักร The Carnival BKK ให้สมบูรณ์แบบ
โดยที่นี่จะมีเบียร์เสิร์ฟ 12 ตัว โดย 6 ตัวแรกเป็น House Beer ถัดมาอีก 3 ตัวเป็นเบียร์ที่สนับสนุนน้องๆ มือใหม่ที่เข้าสู่วงการคราฟต์เบียร์ และอีก 3 ตัวสุดท้ายเป็นเบียร์นอกเกรดพรีเมียม
Open: เปิดทุกวัน เวลา 12.00-00.00 น.
Address: ซอยสุขุมวิท 68 บางนา
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/the-carnival-bar-bkk/
Ochoko Bar
สาเกบาร์ลับๆ ที่ซ่อนอยู่ในโครงการ Blue Wild Space ในซอยสุขุมวิท 36 ทางเข้าซ่อนอยู่ด้านหลังบ้าน แต่เมื่อเดินเข้ามาทุกคนจะพบกับไวบ์บาร์อบอุ่นเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมกับสาเกที่ส่วนใหญ่คัดมาจากฮอกไกโดเป็นหลัก เพราะเจ้าของบาร์อยากนำเสนอของดีจากบ้านเกิดตัวเอง และอาหารในบาร์ก็เป็นฝีมือของเขาเช่นกัน
Ochoko Bar
Open: เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 19.00-00.00 น.
Address: Blue Wild Space
161 Crypt Bar
แค่เปิดประตูเข้ามาก็รู้แล้วว่าบาร์นี้มันเท่ อาจด้วยเปิดอยู่ชั้นใต้ดินสลัวๆ ผสมการตกแต่งแนววินเทจ และบาร์เทนเดอร์หน้าเข้มที่ทำให้ 161 Crypt Bar ดูสมกับเป็น Gentleman Club ตามรสนิยมเจ้าของบาร์ที่ชอบเรื่องราวเก่าๆ และบรรยากาศย้อนยุค
เช่นเดียวกับค็อกเทลที่ดึงคอนเซปต์มาจากยุค 1870 ซึ่งเป็นช่วงที่แต่ละประเทศ แต่ละทวีปมีเรื่องราวน่าสนใจเกิดขึ้นเป็นของตัวเอง บาร์เทนเดอร์จึงหยิบเรื่องเหล่านั้นมาตีความเป็นซิกเนเจอร์ดริงก์
Open: เปิดทุกวัน เวลา 18.00-00.00 น.
Address: ซอยเอกมัย 10
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/161-crypt-bar/
Un-cle bar
บาร์แห่งใหม่ใน Josh Hotel ที่เอาใจเหล่าผู้ชื่นชอบเนเชอรัลไวน์ ด้วยลิสต์ไวน์คุณภาพที่คัดสรรมาอย่างดี พร้อมกับอาหารคอมฟอร์ตฟู้ดแบบญี่ปุ่นสมัยใหม่ที่สอดแทรกกลิ่นอายเมดิเตอร์เรเนียนเบาๆ ถ้าวันไหนใครอยากหาที่แฮงเอาต์ชิลๆ หลังเลิกงาน กินอาหารง่ายๆ สบายๆ และยิ่งถ้าชอบเนเชอรัลไวน์อยู่แล้ว ที่นี่ตอบโจทย์แน่นอน แถมหากแวะมาวันศุกร์-เสาร์ก็จะมีดนตรีจากดีเจตลอดคืนอีกด้วย
Open: วันจันทร์-เสาร์ เวลา 17.00-00.00 น.
Address: Josh Hotel ซอยอารีย์ 4
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/un-cle-bar/
Snuggle Huggle
ร้านนี้เกิดจากกลุ่มเพื่อน 4 คนที่ชอบแฮงเอาต์ในห้องนั่งเล่นด้วยกันบ่อยๆ จนอยากทำโปรเจกต์ร้านกินดื่มด้วยกันขึ้นมา เครื่องดื่มของ Snuggle Huggle จึงเกิดจากทั้งเรื่องราว ความรู้สึก และไอเดียของแต่ละคน ที่อยากให้คนดื่มรู้สึกอบอุ่น สนุก และโรแมนติก
Open: เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.30-02.00 น. (ปิดวันจันทร์)
Address: ถนนพหลโยธิน (ระหว่างธนาคารออมสินกับโครงการเดอะฮับ พหลฯ-อารีย์)
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/snuggle-huggle/
Sundry
เวลานี้ถ้าให้นึกร้านแฮงเอาต์แห่งใหม่ที่น่าไปนั่งชิลจิบค็อกเทล ก็คงหนีไม่พ้น Sundry ด้วยทำเลติดถนนใหญ่พระราม 4 และบรรยากาศแบบคลับเฮาส์ใจกลางเมืองที่ไม่ต้องสมัครสมาชิกก็แวะมาจอยได้ ทำให้ที่แห่งนี้ครึกครื้นแทบทุกวัน
ในส่วนของเมนูจะมีสองด้าน ด้านหน้าคือซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่แบ่งเป็น 5 หมวด โดยมีแรงบันดาลใจมาจากสิ่งที่อยู่รอบกรุงเทพฯ และประเทศไทย ส่วนด้านหลังเป็นคลาสสิกค็อกเทลและสปิริตลิสต์ โดยเน้นไปที่สปิริตจากฝั่งเอเชียเป็นหลัก
Open: เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.30-02.00 น. (ปิดวันจันทร์)
Address: ถนนพระราม 4 (ข้าง SO/ Bangkok)
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/sundry-hi-fi-cocktail/
F*nkytown Bangkok
คุณคิดว่าคุณเป็นคนแปลกแค่ไหน มาลองวัดจากเมนูค็อกเทลของร้าน F*nkytown Bangkok ได้ เพราะที่นี่ทำวัตถุดิบอาหารกับเครื่องดื่มสลับกัน ด้วยการนำส่วนผสมบางอย่างของเมนูอาหารมาใส่ในค็อกเทล และนำส่วนผสมบางอย่างของค็อกเทลมาอยู่ในอาหาร โดยระดับความแปลกของเมนูอาหารและเครื่องดื่มจะมีการให้คะแนนระบุเอาไว้ตั้งแต่ 1-5 ลองตามไปวัดเลเวลของตัวเองดู
Open: เปิดทุกวัน เวลา 17.00-00.00 น.
Address: ชั้น 4-5 บน Sarnies Sukhumvit ซอยสุขุมวิท 37
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/fnky-town
Midlife Crisis BKK
ค็อกเทลบาร์ที่มีจุดเริ่มต้นจากเชียงใหม่ จุดเด่นของ Midlife Crisis BKK นอกจากตัวค็อกเทลเองแล้ว ก็เห็นจะเป็นชื่อค็อกเทลแต่ละแก้วที่ตั้งชื่อตามวลีเด็ดหรือแฮชแท็กที่อยู่ในกระแสสังคม
และนอกจากซิกเนเจอร์ค็อกเทล ก็ยังสามารถสั่งคลาสสิกค็อกเทลได้ตามปกติ หากจิบครบทุกเมนูแล้ว หรืออยากได้ความตื่นเต้นเล็กๆ น้อยๆ อย่าลืมเรียกหา Cocktail Bet ตู้เสี่ยงดวงจิบที่มีกฎเพียงข้อเดียวว่า โยกเครื่อง 1 ที แล้วรอลุ้นแก้วถัดไปได้เลย ไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหนก็จะต้องจิบตามนั้น
Open: เปิดวันอังคาร- อาทิตย์ เวลา 18.00-00.00 น.
Address: ซอยสุขุมวิท 16 (ตรงข้ามสำนักงานกฎหมายธรรมธรรมสาส์น)
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/midlife-crisis-bkk/
Bar Glide Bkk
ค็อกเทลบาร์เล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่น Kishin Satoshi Tsuru บนชั้น 12 ของโรงแรม The St. Regis Bangkok โดยชื่อของร้านมาจากแนวคิดที่อยากจะให้คนที่เข้ามานั่งได้ทำตัวสบายๆ คล้ายกับการร่อน Glide
เครื่องดื่มที่นี่เป็นสไตล์คลาสสิก ความพิเศษคือสูตรเครื่องดื่มแต่ละตัวเกิดจากการค่อยๆ แกะมาจากหนังสือชื่อ Tokyo Cocktails แล้วเอามาปรับให้ได้ปริมาตรที่เหมาะสม ซึ่งเมนูเครื่องดื่มของร้านจะแบ่งออกเป็น 4 หมวดหลักๆ คือ Highball Style, Complex, Sour Dry และ Spirit forward
Open: เปิดวันอังคาร- อาทิตย์ เวลา 18.00-01.00 น.
Address: ชั้น 12 โรงแรม The St. Regis Bangkok
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/bar-glide-bkk/
Wine do I still?
เราเองก็เพิ่งสังเกตว่าในย่านเยาวราชยังไม่ค่อยมีไวน์บาร์เท่าไร Wine do I still? จึงน่าจะเป็นไวน์บาร์แห่งแรกๆ และแห่งเดียวในย่านนี้ที่มาพร้อมเครื่องดื่มหลาย Label หลายสี และหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นเนเชอรัลไวน์ ออร์แกนิกไวน์ หรือไวน์จากทั้งโลกเก่าโลกใหม่ รอให้ทุกคนชวนเพื่อนที่ยังไม่ลืม(เขา)มานั่งพูดคุยกัน
Open: เปิดทุกวัน เวลา 18.00-00.00 น.
Address: ซอยแขวงป้อมปราบ ถนนยี่สิบสองกรกฎาคม
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/wine-do-i-still-bar/
Very Nice Bar
บาร์นี้ตั้งอยู่ที่ถนนเจริญกรุง แถวๆ ย่านตลาดน้อย ที่นี่เป็นบาร์ที่ดูเรียบง่าย การตกแต่งมีความมินิมัลแนวญี่ปุ่น และเป็นบาร์ที่เปิดเพลงไม่ดังมาก พอให้ได้บรรยากาศ จะได้ไม่ต้องตะโกนคุยกัน ส่วนเครื่องดื่มจะเน้นเบสแอลกอฮอล์ญี่ปุ่นเป็นหลัก
Open: เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 18.00-23.00 น.
Address: ตลาดน้อย
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/very-nice-bar/
Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
คาเฟ่ Oh! Vacoda กลับมาเปิดพร้อมไวบ์ใหม่ กลายเป็น Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club ที่แค่เปิดประตูเข้าไปก็ได้กลิ่นอายซิตี้ป๊อปชัดแจ๋ว บวกกับโซนบาร์ที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มผลไม้ฉลากน่าหยิบจับ รับรองถึงเวลากลางคืนเมื่อไรทุกคนจะนั่งจิบบรรยากาศเพลินจนไม่อยากลุกแน่ๆ
Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
Open: เปิดวันพุธ-วันจันทร์ เวลา 11.00-01.00 น. (ปิดวันอังคาร)
Address: ซอยอารีย์สัมพันธ์ 4
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/oh-vacoda-the-fruit-bar-club/
Echelon
บาร์และไนต์คลับสุดฮอตย่านทองหล่อ โดยท่ีนี่มาในคอนเซปต์ขบวนรถไฟ เพราะได้รับแรงบันดาลใจมาจากซีรีส์เรื่อง Snowpiercer ส่วนเครื่องดื่มจะเน้นความดื่มง่ายเป็นหลัก พร้อมกับบรรยากาศที่สนุกสุดเหวี่ยงเมื่อเข้าสู่ช่วงดึก
Open: เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป
Address: ชั้น 3 โครงการมาร์เช่ทองหล่อ
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/echelon-bangkok/
The Fresh Mix
บาร์ค็อกเทลสไตล์อเมริกันไวบ์สนุกสนาน เปิดอยู่บนชั้น 2 ของโครงการ BLOQyard ใกล้ BTS ช่องนนทรี ที่นี่เน้นหยิบวัตถุดิบท้องถิ่นมาเปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มน่าสนใจ นำโดย เดวิด บาร์เทนเดอร์และเจ้าของบาร์แห่งนี้ที่ถือว่าเปิดร้านเป็นของตัวเองครั้งแรก หลังจากเดินทางทำหน้าที่บาร์เทนเดอร์มาแล้วในหลายๆ เมือง เช่น แอตแลนตา, ลาสเวกัส, โคโลราโด และฮาวาย
Open: เปิดทุกวัน เวลา 17.00-00.00 น.
Address: BLOQyard
BAR US
บาร์มืดสลัวที่ดึงคอนเซปต์ห้องอาหารมาทวิสต์เป็นห้องดื่ม เสิร์ฟค็อกเทลที่ทำจากส่วนผสมสุดแปลกท้าทายสายชอบลอง เพราะมีวัตถุดิบอาหารคาวเป็นส่วนประกอบ ที่นี่จึงเหมาะสำหรับคนชอบค็อกเทลดีๆ ในมู้ดเท่ๆ แก้วที่ห้ามพลาดคือซิกเนเจอร์ดริงก์ที่มีส่วนผสมอย่างผักชีหรือน้ำปลา
Open: วันอังคาร-เสาร์ เวลา 18.00-00.00 น.
Address: ซอยสุขุมวิท 26
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/bar-us-sukhumvit-26/
Gir
บาร์ค็อกเทลบนตึกชั้น 40 ที่อยากให้ทุกคนเข้าใกล้ธรรมชาติ ค็อกเทลที่นี่จึงได้แรงบันดาลใจมาจากนิยามของคำ 3 คำ คือ Wild, City, Coexistence ซึ่งแต่ละคำถูกตีความให้กลายเป็นซิกเนเจอร์ดริงก์ที่มีอยู่ 5 ตัว
โดย Wild เป็นค็อกเทลที่ใช้เทคนิคง่ายๆ ไม่ซับซ้อน มีการเพิ่มกลิ่นและรสให้มีความป่าเขาและธรรมชาติ, City เป็นค็อกเทลที่ใช้เทคนิคสมัยใหม่และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาผสม มีความซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม และเสิร์ฟในแก้วทรงสูง (Highball) เพื่อสื่อถึงความเป็นเมืองใหญ่ และ Coexistence ผสมผสานเทคนิคดั้งเดิมและสมัยใหม่เข้าด้วยกัน หยิบยกจุดเด่นของค็อกเทลในหมวด Wild และ City มาตีความใหม่
Open: ทุกวัน 19.00-02.00 น.
Address: อาคาร T-One ชั้น 40, ซอยสุขุมวิท 40
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/gir-cocktail-bar/
Tripper Newroad
แม้ย่านตลาดน้อยจะมีบาร์ไม่มาก แต่ถ้าพูดถึงบาร์แจ๊ส To More หลายคนก็น่าจะรู้จักกันดี ซึ่งบาร์ใหม่ย่านตลาดน้อยแห่งนี้ก็มาจากทีมงานเดียวกัน พวกเขาบอกว่าอยากทำให้ตลาดน้อยคึกคักยิ่งใหญ่เหมือน Neighborhood อื่นๆ บ้าง จึงเปิดบาร์ค็อกเทล Tripper Newroad ขึ้นมา รอให้ทุกคนแวะไปนั่งฟังเพลง จิบค็อกเทล ในไวบ์ชานชาลารถไฟพร้อมพาเที่ยว
ค็อกเทลซิกเนเจอร์ทั้ง 10 เมนูจึงมาในธีมการเดินทาง โดยตั้งชื่อตามเมืองต่างๆ ที่นักเดินทางชอบไป และใช้วัตถุดิบขึ้นชื่อของเมืองนั้นเป็นส่วนผสมหลัก รสชาติจะเน้นความดื่มง่าย มีหลายแนวทั้งหนัก-เบา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำค็อกเทลคลาสสิกมาทวิสต์ใหม่
Open: เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 18.30-00.00 น.
Address: ตลาดน้อย ถนนเจริญกรุง
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/tripper-bar/
365 Days Jazz Bar
บาร์แจ๊สที่มาพร้อมคราฟต์ค็อกเทล เน้นวัตถุดิบและส่วนผสมทำจากผลไม้สด โดย Signature Cocktail มีอยู่ 8 เมนู ตั้งชื่อตามบทเพลงแจ๊สในตำนาน ซึ่งร้านเสริมว่าลิสต์ค็อกเทลที่เห็นในเมนูก็คือเรียงลำดับความแรงจากน้อยไปมากไว้แล้วเรียบร้อย
Open: เปิดทุกวัน เวลา 19.00-01.00 น. (ดนตรีสด วันพฤหัสบดี-เสาร์ เวลา 21.00-00.00 น.)
Address: ถนนสุรวงศ์ เขตบางรัก (ติดกับ G Boutique Hotel Surawong)
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/365-days-jazz-bar/
Fuchsia BKK
บาร์สุดฮอตและเซ็กซี่แห่งใหม่ใจกลางเมือง โดยทีมงานเบื้องหลังเดียวกับ Rabbit Hole, Crimson Room และ Bar Marco นอกจากเครื่องดื่ม การออกแบบบาร์ และดนตรีน่าลุกขึ้นเต้น อีกไฮไลต์หนึ่งก็คือการแสดง Pole Dance และแสงสีสุดยั่วยวน
Open: เปิดวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 20.00-02.00 น.
Address: ถนนเดโช สุรวงศ์
Find The Photo Booth
ค็อกเทลบาร์ที่นักดื่มตัวจริงต้องรู้จักเป็นอย่างดี! หลังจากหายหน้าไปนานช่วงโควิด ตอนนี้ร้านกลับมาผงาดอีกครั้งในโลเคชันใหม่ย่านบรรทัดทอง แต่ยังคงคอนเซปต์บาร์ลับที่ซ่อนตัวอยู่ในตู้ถ่ายรูปเช่นเดิม ส่วนเครื่องดื่มก็ได้แรงบันดาลใจมาจากความสนุกของดนตรี จึงเกิดเป็นค็อกเทลซิกเนเจอร์ 7 แก้วที่ใช้ชื่อเรียกตามคอร์ดดนตรี
Open: เปิดทุกวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 19.00-02.00 น.
Address: ถนนบรรทัดทอง
LOCAL WINE BAR
ถ้าไม่ใช่ชาวสีลมตัวจริงก็คงไม่รู้ว่าในซอกเล็กๆ ด้านหลังร้านพิซซ่าจะมีเนเชอรัลไวน์บาร์บรรยากาศดีเปิดอยู่ชั้นบนสุดของตึก ที่นี่ตั้งใจเป็นร้านนั่งชิลจิบไวน์หลังเลิกงานสำหรับคนประจำย่าน หรือเป็นร้านนัดเพื่อนมาแฮงเอาต์ด้วยกันได้ทุกสัปดาห์แบบไม่ต้องคิดเยอะ
จึงเป็นที่มาของชื่อร้าน Local Wine Bar หรือ LCWB ไวน์บาร์สุดโฮมมี่ที่มาพร้อมดนตรีสด อาหาร และไวน์ฉลากสวยหลายสัญชาติให้เลือกจิบ
Open: เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.00-00.00 น.
Address: ชั้น 4 ตึก Food Channel (ปากซอยสีลม 5)
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/local-wine-bar/
BarBlah
บาร์นี้เกิดจากกลุ่มเพื่อนที่ชอบดื่มไวน์ แต่พวกเขาไม่อยากทำให้น้ำผลไม้เหล่านี้เป็นเรื่องเข้าถึงยากเกินไป จึงเลือกทำไวน์บาร์บรรยากาศโคซี่ๆ สนุกๆ ตั้งแต่การจัดร้านไปจนถึงลิสต์เครื่องดื่มจึงเน้นความเข้าถึงง่ายเป็นหลัก โดยมีให้เลือกทั้งคลาสสิกไวน์และเนเชอรัลไวน์ แต่จะเน้นไวน์แบบแรกมากกว่าหน่อย เพราะเป็นไวน์ที่ทุกคนชื่นชอบตลอดกาล
ส่วนเนเชอรัลไวน์จะเน้นสไตล์ดื่มไม่ยากจนเกินไป มีให้เลือกพอสมควรสำหรับคนอยากลอง และอาจมีของหายากแวะมาอยู่บ้าง
Open: เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 19.00-00.00 น.
Address: ซอยสุขุมวิท 22
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/barblah-wine-bar/
Plot Twist Bar
ที่บอกว่าลับเพราะบาร์ทำให้ตัวเองลับจริงๆ เนื่องจาก Plot Twist เปิดอยู่บนชั้น 6 ของโรงแรม Best Western Chatuchak มาถึงแล้วทุกคนต้องขึ้นลิฟต์ ก่อนต้องแหวกม่านและเดินขึ้นบันไดไปเพื่อพบบาร์ค็อกเทลแห่งนี้ ที่มาพร้อมวิวเมืองฝั่งบางซื่อยาวไปจนสุดสายตาถึงสะพานข้ามแม่น้ำ (หากวันไหนท้องฟ้าเป็นใจนะ)
และด้วยความที่ Plot Twist Bar เปิดอยู่ใกล้สถานีกลางบางซื่อ ค็อกเทลจึงมาในคอนเซปต์ ‘การเดินทางด้วยรถไฟ’ เน้นหยิบวัตถุดิบขึ้นชื่อของแต่ละท้องถิ่นที่รถไฟไปถึงมารังสรรค์เป็นเมนูซิกเนเจอร์
Open: ทุกวัน เวลา 18.00-00.00 น.
Address: ชั้น 6 โรงแรม Best Western Chatuchak
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/plot-twist-cocktail-bar/
251 by Bar Scofflaws
จากที่ปิดรีโนเวตไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนนี้กลับมาพร้อมให้บริการอีกครั้งสำหรับ Bar Scofflaws บาร์ลับย่านเอกมัยที่ขึ้นชื่อเรื่องหาทางเข้ากันไม่เจอเพราะลับเกิน! แต่ต่อไปนี้คงจะไม่ลับอีกต่อไป เพราะโซนใหม่ชั้นบนถูกเนรมิตเป็น 251 by Bar Scofflaws ไวน์บาร์ที่เสิร์ฟดนตรีแจ๊สสุดเจ๋งจนต้องบอกต่อ พร้อมกับเมนูดริงก์ที่มีทั้ง Custom Cocktail, Cocktail และ Wine
Open: ทุกวัน เวลา 19.00-02.00 น.
Address: ซอยสุขุมวิท 63
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/251-by-bar-scofflaws/
Muan Jazz Bar
นี่คือบาร์ Wongar เดิมที่รีแบรนด์ตัวเองใหม่ กลายเป็นบาร์ไวน์และสาเกที่จริงจังกับเพลงแจ๊ส ทุกสุดสัปดาห์จึงมีดนตรีสดมาเล่นให้ฟังแบบอบอุ่น สนุกสนาน ส่วนแฟนคลับไวบ์เดิมก็ไม่ต้องห่วง เพราะเขายังเก็บของโปรดทุกคนเอาไว้ อย่างเช่นค็อกเทลที่ยังอยู่ครบทุกเมนู
และถึงแม้จะเปลี่ยนคอนเซปต์ แต่บาร์ก็มีอะไรๆ ให้น่าจิบและน่าค้นหาเช่นเดิม ทั้งเนเชอรัลไวน์, สาเก, อูเมะชู, ยูซุ และวิสกี้ที่มีทั้งสัญชาติไทยและญี่ปุ่น อย่างในอนาคตก็จะมีสุราท้องถิ่นเพิ่มเข้ามาด้วย
Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 18.00-00.00 น.
Address: ชั้น 8 โครงการเดอะฮับ พหลฯ-อารีย์
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/muan-jazz-bar/
Lost in Thaislation
บาร์แห่งใหม่ของ ฝาเบียร์-สุชาดา โสภาจารี บาร์เทนเดอร์ที่มาพร้อมผมสีชมพูสุดจี๊ด สำหรับที่นี่เธอนำเสนอค็อกเทลในธีม Bangkok Street Food ที่ตั้งใจให้ใครที่ได้ลองดื่มเกิดคำถามว่า “รสชาติเหมือนของจริงไหม?” แล้วไปลองกินเมนูนั้นจริงๆ เช่น ข้าวเหนียวมะม่วงที่หมายถึงร้านแม่วารีซึ่งอยู่ใกล้ๆ บาร์ หรือหมูสับเกี่ยมบ๊วยที่ชวนข้ามถนนไปร้านข้าวต้มแสงชัยโภชนา
Open: เปิดทุกวัน เวลา 17.30-00.00 น.
Address: BTS ทองหล่อ ทางออก 3
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/lost-in-thaislation/
Rimshot Bar’
ผู้อยู่เบื้องหลัง Rimshot Bars’ ไม่ใช่ใครอื่นไกลนอกจากทีมงาน Sugarray เพราะฉะนั้นเชื่อมือเรื่องบรรยากาศและดริงก์ได้เลย ส่วนค็อกเทลที่นี่มีสองหมวด House Drinks เปรียบเหมือนซิกเนเจอร์เมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากค่ายเพลง และ Artist Favorite ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องดื่มแก้วโปรดของบรรดาศิลปินในวงการดนตรี
Open: เปิดทุกวัน เวลา 19.00-02.00 น.
Address: ซอยสุขุมวิท 22
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/sip-your-favorite-drink-at-rimshot
Bees Things & Flowers
อาคารเก่าบนหัวถนนแยกไมตรีจิตต์ที่ถูกปล่อยทิ้งร้างหลายปี ตอนนี้ได้รับการรีโนเวตให้กลายเป็นร้านกาแฟ ตามด้วยชั้น 2 ที่เป็นร้านไอศกรีม และรอบนี้ถึงเวลาเปิดตัว Bees Things & Flowers (BTF) ที่ชั้น3 ในฐานะค็อกเทลบาร์และร้านนั่งชิลที่วิวดีที่สุดบนถนนไมตรีจิตต์ โดยที่นี่จะเน้น Modern Classic Cocktail เป็นหลัก
Open: วันจันทร์-อังคาร และ วันพฤหัสบดี-อาทิตย์ เวลา 16.00-00.00 น.
Address: ถนนไมตรีจิตต์
อ่านต่อได้ที่ thestandard.co/life/bees-things-flowers-btf/
HEX BAR
ถ้าหากเดินผ่านๆ อาจคิดว่าเป็นร้านขายดอกไม้หรือน้ำหอม แต่ด้านในคือบาร์น้องใหม่ย่านเยาวราชที่มาในคอนเซปต์โลกแห่งเวทมนตร์
Open: เปิดทุกวัน เวลา 18.00-01.00 น.
Address: ซอยวานิช 1
Pili Pala
ค็อกเทลบาร์แห่งใหม่ย่านสีลมที่มาพร้อมดริงก์สำหรับคนชอบค็อกเทลคลาสสิกทวิสต์ มีทั้งแนวสดชื่นดื่มง่าย และอเมริกันสไตล์
Open: เปิดทุกวัน เวลา 18.00-01.00 น.
Address: สีลมซอย 3
The White Mulberry
บาร์ค็อกเทลไวบ์อบอุ่นหรูหราในโรงแรม SILQ Hotel & Residence มาพร้อมเครื่องดื่มที่เน้นวิสกี้เป็นหลัก และเล่าเรื่องราวของโลกแห่งเส้นไหมผ่านเครื่องดื่ม
Open: เปิดทุกวัน เวลา 17.00-00.00 น.
Address: ซอยสุขุมวิท 24 ชั้น 9 ในโรงแรม SILQ Hotel & Residence