×

365 Days Jazz Bar บาร์แจ๊สสไตล์บ้านเพื่อนฝรั่งที่เสิร์ฟค็อกเทลสุดคราฟต์

27.08.2023
  • LOADING...
365 Days Jazz Bar

ใครขับรถผ่านถนนเส้นสุรวงศ์ก็คงเป็นต้องสะดุดตากับร้านอาหารชื่อดังอย่างสมบูรณ์โภชนาที่ตั้งตระหง่านอยู่หัวมุมสามแยก หากเลยไปอีกไม่ถึงร้อยเมตรแล้วไม่ทันสังเกตก็คงไม่รู้ว่ามีบาร์แจ๊สไวบ์ดีซ่อนอยู่ บาร์แห่งนี้มีชื่อว่า 365 Days Jazz Bar ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

 

365 Days Jazz Bar

 

The Vibe

เดิมทีพื้นที่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโรงแรมด้านข้างที่เจ้าของสนองแพสชันที่มีต่อดนตรีแจ๊ส ด้วยการเนรมิตเป็นบาร์เพื่อให้ตัวเองได้แวะมาพักใจ ฟังแจ๊สหลังเลิกงาน และที่สำคัญคือต้องเป็นบาร์ที่ให้ความรู้สึกสบาย ไม่อึกทึก ไม่อึดอัด ไม่ต้องแต่งตัวเลิศหรูก็แวะมาได้ ประหนึ่งแวะมานั่งเล่นบ้านเพื่อน และต่อให้แวะมาคนเดียวก็ต้องไม่รู้สึกเกร็ง 

 

พอผลักประตูเข้าไปปั๊บ ความรู้สึกแรกคือ ‘สบายจัง’ สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือบาร์ที่ส่องสว่างพร้อมเก้าอี้หนังเรียงราย ท่ามกลางไฟในร้านที่ถูกดิมให้สลัวและบทเพลงของ Louis Armstrong ที่เปิดอยู่ 

 

365 Days Jazz Bar

 

มองไปรอบๆ เห็นถึงการตกแต่งโทนไม้ด้วยสีของเฟอร์นิเจอร์ วอลล์เปเปอร์ หากเดินลัดเลาะเข้าไปด้านในตัวร้านอีกนิดก็จะสัมผัสถึงกลิ่นอายวินเทจยิ่งขึ้นด้วยวอลล์เปเปอร์ลายดอกไม้ โคมไฟยุคก่อน 

 

365 Days Jazz Bar 365 Days Jazz Bar 365 Days Jazz Bar

 

ตลอดจนแผ่นไวนิลและภาพของศิลปินแจ๊สระดับตำนานที่ประดับอยู่บนกำแพง ซึ่งล้วนทำให้รู้สึกว่าเรากำลังแวะมาเที่ยวบ้านเพื่อนฝรั่งคนหนึ่งที่มีหัวใจแจ๊สอย่างแท้จริง

 

365 Days Jazz Bar 365 Days Jazz Bar 365 Days Jazz Bar

 

The Taste

ดริงก์ของที่นี่จะเน้นเป็นค็อกเทลที่มีความคราฟต์ (แบบจริงจัง) ในวัตถุดิบและส่วนผสมที่ใช้ โดยจะเป็นการใช้ผลไม้สดมาทำทั้งหมด เพื่อให้คนดื่มได้รสชาติของน้ำผลไม้สดและความหวานแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง ไม่ใช่จากไซรัป ยกเว้นในหมวดคลาสสิกค็อกเทลบางตัวที่ต้องมีบ้างเพื่อให้ได้รสชาติตามสูตร ซึ่งน้ำผลไม้ที่ได้จากการคั้นสดนั้นก็ยังต้องนำมาเข้าสู่กระบวนการคราฟต์ให้ได้รสชาติที่มีเอกลักษณ์ยิ่งขึ้น ตัวแก้วที่ใช้เสิร์ฟก็ยังต้องแช่เย็นติดลบ 20 องศา เพื่อรักษาอุณหภูมิดริงก์ และอีกจุดที่ทางร้านให้ความสำคัญคือรสชาติที่ต้องบาลานซ์ตามสโลแกนที่บาร์เทนเดอร์กระซิบมา “เหล้าถึง…แต่กินง่าย” แต่หากใครไม่ดื่มค็อกเทล ที่นี่ก็มีไวน์ด้วยเช่นกัน

 

365 Days Jazz Bar 365 Days Jazz Bar

 

ขณะนั่งหน้าบาร์ก็เหลือบไปแผ่นเมนูที่ชวนสะดุดตากับหมวด Signature Cocktail 8 แก้ว ด้วยชื่อแต่ละแก้วที่ตั้งตามบทเพลงแจ๊สในตำนาน ซึ่งทางร้านเสริมว่าลิสต์ค็อกเทลที่เห็นในเมนูก็คือเรียงลำดับความแรงจากน้อยไปมากไว้แล้วเรียบร้อย เริ่มกันที่ Cheek to Cheek (380 บาท) ที่เหมาะเป็นแก้วสตาร์ทเตอร์ ด้วยรสชาติที่ดื่มง่าย หอมกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของน้ำเก๊กฮวย น้ำสับปะรดคั้นสด เพิ่มความหอมหวานด้วยฮันนี่จิงเจอร์  

 

365 Days Jazz Bar 365 Days Jazz Bar 365 Days Jazz Bar

 

เพิ่มความสดชื่นขึ้นมาหน่อยกับ Fly Me to the Moon (380 บาท) วอดก้าผสมกับชากุหลาบผิวส้ม น้ำมะพร้าว ท็อปด้วยโฟมยูซุเนื้อละมุนและผลไม้ ที่แน่นอนว่าทางร้านนำไปคราฟต์เองอีกเช่นกัน     

 

365 Days Jazz Bar

 

ระหว่างที่กำลังเอ็นจอยกับค็อกเทล ทางร้านแนะนำให้ลอง Cold Cut (420 บาท) ที่ใช้ชีสนำเข้าจากอิตาลีมากินเล่น ถ้าคุณเป็นสายชีสเราแนะนำว่าสั่งเถอะ ต่อให้คุณจะไม่ดื่มไวน์ในวันนั้นก็ตาม เพราะชีสที่นี่คือดีแบบเต็มสิบด้วยคุณภาพและรสชาติที่กินง่ายอร่อยเพลิน เผลอแป๊บเดียวทีม LIFE ก็หยิบกันหมดถาดแล้ว

 

365 Days Jazz Bar 365 Days Jazz Bar

 

ต่อกันด้วย In a Sentimental Mood (380 บาท) ที่เริ่มมีดีกรีความแรงขึ้นมาแบบรู้สึกได้ด้วยเบสเป็นจิน ชาเขียวที่นำไป Clarify ฟลอรัลเบียร์ไซรัป และเปปเปอร์เมลอน รสชาติโดยรวมจะมีความขมเล็กๆ แต่ยังให้ความรู้สึกสดชื่นอยู่

 

365 Days Jazz Bar

 

เดินทางมาถึงครึ่งทางกับ Tenderly (380 บาท) ค็อกเทลสีชมพูสวยหวานตกแต่งด้วยผลไม้และดอกไม้ด้านบน ซึ่งรสชาติออกเป็นสไตล์ฟรุตตี้ฟลอรัลตามหน้าตาจริงๆ ด้วยเบสเป็นฟลอรัลจิน เพิ่มความเปรี้ยวหวานสดชื่นด้วยกุหลาบและราสป์เบอร์รี น้ำแอปเปิ้ล น่าจะเป็นแก้วที่ถูกใจสาวๆ กันไม่น้อย

   

365 Days Jazz Bar

 

Turn Me On (380 บาท) แก้วนี้ชวนให้นึกถึงรสชาติของนมเปรี้ยวโซดาที่ชอบดื่มในวัยเด็ก แต่แน่นอนว่าเวอร์ชันนี้มาในแบบผู้ใหญ่แล้วด้วยเบสเป็นรัม น้ำแอปเปิ้ลเขียวที่ถูกเพิ่มความหอมด้วยใบไทม์ น้ำสับปะรด กุหลาบ และซิตรัส ซึ่งต้องบอกว่าเป็นแก้วที่ค่อนข้างประทับใจเลยทีเดียว ด้วยรสชาติที่ยังคงดื่มง่าย สดชื่น ยิ่งกินพาร์เมซานชีสด้านบนด้วยแล้วเข้ากันได้อย่างน่าประหลาด

 

365 Days Jazz Bar

 

และแล้วก็เข้าสู่แก้วที่ติดอันดับความแรงระดับต้นๆ ของที่นี่กับ Time After Time (420 บาท) ที่มีเหล้าทั้งหมด 4 ตัว, วิสกี้, เหล้าองุ่น 2 ตัว Canasta Grape Sherry กับ Rosso Vermouth, เหล้าถั่ว Amaretto แต่งกลิ่นด้วยอบเชยรมควัน และด้านบนก็ยังมีการท็อปด้วยช็อกโกแลตที่ทางร้านทำเองและองุ่น 

 

365 Days Jazz Bar

 

เทคนิคการดื่มแก้วนี้คือ จิบ กัดองุ่น แล้วตามด้วยช็อกโกแลต โน้ตแรกที่สัมผัสได้จากแก้วนี้คือกลิ่นที่ชวนให้นึกถึงเชอร์รีที่ประดับบนไอศกรีม Swensen’s และความแรงของเหล้าที่ถึงกับอุทานว่า “หมดแก้วนี้คือขิต” ซึ่งทางบาร์เทนเดอร์ก็ต้องถึงกับแซว “หมดแก้วนี้ไม่ขิต แต่ไปสวรรค์แทนเพราะใช้ของดี” ถือเป็นแก้วที่มีรสชาติเข้มข้นถึงใจจริงๆ 

 

และแล้วก็มาถึงแก้วที่เรายกให้เป็นที่สุดของค่ำคืนนี้ Hello Dolly (420 บาท) ค็อกเทลวิสกี้เบสที่มีส่วนผสมชูโรงเป็นไวน์ผลไม้คราฟต์ เลยถือโอกาสนั่งฟังบาร์เทนเดอร์เล่ากรรมวิธีการทำไวน์คราฟต์ที่ว่าสักหน่อย  

 

365 Days Jazz Bar

 

นั่งฟังอยู่เกือบ 5 นาทีก็ได้แต่คิดว่า “เอาเงินเราไปเถอะ” (แต่ละขั้นตอนดูเหนื่อยเหลือเกิน) นอกจากแก้วนี้จะมีไวน์ผลไม้คราฟต์พิเศษสุดพิถีพิถันแล้ว ก็ยังมีเสาวรสที่ขูดสดลูกต่อลูก น้ำแอปเปิ้ล ซิตรัส เสิร์ฟพร้อมเชอร์รีและทองคำเปลวด้านบน สำหรับวิธีการดื่มน้ำจะจิบลิ้มรสทีละเลเยอร์หรือคนไปเลยก็ได้เพื่อรสชาติที่เข้มข้น ถือเป็นแก้วที่รสชาติค่อนข้างตราตรึงในทุกมิติจริงๆ 

 

365 Days Jazz Bar

 

หากใครอยากได้ค็อกเทลรสชาติตามใจฉันก็สามารถสั่งเป็นแบบ Special Mystery Cocktail (420 บาท) ได้เช่นกัน โดยที่เราสามารถพูดคุยกับบาร์เทนเดอร์ถึงรสชาติที่ชอบได้เลย 

 

ในส่วนของดนตรีแจ๊สสดที่นี่จะมีการเปลี่ยนสไตล์เพลงไปทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นแนว Jazz Diva ที่ใช้พลังเสียง, Standard Jazz เน้นร้องเพลงเก่า หรือ Pop Jazz ที่เป็นการหยิบยกเพลงดังยอดฮิตมาคัฟเวอร์เป็นสไตล์แจ๊ส ซึ่งแนวที่เราได้มาฟังในครั้งนี้คือ Standard Jazz โดยวง Penny Quartet ที่จะบรรเลงทุกคืนวันศุกร์ หากถามว่าฟังแล้วเคลิ้มแค่ไหนให้ภาพเล่าเรื่อง แขกที่แวะเวียนมาในร้านถึงกับต้องลุกขึ้นมาเต้นกันเลยทีเดียว 

 

365 Days Jazz Bar 365 Days Jazz Bar 365 Days Jazz Bar

 

Good For

ปัจจุบันมีบาร์แจ๊สหลายที่ แต่ถ้าอยากได้บาร์แจ๊สที่มีความโคซี่ อบอุ่น และเป็นกันเอง ไม่ต้องใส่สูทหรือส้นสูง และมีค็อกเทลดีๆ ที่จริงจังเรื่องส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ 365 Days Jazz Bar คือคำตอบ 

 

365 Days Jazz Bar

 

365 Days Jazz Bar 

Open: เปิดทุกวัน เวลา 19.00-01.00 น. (ดนตรีสด วันพฤหัสบดี-เสาร์ เวลา 21.00-00.00 น.) 

Address: 173/8-9 ถนนสุรวงศ์ เขตบางรัก (ติดกับ G Boutique Hotel Surawong) 

Instagram: https://www.instagram.com/365daysjazzbar/   

Budget: ค็อกเทลเริ่มต้นที่ 320 บาท 

Map: 

 

 

ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising